1. สาวผิวมันรูขุมขนกว้าง/ใหญ่
- การใช้ครีมบำรุง หรือมอยส์เจอไรเซอร์แทบไม่จำเป็น แต่ถ้าจะใช้ครีมบำรุงบางชนิดอาจเป็นไปตามวัย เช่น ครีมลดริ้วรอย ส่วนครีมบำรุงอื่นๆ ควรเลือกชนิดบางเบาไม่ให้เหนียวเหนอะหนะ รวมถึงครีมกันแดด ส่วนกระดาษซับมันซับได้ไม่เกิดอันตราย ยกเว้นคนที่แพ้สารในกระดาษซับมันบางชนิด
- เลือกสบู่หรือโฟมล้างหน้าสำหรับผิวมัน อย่างไรก็ตามควรล้างหน้าแต่พอเหมาะ ไม่บ่อยเกินไป ผิวหน้าจะได้ไม่แห้งตึง
- การใช้เครื่องสำอางหรือครีมบำรุงพวกออยล์คอนโทรล ช่วยลดความมันได้ส่วนหนึ่งแต่ไม่ใช่ทั้งหมด
- สามารถใช้แผ่นลอกสิวเสี้ยนได้ แต่ถ้าใช้บ่อยไปสารที่อยู่ในแผ่นอาจก่อให้เกิดการระคายเคือง มีโอกาสแพ้ได้ การใช้แผ่นลอกสิวเสี้ยนนี้ไม่ทำให้รูขุมขนกว้างขึ้น เพราะนานๆไปผิวจะกระชับเข้าเอง แต่จะได้เต็มที่หรือไม่ขึ้นอยู่กับลักษณะของผิวแต่เดิม
2. สาวผิวหน้าแห้งเป็นขุย
- ริ้วรอยของคนผิวแห้งเกิดจากผิวขาดน้ำ ดังนั้นแค่เราทาครีมบำรุงพวกมอยส์เจอไรเซอร์ให้ความชุ่มชื้นก็หาย
- ไม่ควรล้างหน้าบ่อยๆ ให้ใช้สบู่หรือ โฟมล้างหน้าสำหรับคนผิวแห้ง และอย่าใช้น้ำอุ่นมากนัก เพราะถ้ายิ่งร้อนมากจะชำระล้างไขมันที่เคลือบผิวให้ชุ่มชื้นออกไปหมด โดยเฉพาะหน้าหนาวนี้อากาศแห้งล้างหน้าด้วยน้ำเปล่าก็พอ
- การรักษาสิวสำหรับคนผิวแห้งควรไปพบแพทย์ แพทย์ก็จะเลือกยาที่ไม่ก่อให้เกิดความระคายเคืองแก่ผิว
3. สาวผิวแพ้ง่าย
- ถ้าเรารู้ว่าแพ้อะไรก็หลีกเลี่ยงสิ่งนั้น
- ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่ป้องกันการระคายเคือง เช่น เลือกมอยส์เจอไรเซอร์แบบ fragrance-free ไม่มีสารกันบูด หรือมีสารแต่งสีแต่งกลิ่นน้อย
- ควรเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่ช่วยผลัดเซลล์ผิว เช่น เอเอชเอ บีเอชเอ หรือกรดวิตามินเอ ที่ทำให้หน้าใส เพราะทำให้ระคายเคืองง่าย
- ใช้น้ำเปล่าล้างหน้าหรือใช้ผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยนต่อผิวแพ้ง่าย ไม่ขัดถูผิวหน้าแรงเกินไป ใช้ครีมบำรุงผิวให้ชุ่มชื้น
- คนที่มีผิวแพ้ง่ายสามารถแต่งหน้าได้ เพราะโอกาสแพ้เครื่องสำอางมีน้อยกว่าครีมบำรุงผิวเสียอีก แต่ก่อนใช้ควรทดสอบเครื่องสำอางโดยทาที่บริเวณท้องแขนเสียก่อน
- หากแพ้เครื่องสำอางควรรีบล้างด้วยน้ำเปล่า ใช้ผ้าชุบน้ำเย็น หรือใช้น้ำแข็งประคบ จะทำให้ปฏิกิริยาการแพ้ลดลง หรือทานยาแก้แพ้ เช่น คอเฟมิลานิน ถ้ายังไม่ดีขึ้นควรรีบพบแพทย์
4. สาวมีผิวหมองคล้ำ จุดด่างดำ ฝ้า กระ
- ไฟนีออนทำให้ผิวหมองคล้ำขึ้นได้ ดังนั้นควรทาครีมกันแดดตลอดเวลาแม้ในยามกลางคืน ส่วนแสงจากคอมพิวเตอร์ยังไม่มีการวิจัยว่ามีอิทธิพลต่อการเกิดผิวคล้ำหรือไม่
- การขัดผิวหน้าหรือการสครับ และการมาสก์หน้า ช่วยทำให้หน้ากระจ่างใส แต่ถ้าทำมากไปจะทำให้เกิดการระคายเคืองง่าย เพราะส่วนที่ปกป้องผิวชั้นบนน้อยลง เมื่อออกแดดจะดำง่ายขึ้น ฉะนั้นอย่าทำบ่อย ส่วนคนที่ผิวแห้งไม่แนะนำเพราะจะทำให้ผิวยิ่งแห้งขึ้น ส่วนการมาสก์หน้ามีทั้งแบบที่ใส่ครีมลงไปเพื่อให้ความชุ่มชื้นเหมาะกับคนผิวแห้ง กับแบบใส่สารช่วยลดหรือดูดซับความมันเหมาะกับผิวมัน ทั้งนี้ควรอ่านฉลากดูส่วนผสมว่าเหมาะกับผิวแบบใด
- ครีมหน้าขาว หน้าเด้ง อย่างไวเทนนิ่ง ทำให้หน้าขาวขึ้นในระดับหนึ่งเท่านั้น ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับเม็ดสีผิวของแต่ละคนด้วย
- ครีมทาแก้ฝ้าควรได้รับการดูแลจากแพทย์ อย่างไรก็ตามปัจจุบันมีเครื่องลดรอยด่างดำโดยเฉพาะเจาะจง โดยใช้คลื่นแสง ไม่ทำให้เป็นแผล
- การลดกระ ต้องหลีกเลี่ยงแดดจัด และทาครีมกันแดดให้มากกว่าเดิม1-2 เท่า
5. สิว
- การทานผักผลไม้ที่มีสีส้ม เพราะมีสารเบต้าแคโรทีน วิตามินซีมีสารต้านอนุมูลอิสระ ต้านความเสื่อมของผิว ทำให้ผิวแข็งแรงขึ้น หรือถ้าโดนแดดทำให้เกิดปฏิกิริยาน้อยลง
- ห้ามแกะสิว เพราะจะทำให้อักเสบ เป็นรอยแดง
- ถ้าเป็นน้อยทายาฆ่าเชื้อแบคทีเรียอย่างอ่อนซื้อได้ตามร้านขายยา
- หากเป็นมากควรพบแพทย์ เพื่อรักษาตามลักษณะของสิว
- ตามปกติรอยแดงจากสิวจะค่อยๆหายไปเอง ถ้ายังไม่หายอาจไปพบแพทย์เพื่อรักษาด้วยเลเซอร์ ทางที่ดีควรเลี่ยงแดดด้วย เพราะทำให้รอยแดงเข้มขึ้น
6. ริ้วรอย
- รับการรักษาจากแพทย์ โดยแพทย์จะเป็นผู้ให้สารคลายกล้ามเนื้อเพื่อลดริ้วรอย ล่าสุดมีโปรตีนตัวใหม่ที่กระตุ้นเนื้อเยื่อให้ซ่อมแซมและสร้างตัวเองขึ้นมาใหม่โดยไม่ทำให้ระคายเคือง เรียกว่า Growth Stimulater หรือบางทีอาจใช้เลเซอร์คลื่นแสงสร้างเนื้อเยื่อขึ้นมาโดยไม่เกิดแผล
- คอลลาเจนกับอีลาสตินในเครื่องสำอางที่โฆษณา ความจริงมันไม่สามารถลงไปใต้ผิวได้แค่ช่วยเคลือบผิวไว้ และช่วยอุ้มน้ำทำให้ผิวชุ่มชื่น แต่ไม่สามารถลงไปทดแทนคอลลาเจนหรืออีลาสตินได้
- กรดวิตามินเอเป็นตัวยาที่กระตุ้นการสร้างเนื้อเยื่อ อาจเกิดการระคายเคืองได้ ถ้าใช้ไม่ เหมาะสม แต่ส่วนใหญ่ได้ผลดี และต้องได้รับการรักษาจากแพทย์
- เรตินอลเออยู่ในเครื่องสำอาง เป็นรูปแบบหนึ่งของวิตามินเอ ระคายเคืองน้อยกว่า กรดวิตามินเอสามารถลงไปใต้ผิว เปลี่ยนเป็นวิตามินเอได้ แต่ได้ผลดีน้อยกว่ากรดวิตามินเอ
- วิตามินเอในแอนติออกซิแดนท์ (ACE) อยู่ในพืชผักและผลไม้ มีสารเบต้าแคโรทีน ช่วยต้านอนุมูลอิสระ
- ล่าสุดมีเครื่องมือเพื่อยกกระชับผิวหน้าที่หย่อนคล้อยให้ตึงขึ้น โดยใช้พลังงานไฟฟ้าวิทยุส่งลงไปใต้ผิว ทำให้เนื้อเยื่อที่มีอยู่หดตัวตึงกระชับขึ้น บางประเภททผสมเลเซอร์สร้างเนื้อเยื่อ ลบริ้วรอยในตัว
7. ตา
- ถ้าใต้ตาเป็นรอยดำหมองคล้ำ แพทย์จะใช้เลเซอร์ลดเส้นเลือดขยาย แต่โดยทั่วไปควรพักผ่อนให้เพียงพอ อย่าขยี้ตา เพราะจะทำให้ผิวเกิดการระคายเคืองและรอยดำ
- ถ้าเป็นตีนกา ใช้ครีมลดริ้วรอย และยาในกลุ่มกรดวิตามินเอ
- สิวหินใต้ตาเป็นเนื้องอกชนิดหนึ่งของต่อมเหงื่อใต้ตาที่ไม่อันตราย ลักษณะเหมือนสิวอุดตันขาวๆ วิธิรักษาต้องใช้เลเซอร์จี้ออก
- การดัดขนตาไฟฟ้าหรือการต่อขนตาจะไม่เป็นอันตราย ถ้าเปลือกตาไม่ได้สัมผัสกับสารหรือกาวที่ก่อให้เกิดอาการแพ้
8. ขน
- การกำจัดขนบนใบหน้ามีวิธีการหลายแบบ เช่น ถ้าโกนควรใช้ใบมีดที่คม จะไม่ระคายเคือง และไม่ทำให้ขนแข็งขึ้นอย่างที่เข้าใจ เพียงแต่พอขนที่ขึ้นใหม่ปลายขนจะไม่เรียวเหมือนก่อนโกน เลยดูแข็ง
- การแว็กซ์ด้วยขี้ผึ้ง มีโอกาสเกิดการระคายเคืองและรูขุมขนอักเสบได้
- ปัจจุบันมีเครื่องสำอางบางตัวที่มีส่วนผสมสกัดจากถั่วเหลืองทำให้สีขนอ่อนลง หรือขึ้นน้อยลง
- การใช้เลเซอร์ส่งคลื่นแสงไปยังผิวหนัง เพื่อให้รากขนถูกทำลายในพื้นที่มากขึ้น รวดเร็ว ไม่เป็นแผล ทำให้ขนที่ขึ้นใหม่น้อยลง และเส้นเล็กลง ควรทำด้วยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
- การกัดสีขนควรเลือกน้ำยาที่ไม่แรง เพื่อไม่ก่อให้เกิดการระคายเคือง
9. คิ้ว
- การกันคิ้วควรทำด้วยการโกนโดยใช้ใบมีดที่คมและขนาดเหมาะสม ส่วนการถอนทำให้รูขุมขนอักเสบได้บ้าง ก่อนกันคิ้วให้ใช้น้ำอุ่นแตะคิ้วเบาๆให้เกิดความชุ่มชื้นและคิ้วอ่อนตัว
- การใช้ยาปลูกขนคิ้ว จากการวิจัยทางการแพทย์ใช้สารไมน็อกไซด์ ให้ผลไม่ค่อยแพ้
10. ปาก
- ปากคล้ำอาจเกิดจากการเลียปากบ่อย แพ้ลิปสติก แพ้ยางผลไม้ แสงแดด ทาลิปมัน หรือวาสลีนปิโตรเลียมเจล ลดอาการปากแตกได้ด้วย
- ร่องแก้มลึกข้างปาก ใช้ครีมลดริ้วรอยได้ผล แต่ไม่เต็มที่ วิธีล่าสุดที่ได้ผลทางการแพทย์คือ การฉีดเติมร่องแก้มด้วยสาร HA สามารถฉีดเติมโดยไม่ต้องทดสอบการแพ้
- น้ำยาบ้วนปากมีหลายชนิด บางชนิดอาจแรงเกินไปต่อเรียวปาก แต่ที่ปลอดภัยและไม่ก่อให้เกิดการแพ้ที่บริเวณปากคือ ใช้น้ำเกลือธรรมดาดีที่สุด
Thanks : http://www.healthandcuisine.com