การถ่ายภาพผีเสื้อ
วิธีการที่จะทำให้ภาพดูน่าสนใจ สำหรับการถ่ายภาพธรรมชาติ วิธีง่ายๆ วิธีหนึ่งก็คือ การถ่ายวัตถุ หรือสถานที่ ที่คนทั่วๆไปรู้จัก กันดีอยู่แล้ว ซึ่งจะทำให้ผู้ชม สนใจในภาพนั้นๆ และผีเสื้อ ก็เป็นอีกสิ่งหนึ่ง ที่คนทั่วๆไปรู้จักกันดี และก็มีให้เห็นมาก ตามธรรมชาติ แต่ผมจะนำเสนอออกมา ในแง่มุมที่ไม่ธรรมดา เพื่อช่วยเพิ่มความสนใจ ให้กับภาพนั้นๆ เช่น การใช้เลนส์ Macro ถ่ายเข้าไปใกล้ๆ หรือ อาศัยพฤติกรรม ที่ไม่ค่อยอยู่นิ่งของมัน ให้เป็นประโยชน์ แต่ก็เป็นเป้าหมายที่ ยากต่อการถ่ายเช่นเดียวกัน เพราะว่าการบินของมันนั้น ไม่สามารถคาดการณ์ได้
เช่นเดียวกับ การถ่ายภาพในธรรมชาติทั่วๆไป ที่สิ่งสำคัญอย่างหนึ่ง ก็คือ การเลือก เวลาในการถ่าย สำหรับการถ่ายภาพผีเสื้อแล้ว ช่วงที่ดีที่สุด น่าจะเป็นตอนก่อนตะวันขึ้น (ต้องยอมตื่นเช้ากันหน่อย) เนื่องจากโดยธรรมชาติของผีเสื้อแล้ว จะอยู่กับที่นิ่งๆ มากขึ้น เนื่องจาก กระบวนการเผาผลาญพลังงานในตัว จะลดต่ำลง แล้วจะไปซ่อนตัว ให้พ้นสายตา เหล่านักล่าต่างๆ ดังนั้น ถ้าคุณจะถ่ายภาพ พวกมัน ก็ต้องอาศัยการสังเกตที่ดี มันอาจจะหลบอยู่หลังพุ่มไม้ หรือ เกาะอยู่ตามพื้น
ในไม่ช้า เมื่อแสงแดดยามเช้าสาดส่องมา ผีเสื้อเหล่านี้ ก็จะเริ่มคลี่ปีกของตนเอง ออกรับความร้อนจากแสงแดด ณ เวลานี้เอง ที่คุณจะสามารถถ่ายภาพ สีสันต่างๆ บนปีกของมัน ได้อย่างดีที่สุด และ คุณสามารถขยับเข้าไป ใกล้มันได้มากเลยทีเดียว โดยที่มันจะไม่บินหนีไปไหน และมันจะแช่ตัวอยู่อย่างนั้น นานหลายนาทีทีเดียว ซึ่ง คุณก็มีเวลาพอที่จะกางขาตั้งกล้อง หรือ เตรียมอุปกรณ์ต่างๆ เช่น reflect, diffuser, ฯลฯ แต่ต้องระวัง ไม่ให้ตัวคุณไปกระแทก กับอะไรแรงๆ จนมันตกใจหนีไปเท่านั้น
เมื่ออากาศเริ่มอุ่นขึ้น เจ้าผีเสื้อก็จะเริ่มมีการเคลื่อนไหวมากขึ้น และเริ่มโบยบินไปหาอาหาร คุณก็เพียงแต่ตามมันไปยังแหล่งอาหาร ก็จะได้ภาพ ผีเสื้อกำลัง ดูดน้ำหวานจากดอกไม้ หรือ ตอมผลไม้ (แล้วแต่ชนิดของผีเสื้อ)
ในช่วงแรกๆ ตอนเช้า แสงอาจจะยังไม่มาก ทำให้ยังต้องใช้ขาตั้งกล้อง แต่เมื่อเวลาผ่านไป คุณก็ไม่จำเป็นต้องใช้มันอีก แต่สิ่งที่คุณควรจะมีไว้ เพื่อถ่ายภาพผีเสื้อ ก็คือ เลนส์ tele-macro ซึ่งจะช่วยให้การถ่ายภาพ ทำได้ง่ายขึ้น หรืออาจต้องใช้ flash เข้าช่วยถ้าจำเป็น เคล็ดลับอีกอย่างหนึ่งที่สำคัญก็คือ การเคลื่อนไหวของคุณ ต้องพยายามให้ช้าๆ เข้าไว้ ผีเสื้อจะไม่สนใจคุณ แต่ถ้าคุณเคลื่อนไหวตัวเร็วๆ มันก็จะบินหนีไปในทันที
และถ้าจะให้ดี ก็ควรศึกษา เรื่องของพันธ์ผีเสื้อต่างๆดูด้วยว่า พันธ์ไหนหายาก พันธ์ไหน พบได้โดยทั่วไป เพื่อที่คุณจะได้เลือก เป้าหมายของคุณได้ถูก หรือจะเลือกจากความสวยงามของมันเพียงอย่างเดียว ก็ได้ ในฐานะที่เป็นตากล้อง มากกว่า นักธรรมชาติวิทยา
สำหรับท่านที่ ไม่มี tele-macro ก็อาจใช้ ฟิลเตอร์จำพวก close-up หรือใช้ extension tube มาช่วยก็ได้ แต่ก็อาจสูญเสียรายละเอียดไปบ้าง
Master Lens focal length in mm |
50 |
80 |
105 |
210 |
210 |
300 |
300 |
400 |
Closest Focus Distance of the Master Lens in inches |
18 |
31 |
39 |
43 |
71 |
59 |
98 |
158 |
Master Lens Magnification |
0.14 |
0.13 |
0.14 |
0.25 |
0.14 |
0.25 |
0.14 |
0.11 |
Length of Extension in mm |
|
|
|
|
|
|
|
|
20 |
0.52 |
0.36 |
0.31 |
0.33 |
0.23 |
0.32 |
0.20 |
0.16 |
27.5 |
0.67 |
0.46 |
0.38 |
0.37 |
0.26 |
0.34 |
0.23 |
0.18 |
36 |
0.84 |
0.56 |
0.46 |
0.41 |
0.30 |
0.37 |
0.26 |
0.20 |
52.5 |
1.17 |
0.77 |
0.62 |
0.49 |
0.38 |
0.43 |
0.31 |
0.24 |
56 |
1.24 |
0.81 |
0.65 |
0.50 |
0.40 |
0.44 |
0.32 |
0.25 |
80 |
1.72 |
1.11 |
0.88 |
0.62 |
0.51 |
0.52 |
0.40 |
0.31 |
Magnification obtained by adding extension tubes to some commonly used lenses.
การใช้ extension tube จะทำให้สูญเสียแสงไป 2 stop แต่ระบบวัดแสง TTL จะชดเชยให้ได้ อย่างไรก็ตาม คุณก็ควรจะถ่ายทดสอบ ดูก่อนที่จะไปถ่ายงานจริงๆ สำหรับกล้อง auto-focus ก็อาจจะหาโฟกัสไม่เจอเช่นกัน เมื่อใช้ extension tube ให้ระวังไว้ด้วย
สำหรับการใช้ close-up filter คุณก็ต้องสูญเสียแสงไปบ้างเช่นเดียวกัน สำหรับกล้อง Nikon และ Canon มีรายละเอียด ฟิลเตอร์ดังนี้
close-up lens |
filter size |
diopter power |
Approximate magnification for 100-300mm zoom with 0.25 (1:4) build in magnification at 300mm |
Canon 500D |
52, 58, 72, 77mm |
2.00 |
0.85 |
Nikon 3T |
52mm |
1.50 |
0.70 |
Nikon 4T |
52mm |
3.00 |
1.15 |
Nikon 5T |
62mm |
1.50 |
0.70 |
Nikon 6T |
62mm |
3.00 |
1.15 |
The magnification (M) achieved with close-up lenses may be approximated by the following formula: M = (Diopter power) x (lens focal length/1000) + Lens build in magnification.
ที่มา : www.taklong.com