
ศึกวันแดงเดือด หงส์หรือผีใครจะเฮ
บอลปีศาจ แดงปะทะหงส์แดง ถึงนักเตะจะเปลี่ยนเจเนอเรชั่นซักกี่รุ่น หรือทีมอยู่ในสภาพแบบไหน ก็สามารถดึงอารมณ์คึกคักของเหล่าแฟนบอลทั้งสองทีม ให้เลือดสูบฉีดในร่างกายได้เป็นอย่างดี ยิ่งเกมนี้เหมือนการแย่งรองแชมป์กันกลายๆ ด้วย ยิ่งสำคัญเข้าไปใหญ่ ราฟาเอล เบนิเตซ เคยพาลูกทีม ประมือกับ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน มาแล้วทั้งหมด 3 ครั้งด้วยกัน นับตั้งแต่เข้ามาคุมทีม ลิเวอร์พูล ผลปรากฏว่ายังไม่สามารถกำราบปรมาจารย์เฒ่าผู้นี้ลงได้ ครั้งแรกที่ โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด เมื่อซีซั่นที่แล้วเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ไป 2-1 ตามมาด้วยครั้งที่สองที่แอนฟิลด์ ก็โดนย้ำแค้นไปอีก 1-0 จนมาถึงเมื่อต้นซีซั่นนี้ทั้งสองทีมเสมอกันไปแบบจืดชืด 0-0 และล่าสุดพลพรรคหงส์แดงก็โดนเหล่าเด็กผีสอยไปอีก 1-0 ในนาทีสุดท้ายด้วยความเจ็บปวด
ความหมายของเกมแดงเดือดวันเสาร์ที่ 19 ก.พ นี้นอกจากศักดิ์ศรีที่ค้ำคอกันอยู่แล้วยังมีตำแหน่ง รองแชมป์ เป็นเดิมพันอีกด้วย สถานการณ์ล่าสุดสูสีคู่คี่อย่างยิ่ง แมน ฯ ยูไนเต็ด มี 45 คะแนนมากว่า ลิเวอร์พูล 1 แต้ม แต่ลง เตะมากกว่าถึง 2 นัด ดังนั้นจึงพลาดไม่ได้ด้วยกันทั้งคู่ ค่อนข้างมองยากพอสมควรทีเดียวกับเกมนัดนี้ เพราะเจอกันทุกครั้งก็สูสีกันทุกครั้ง ไม่ว่าจะเป็นรูปเกมหรือขุมกำลังของนักเตะ เพราะฉะนั้นผลแพ้ ชนะ น่าจะอยู่ที่แทคติกมากกว่า
มาดูความพร้อมฝั่งทีมเยือนกันก่อน ผีแดง แมนฯ ยูไนเต็ด กันก่อน การขาดหายไปของกัปตันทีมพันธ์ดุอย่าง รอย คีน ทำให้ทีมเสียสมดุลไปไม่ใช่น้อย อีกทั้งแมนยูฯ ยังไม่สามารถหาตัวตัดเกม และเชื่อมเกมดีๆ ได้อย่างที่รอย คีนเคยทำ ทั้งอลัน สมิธ หรือแม้แต่ ดาร์เรน เฟล็ทเชอร์ ก็ยังไม่สามารถพัฒนาขึ้นมาเทียบกับ รอย คีนได้แม้แต่น้อย จึงส่งผลให้แดนกลางของทีม อ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด แต่สิ่งหนึ่งที่ลูกทีมของท่าน เซอร์ อเล็ก เฟอร์กูสัน มีมาทดแทนก็คือ สปิริตของทีมที่มีอยู่เต็มหัวใจ มันหมายถึงวิญญาณนักสู้ หรืออาจปนวิญญาณหมาบ้าที่จะสู้อย่างจนตรอกเสมอเมื่อถึงคราวคับขัน
แมนฯยู เคยแสดงให้เห็นแล้วว่า รวดเร็ว ดุดัน ขนาดไหนในวันที่เร่งเครื่องขึ้นมาท็อปฟอร์ม แม้จะเต็มไปด้วยดาวรุ่งอายุน้อย แต่เทคนิคและการเล่นเป็นทีมก็ดีหายห่วง ปัญหาคือ ระดับความสม่ำเสมอ ซึ่งไม่สามารถยืนระยะได้แบบนั้นทุกเกม แฟนปีศาจแดงก็เลยต้องลุ้นเอาเองว่าทีมจะมาไม้ไหน จิตใจพร้อม ทีมเวิร์กปึ้ก บดขยี้อย่างต่อเนื่องตามสไตล์แมนฯ ยู หรือว่าจะมีแต่แรงเร็ว แต่ดีเป็นพักๆ และขาดความแม่นยำเหมือนในบางนัด อันนี้ต้องคอยตามดูกัน
ข้ามมาฝั่งทีมเจ้าบ้าน หงส์แดง ลิเวอร์พูล กุญแจสำคัญที่จะพาเหล่าพลพรรคเครื่องจักรสีแดงเก็บชัยชนะออกไปจากถิ่น โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ได้ก็คือ เกมรับที่แข็งแกร่งขึ้นผิดหูผิดตาจากซีซั่นที่แล้วโดยเฉพาะในช่วงก่อนปีใหม่ที่เสียไปเพียงแค่ประตูเดียวใน 11 เกมติดต่อกัน รวมไปถึงการยิงไกลจากแถวสองที่ค่อนข้างจะได้ผลมากที่เดียวในฤดูกาลนี้ โดยหวังพึ่งตัวทีเด็ดอย่าง เจอร์ราร์ด และ ซาบี้ อลอนโซ่
อีกทั้งการคืนฟอร์มของปีกพ่อมด แฮรี่ คีเวลล์ จึงทำเกมรุกของหงส์แดงดูน่ากลัวยิ่งขึ้น สูตรการเล่น 4-2-3-1 ดูจะเป็นสูตรสำเร็จของ เบนิเตซ ศูนย์หน้าตัวเดียวมองผิวเผินอาจจะดูน้อยเกินไปแต่ตามแท็กติกนี้จะเน้นเกมรุกที่สอดขึ้นมาจากแผงมิดฟิลด์แทน ถ้าหากนักเตะหงส์แดงยังเล่นได้ตามแผนของ เบนิเตซมันก็ยากที่ทีมไหนจะเอาชนะได้พวกเขาได้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับฟอร์มการเล่นของลูกทีมด้วยว่าจะเล่นได้คงเส้นคงว่าแค่ไหน
อย่างไรก็ตาม เกมฟุตบอลไม่ได้ตัดสินกันได้ง่าย ๆ ถึงแม้ทีมลิเวอร์พูลจะเล่นได้ตามแผนที่วางไว้ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าทีมจะชนะเสมอไป และแม้ว่า แมนฯ ยูไนเต็ด จะอยู่ในช่วงขาลงประสิทธิภาพของทีมเวิร์กไม่แข็งแกร่งเหมือนเดิม แต่เหล่านักเตะปิศาจแดงก็มีความสามารถเฉพาะตัวที่ยอดเยี่ยมสามารถพลิกเกมได้ทุกวินาทีเช่นกัน ตัวแปรที่จะตัดสินชัยชนะในศึกวันแดงเดือดนี้คงจะอยู่ที่สภาพจิตใจของนักเตะทั้งสองทีมว่าใครจะห้าวหาญและกระหายชัยชนะมากกว่า ซึ่งสิ่งที่ว่านี้มันไม่ได้สำคัญน้อยไปกว่าแผนการเล่นเลยด้วยซ้ำ
ดูฟุตบอลให้สนุกหลีกเลี่ยงการเล่นพนันนะครับผม โดย หิมะพลิ้ว