นี่เป็นแค่สมมุติฐาน อาจจะไม่ใช่เรื่องจริง
โลกเป็นดาวเคราะห์ที่มีความหนาแน่นมากที่สุด มีชั้นบรรยากาศรวมทั้งก๊าซต่างๆที่เอื้อให้เกิดสิ่งมีชีวิตบนโลก โดยสิ่งมีชีวิตชนิดแรกบนโลกก็คือสัตว์เซลล์เดียว แล้วก็มีการพัฒนาตามสภาวะแวดล้อมของโลกใบนี้ เกิดการสืบทอดแบ่งตัว ถ้าสภาวะแวดล้อมเริ่มเหมาะสมกับสิ่งมีชีวิตชนิดอื่นๆก็ถือกำเนิดเกิดมาพร้อมกับการพัฒนาของดวงจิตที่สมบูรณ์ขึ้นเรื่อยๆ ทำให้สิ่งมีชีวิตเริ่มมีเซลล์ที่ซับซ้อนขึ้นจนกระทั่งมีมนุษย์ถือกำเนิดบนโลกใบนี้
ดังนั้นพวกเชื้อโรคหรือสัตว์เซลล์เดี่ยวๆ พวกเซลล์น้อยๆไม่ซับซ้อนก็จัดเป็นสิ่งมีชีวิตเหมือนกัน
เป็นกายหยาบมีหนทางเพื่อความอยู่รอดตามแบบฉบับของมัน แต่หนทางของมันบางทีก็เป็นการทำลายล้างกายหยาบของสัตว์ที่มีเซลล์ซับซ้อน แต่ดวงจิตของมันน่าจะเป็นจิตที่ยังไม่พัฒนาหรือยังไม่สมบูรณ์ สามารถแยกจิตหรือรวมจิตให้สมบูรณ์ขึ้นก็ได้ ดวงจิตที่สมบูรณ์แต่ละดวงจิตแยกจากกัน เป็นอิสระจากกัน เพราะฉะนั้นหน้าที่ของดวงจิตคือการทำให้ดวงจิตนั้นๆสะอาดปราศจากกิเลส ก็จะหลุดพ้นจากกายหยาบได้ไม่ต้องเวียนว่ายตายเกิดในกายหยาบอีก หรือทางพุทธศาสนาเรียกว่านิพพาน
ในเมื่อธรรมชาติของโลกสร้างสิ่งเหล่านี้ขึ้นโดยมีการอิงกันตลอดเวลาระหว่างดวงจิตกับกายหยาบของสิ่งมีชีวิตบนโลก เพราะฉะนั้นธรรมชาติก็จะแก้ไขธรรมชาติและสร้างสมดุลเอง ยกเว้นสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้นเองที่ทำให้ธรรมชาติเสียสมดุล ธรรมชาติก็จะเกิดการเปลี่ยนแปลงทำลายล้างเพื่อกลับสู่สมดุลของโลกอีกนั่นเอง
พูดถึงในแง่วิทยาศาสตร์ ดวงจิตก็คล้ายประจุไฟฟ้า กายหยาบคือเครื่องจักรถ้าเครื่องจักรไม่มีไฟฟ้าเข้าไปก็ไม่สามารถทำงานได้ ถ้าดวงจิตนั้นมีนิวรณ์มากไม่หลุดจากกิเลสทางโลก ก็จะมีศักย์พลังงานมากในการจูนคลื่นให้ตรงกับดวงจิตของมนุษย์คนนั้นๆ ตามที่ดวงจิตที่มีนิวรณ์นั้นๆต้องการ ทำให้คนนั้นๆ เห็นเป็นเงา/ รูป/รส/กลิ่น/เสียงได้ตามนิวรณ์ของดวงจิตนั้นๆ
สัจธรรมของชีวิตมีเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป โลกนี้ไม่มีอะไรหยุดนิ่งเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา แต่มีสิ่งหนึ่งที่น่าจะนับว่าเป็นอมตะได้คือจิต/ดวงจิต ดวงจิตของกายทิพย์กับที่อยู่ในกายหยาบต่างกันที่ กายหยาบเมื่อมีการเกิดจะมีช่วงการเจริญเติบโตจากทารกไปสู่วัยหนุ่มสาวเรื่อยไปจนถึงวัยแก่ชราเจ็บป่วยและดับไปจากกายหยาบ เปรียบเหมือนการเปลี่ยนเสื้อผ้าเก่า เพื่อชำระล้างร่างกายมาใส่เสื้อผ้าตัวใหม่ (มาเกิดใหม่/จุติใหม่ ซึ่งขึ้นอยู่กับบุญกรรมของดวงจิตดวงนั้น) กายทิพย์คือดวงจิตที่ไม่มีกายหยาบห่อหุ้ม กายทิพย์จะมีหลายลักษณะอย่างไรขึ้นอยู่กับความสะอาดของกายทิพย์นั้นๆ ถ้ากายทิพย์นั้นสะอาดก็จะเข้าสู่ลักษณะของหนุ่มสาว กายทิพย์จะมีหลายลักษณะขึ้นอยู่กับความสะอาดจากกิเลสของกายทิพย์นั้นๆ ถ้ากายทิพย์นั้นๆสะอาดก็จะเข้าสู่ลักษณะของหนุ่มสาวถือเป็นคุณภาพของกายทิพย์ เช่นถ้าดับจากกายหยาบช่วงวัยชราก็จะเป็นกายทิพย์วัยชราแล้วจะเข้าสู่กายทิพย์วัยหนุ่มสาว ถ้าดับจากกายหยาบช่วงวัยเด็กก็จะเป็นกายทิพย์วัยเด็กแล้วจะเข้าสู่กายทิพย์วัยหนุ่มสาว เป็นต้น การเข้าสู่วัยหนุ่มสาวของกายทิพย์จะขึ้นอยู่กับความสะอาดของดวงจิตนั้นๆด้วย และถ้ากายทิพย์นั้นยังคิดชั่วไม่สำนึกในความผิดมีกิเลสมากในทางบาป ก็จะมีลักษณะไปตามภาวะของกายทิพย์นั้นๆ อาจเหมือนสัตว์เลื้อยคลาน สัตว์เดรัจฉาน และอื่นๆที่ไม่ใช่ลักษณะของมนุษย์ ความสมบูรณ์ของดวงจิตก็เสื่อมลงเรื่อยๆ จนอาจไปเกิดเป็นกายหยาบที่อยู่ในสภาพสัตว์เซลล์ไม่ซับซ้อนได้ ส่วนนรก สวรรค์เป็นสถานที่ที่สภาวะของกายทิพย์ที่ยังไม่ได้ไปเกิดเป็นกายหยาบร่วมกันสร้างขึ้นเองทั้งนั้นว่าจะให้เป็น นรก หรือ สวรรค์ ขึ้นอยู่ที่คุณภาพของดวงจิตนั้นๆ
สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม รูปร่างลักษณะของการเกิดกายหยาบล้วนถูกกำหนดมาจากบุญกรรมเมื่ออดีตชาติ ซึ่งบุญกรรมของกายทิพย์จะบันดาลให้เขาได้กายหยาบนั้นๆ ดังนั้นถ้ามีบุญพอกันหรือกรรมพอกัน หรือมีการผูกจิตจากบุญหรือกรรมที่พอกัน ก็มีโอกาสได้มาจุติ/เกิดเป็นพ่อแม่ลูกกันในกายหยาบ ถ้าไม่มีดวงจิตไหนที่มีบุญกรรมพอกันเลยกับชายหญิงคู่นั้นๆ ก็มีผลให้มีลูกยาก/ไม่มีลูกก็ได้ ถึงแม้ว่าพวกเขาอาจจะมีสุขภาพที่แข็งแรงทั้งคู่ก็ตาม จนกว่าจะประจวบเหมาะกับดวงจิตที่มีบุญกรรมพอกันถึงจะมาเกิดเป็นลูกได้ คือดวงจิตของกายทิพย์จะดึงดูดกันตามวาระของกรรมและเวลาของดวงจิตพ่อแม่ การทำกีฟเป็นหลักการทางวิทยาศาสตร์ที่เพิ่มความเป็นไปได้ในการดึงดูดดวงจิตที่มีบุญกรรมพอกันได้มากขึ้นเพราะเป็นการกระตุ้นให้ไข่ตกหลายใบ แต่บางครอบครัวก็ทำเท่าไหร่ๆ ก็ไม่สำเร็จเพราะยังไม่ถึงเวลา ยังไม่มีดวงจิตที่มีบุญกรรมพอกันมาเกิด
สมมุติถ้าบทความข้างต้นมีเค้าลางข้อเท็จจริง คุณจะทราบว่าทำไมการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้าจึงเน้นให้เรารู้จักการชำระล้างจิตใจให้สะอาดปราศจากกิเลสให้มากที่สุดเพื่อเข้าสู่นิพพานให้ได้มากที่สุด เน้นให้รู้จักการทำสมาธิ(มีในทุกศาสนา) ศาสนาพุทธจะสร้างกุศโลบายมากมายเพื่อทำให้ดวงจิตของผู้ฝึกมีคุณภาพมากที่สุด เช่น การทำสมาธิ สวดมนต์ รักษาศีล เป็นคนดี ไม่คิดอกุศลทั้ง วจีกรรม มโนกรรม กายกรรม ซึ่งมีผลกับคุณภาพของดวงจิตทั้งสิ้น และการอุทิศส่วนบุญส่วนกุศลจากกรรมดีที่เรากระทำให้กับดวงจิตที่ล่วงลับจากกายหยาบแล้ว ก็คล้ายกับการติดต่อสื่อสารทางโทรศัพท์ ถ้าสามารถจูนคลื่นกับดวงจิตที่เราต้องการให้รับรู้บุญที่เรากระทำนี้ ดวงจิตนั้นก็จะมีคุณภาพเพิ่มขึ้น(ได้รับบุญเพิ่มขึ้น) ซึ่งดวงจิตอาจจะเริ่มเสื่อมจากบาป แต่ถ้าได้รับบุญเพิ่มขึ้นจากเดิมที่มี ก็เป็นการเสริมให้ดวงจิตนั้นกลับมาสมบูรณ์ได้และสามารถเกิดเป็นมนุษย์ได้อีกตามบุญกรรมของดวงจิตนั้นๆ แต่ดวงจิตที่เสื่อมมากๆไม่สมบูรณ์จะยากสักหน่อยที่จะจูนคลื่นให้รับรู้ได้ และอาจจะมีการรวมกับจิตที่ไม่สมบูรณ์ดวงอื่นๆเป็นอีกดวงจิตหนึ่ง และอาจไปเกิดตามสภาวะของดวงจิตนั้นๆ ดวงจิตที่ยังไม่สมบูรณ์จะไม่มีโอกาสเกิดเป็นมนุษย์ ดวงจิตที่สมบูรณ์คือดวงจิตที่รู้ผิดชอบ ชั่วดี มีกุศลมากกว่าอกุศลก็เกิดเป็นมนุษย์ได้แล้ว ยากไหมล่ะกว่าจะเป็นมนุษย์ และมนุษย์นี่ล่ะที่มีโอกาสในการสร้างบุญเพื่อยกระดับคุณภาพของดวงจิตได้มากกว่าสิ่งมีชีวิตชนิดอื่น การที่โลกนี้มีสวย หล่อ ขี้ริ้ว รวย จน พิการ เป็นลูกใคร คนรอบข้างเป็นใคร เก่งอะไร ล้วนเกิดจากบุญกรรมแต่กาลก่อนบันดาลทั้งสิ้น
ซึ่งจิตจะเกิดดับตลอดเวลาและจิตจะเคลื่อนตัวไปเร็วมากตามแต่ความต้องการของจิตที่สร้างขึ้น เช่นคุณลองหลับตาและคิดถึงคนๆนั้นหรือสถานที่ที่คุณอยากไปคุณก็จะได้ไปในทันที
หมายเหตุ : ดวงจิต=กายทิพย์ ,จุติ=เกิด(มนุษย์ ,สัตว์เดรัจฉาน,เปรตภูตผี,นางฟ้าเทวดา,เทพต่างๆ),(สัตว์เซลล์เดียวเช่นเชื้อโรค แบคทีเรีย เป็นต้น ) (ซับซ้อนขึ้นก็ สัตว์ประหลาดแมลง สัตว์เล็ก นานัปการบนโลกใบนี้ และ สัตว์เดรัจฉานต่างๆ), (เซลล์ซับซ้อนที่สุดก็คือมนุษย์)
|