ตัวรสรินเองก็เช่นกัน เธอเลือกเดินทางสายนี้ด้วยความมั่นใจว่า มันจะเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตของเธอได้ การเดินทางเข้าสู่เมืองใหญ่ที่คราคร่ำไปด้วยผู้คนมากหน้าหลายตาที่เธอไม่รู้จักเลยซักคน จะทำให้เธอได้ทำในสิ่งที่เป็นเสี้ยวของชีวิตที่ต้องการปกปิดมันเป็นความลับกับตัวเองตลอดไป
รสริน เป็นผู้หญิงที่ผิวขาวเพราะเธอมีพื้นเพของคนเหนือ คนแถบนี้จึงมีผิวพรรณขาว รูปร่างหน้าตาเธอก็พอไปวัดไปวากับเขาได้ หาไม่ยากเลยกับการที่จะมีใครซักคนสนใจในตัวเธอ เธอเลือกทิ้งชีวิตที่คิดว่าตัวเองตัดสินใจผิดพลาดมาตลอด 4 ปีที่ผ่านมากับการจมปลักชีวิตกับชายที่บอกว่ารักเธอ และมีสักขีพยานความรักด้วยกัน ท้ายที่สุดชายที่บอกว่ารักเธอคนนั้นก็หักหลังเธอ จนเธอเองไม่สามารถให้อภัยชายคนนี้ได้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าอีกต่อไป เธอจึงเลือกที่จะฝากลูกไว้กับแม่ และบ่ายหน้าตัวเองเข้าสู่เมืองใหญ่เพื่อหาชีวิตที่คิดว่าจะทำให้เธอ ลูก และครอบครัวมีชีวิตที่ดีขึ้น
ภาสกร เป็นสามีที่รักลูก เธอคิดเช่นนั้น แต่ไม่เคยติติงเขาเรื่องการที่เขาไม่เคยส่งเงินให้ลูกของเธอแม้แต่บาทเดียว เธอคิดว่าที่ผ่านมาอดีตสามีทำได้ดีที่สุดของเขาแล้วกับการดูแลเธอและลูก เขาทำงานทุกอย่างเพื่อแลกกับเงินหาเลี้ยงครอบครัว ขณะนั้นเค้าคงเหนื่อยหน่ายพอดูที่ต้องรับผิดชอบอะไรรอบตัวมากมาย การที่เขาจะมีผู้หญิงข้างตัวเพิ่มขึ้นนอกเหนือจากเธอก็คงไม่แปลกนัก เพราะเขาเป็นเสาหลักของบ้าน รสรินคิดแบบนั้นเธอก็จะพยายามให้อภัยเค้าได้ทุกครั้ง แต่พอมันบ่อยมากขึ้น จนตัวเธอเองขี้เกียจฟังคำแก้ตัวของเขา แล้วฐานะการเงินทางบ้านก็ไม่ได้สะดวกสบายซะจนเธอจะหลับหูหลับตาทนมันต่อไป รสรินตัดสินใจติดต่อเพื่อนที่ไม่ได้เจอกันนานมากกว่า 10 ปี เพื่อให้ช่วยฝากงานที่ในเมืองใหญ่ให้ งานที่ว่า มีผู้หญิงอีกมากไม่ต้องการจะทำ เพราะมันแลกกับศักดิ์ศรีที่ผู้หญิงทุกคนคิดว่าตัวเองมี แต่สำหรับเธอ เงินสำคัญกว่าในตอนนี้ ก่อนนี้ทุกคนจะอดอยากไปมากกว่านี้ ก่อนที่พ่อของเธอจะตายเพราะทำงานหนักซะก่อน
รสริน กับ ภาสกร ตัดสินใจเลิกกันในที่สุด และเค้ายอมให้เธอเอาลูกฝากแม่ของรสรินไว้เลี้ยง รสรินไม่เรียกร้องให้ภาสกรชายคนที่เคยบอกว่ารักเธอ ชีวิตนี้เขาขาดเธอไม่ได้ รับผิดชอบต่อภาระค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงลูกของเธอ รวมถึงภาระหนี้สินที่ร่วมกันก่อตัวขึ้นช่วงที่อยู่ด้วยกัน เค้าก็ไม่เอ่ยถึงมันว่าจะรับผิดชอบร่วมกันอย่างไร วันนี้ รสรินนัดให้ เปรมมิส เพื่อนของเธอมารับเธอที่สถานีขนส่งผู้โดยสาร เธอรอเพื่อนมารับและไปส่งที่ทำงานที่ต้องการให้เพื่อนฝากให้ เพื่อนของเธอเคยทำที่นี่เมื่อ 4 ปีก่อน แต่ปัจจุบัน เพื่อนของเธอมีชีวิตเป็นบ้านเล็กของคนมีฐานะคนหนึ่ง เค้าซื้อบ้านและเปิดบริษัทให้เธอบริหาร เพื่อเลี้ยงตัวได้ ที่สำคัญชายคนนี้รักเพื่อนของเธอน่าดู ทั้งสอง มีพยานรักด้วยกัน เป็นลูกสาวอายุอานามแก่กว่าลูกสาวเธอ ราว ๆ 2 เดือนเห็นจะได้แต่ชีวิตต่างกับลูกสาวเธอราวฟ้ากับดิน เด็กคนนี้มีทุกอย่างครบ กว่าลูกของเธอหลายเท่า อย่างน้อยก็ได้เห็นหน้าพ่อและแม่ของแกทุกวัน ไม่เหมือนลูกสาวของเธอ พอคิดอย่างนั้น รสรินก็อดมีน้ำตารื้นขึ้นในตาไม่ได้ และก็พยายามสะกดกลั้นมันไว้และบอกให้ตัวเองอดทน
รสริน วางเป้าหมายตัวเองกับสิ่งที่เลือกไว้ ราว 2-3 ปี เธอต้องการเงินใช้หนี้ และส่งให้ลูกและแม่ใช้อย่างสะดวกสบาย เธอต้องการเงินทุนต่ออนาคตของตัวเองซักก้อน แล้วเธอจะกลับไปเริ่มต้นชีวิตใหม่กับลูกของเธอ และจะเป็นแม่ที่สมบูรณ์พร้อมของลูกเธอทั้งชีวิตที่เหลือของเธอ มันน่าจะคุ้มที่สุดกับความสุขทั้งชีวิต โดยแลกกับชีวิตที่แย่ ๆ สัก 2-3 ปี เปรมมิส พาเธอมาฝากทำงาน พร้อมกับให้เงินรสรินยืมอีกราว ๆ 3-4 พัน บาท เพื่อใช้จ่ายในช่วงที่ต้องเริ่มงานใหม่ ใช้จ่ายสำหรับกับการหาที่อยู่ กินใช้ และเดินทางไปทำงานในแต่ละวัน เปรมมิสช่วยเธอได้มาก และรสรินรู้สึกขอบคุณในความเอื้อเฟื้อของเพื่อนที่ได้ช่วยเหลือเธอ
รสริน ไปพักกับพี่ที่ทำงานได้ ราว ๆ 2 วัน เธอก็หาที่พักสำหรับตัวเองได้ เธอเลือกห้องพักราคาถูกที่ตัวเองพออยู่ได้ ไม่ต้องการเน้นความหรูหราสะดวกสบาย เหมือนผู้หญิงกลางคืนที่เลิกชีวิตแบบเธอ เธอไม่ต้องการสร้างภาพลักษณ์หรูหราให้ใครมอง เธอต้องการเงิน และเก็บเงิน เธอต้องเดินตามเป้าหมายที่ตัวเองตั้งเป้าไว้ รสรินถึงแม้หน้าตาจะไม่ได้ขี้ริ้ว ขึ้เหร่ แต่ชีวิตที่เธอเลือกก็ต้องเป็นตัวเลือกหนึ่งของผู้ชายที่จ่ายเงินแลกกับความสุขที่พวกเขาหาไม่ได้จากที่บ้านหรือจากเมียของตัวเองที่ให้ไม่ได้ แรก ๆ รสรินค่อนข้างต่อต้านคนพวกนี้อยู่ในตัวพอสมควร กว่าเธอจะปรับสภาพให้เข้ากับวิถีชีวิตแบบนี้ก็นานพอสมควรทีเดียวที่จะยอมรับสังคมอีกแบบที่เธอไม่เคยสัมผัสมันมาก่อน
(ติดตามตอนที่ 2......)