รสริน ใช้ชีวิตที่แตกต่างออกไปจากสิ่งที่ตัวเองเคยทำ ที่นี่ในวันนี้ บอกเธอด้วยตัวของมันเองว่าทุกอย่างต้องปรุงแต่ง เพื่อให้ได้สิ่งที่ตัวเองต้องการ " เงิน " สำหรับที่นี่คือพระเจ้าสำหรับทุกคน การแก่งแย่ง ชิงดีชิงเด่นจึงเกิดขึ้นให้เห็นอยู่บ่อย ๆ สำหรับเธอก็เช่นกัน" เงิน" ก็คือสิ่งที่เธอต้องการ แต่บ่อยครั้งที่เธอมักถามตัวเองอยู่บ่อย ๆ เธอต้องแลกตัวเองกับเงินพวกนี้อีกกี่ครั้ง เพื่อให้ตัวเองหลุดพ้น เมื่อไหร่ในเมื่อความต้องการของคนไม่เคยสิ้นสุด
น้ำหอมที่ไม่เคยชอบใช้เลยในชีวิตประจำวัน เธอก็ต้องสรรหามาปรุงแต่งตัวเอง เพื่อให้ผู้ชายที่มักมากทั้งหลายประทับใจ เงินมันซื้อได้ทุกอย่างก็จริง แต่ไม่เคยซื้อหัวใจคนได้เลย บ่อยครั้งที่เธอเองแอบนึกไปถึงภาสกรอดีตสามีของเธอ บ่อยครั้งที่เธอเฝ้าถามตัวเอง จริง ๆ เธอเคยรักภาสกรบ้างหรือไม่ ตลอดเวลาที่ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน ภาสกรเป็นคนบอกว่ารักเธอเสมอ แล้วตัวเธอเองเคยรู้สึกอย่างนั้นมั้ย พูดให้ใครฟังคงมีแต่คนหัวเราะเยาะเธอแน่นอน ไม่รักแล้วอยู่ด้วยกันได้ยังไง ตั้ง 4 ปีกว่า มันก็น่าขำซะจริง เธอก็ยังไม่รู้ และยังตอบคำถามนั้นให้ตัวเองไม่ได้ซักที
การเดินทางของชีวิตเธอ เดินเรื่อยเปื่อยไปและยังไม่ได้ทำอะไรให้เป็นไปตามสิ่งที่เธอตั้งเป้าหมายเลยซักอย่าง เธอเดินทางมาที่นี่ร่วม 2 เดือน สิ่งที่เธอใช้แลกเพื่อเงินก็คือร่างกายของเธอเอง ที่นี่เป็นร้านที่อยู่ในซอยค่อนข้างลึกลับ แต่คนที่มาที่นี่กลับเป็นระดับผู้บริหารระดับสูงในสังคม ส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติ คนไทย มีประมาณ 10 % การที่เป็นงานที่ง่ายสำหรับการหาเงิน จึงมีผู้หญิงหน้าตาดีมากมายเข้ามาที่นี่ และแลกศักดิ์ศรีตัวเอง ยอมทอดกายของตัวเองให้ชายเชยชมแลกกับเศษเงินของพวกเขา
รสรินเองก็เช่นกัน สิ่งหนึ่งที่เธอเรียนรู้จากที่นี่คือ "เงิน" สำคัญที่สุด อย่าถามหาหัวใจจากผู้ชายที่ใช้เศษเงินของพวกเขาซื้อหล่อน เพราะมันไม่เคยมีจริง จบงานแล้วทุกอย่างก็จะจบ บางคนตอนอยู่ด้วยกันเหมือนรักมากมายก่ายกอง สุภาพบุรุษชนิดหาตัวจับยาก แต่พอเอาเข้าจริง กลับไปแล้วเค้าก็จะลืมเลือนพวกเธอโดยสิ้นเชิง ความจริง รสรินก็ไม่เคยโหยหามันหรอก เท่าที่เธอสังเกตุจากเพื่อนร่วมงานที่นี่ทุกคน ล้วนแล้วแต่ เลือกทางเดินนี้เพราะผิดหวังจากความรัก ต้องรับผิดชอบครอบครัวที่ผู้ชาย 50 % ส่วนใหญ่ไม่เคยให้ความสนใจกับมัน น้อยเหลือที่จะหาผู้ชายที่มีความรับผิดชอบต่อครอบครัว น้อยเหลือเกินที่จะหาคนสมบูรณ์แบบในสถานที่แบบนี้ น้อยเหลือเกินที่จะหาความจริงใจจากใครซักคนในนี้ เธอเชื่อเช่นนั้น จึงไม่เคยศรัทธาในความรัก ถึงแม้จะรู้ว่ามันหอมหวานแค่ไหนหากมีใครซักคนรักตอบและให้หัวใจแลกซึ่งกันและกัน เธอเลิกศรัทธาในตัวผู้ชาย นับแต่รู้จักผู้ชายเธอก็ไม่เคยเชื่อว่าจะมีผู้ชายสำหรับเธออีกแล้ว นั่นทำให้เธอไม่เคยสนใจที่จะให้ความสำคัญกับใครเป็นพิเศษ ทุกอย่างที่แสดงออกระหว่างเธอกับผู้ชายที่เธอเรียกว่าลูกค้า นอกจากแสดงละครตบตาคนพวกนี้ไปวัน ๆ เธอก็ไม่เคยคิดว่าจะชอบใครให้มันเป็นจริงเป็นจัง
เดือนที่ 2 ของการทำงาน เปรมมิสติดต่อรสรินอยู่เสมอด้วยความห่วงใยในตัวเพื่อนสาว กับการปรับสภาพตัวเอง และเข้าใจในตัวเพื่อนเป็นอย่างยิ่งว่าต้องเจอกับอะไรบ้าง ประสบการณ์ที่ผ่านมาของเธอมากกว่าเพื่อนของเธอแน่นอน เธอจึงบอกสิ่งต่าง ๆ กับเพื่อนได้เท่าที่ประสบการณ์เธอพบเจอมา แต่ก็ยังเชื่อในสิ่งที่คนอื่นไม่เห็นก็คือ หากเพื่อนของเธอมั่นคงและเข้มแข็งกับทุกสิ่งที่เจอเพื่อนของเธอก็จะผ่านมันไปได้ การช่วยเหลือเล็กน้อยจากเธอ คงทำได้แต่เพียงให้กำลังใจและให้คำปรึกษา หากเพื่อเธอต้องการ เปรมมิสตัดสินใจแนะนำเพื่อนแฟนให้ รสรินรู้จัก แต่เธอก็จ่ายค่าเสียเวลาในการรู้จักนี้ให้กับรสริน หนึ่งคือเธอได้รับรองผู้ชายคนนี้ด้วยหาผู้หญิงถูกใจให้เพื่อนของสามี สองเธอจะได้ผลประโยชน์จากการที่ผู้ชายคนนี้พึงพอใจกับการรับรองของเธอครั้งนี้ด้วยการโยนงาน และทำให้งานที่เคยติดต่อกันผ่านง่ายมากขึ้น มันเป็นส่งทีแลกเปลี่ยนกัน สามเพื่อนเธอจะได้มีลูกค้าประจำที่ดี หากเขาพอใจเธอ
เปรมมิสนัดให้รสรินไปพบเธอที่บ้านนอกชานเมือง เพื่อขึ้นรถตู้เดินทางไปค่างจังหวัดพร้อมกัน และนั่นคือแผนการณ์ให้ทั้งสองได้อยู่ด้วยกัน 2 คืน 3 วัน รสริน เลือกที่จะไป เพราะเธอไม่มีอะไรต้องเสีย ดีซะอีก ได้เงินมากกว่ารองานอยู่ที่ร้าน เธอจึงคิดไม่นานมากนัก เมื่อเพื่อนเอ่ยปากชวน สุดท้ายเช้าสาย ๆ ของวันนัดพบกัน รสรินนั่งแท็กซี่จากที่พักไปหาเพื่อนที่บ้านชานเมือง พร้อมกระเป๋าเดินทางใบย่อม เพื่อพบกับใครบางคน ตลอดทางเธอนั่งคิดถึงสิ่งที่ตัวเองเลือก กลัวเหมือนกันกับการเลือกของตัวเอง หากเจอผู้ชายที่ไม่น่าพิษมัย เธอคงทำใจยากกับงานนี้พอสมควร แต่ไหนไหน เพื่อนก็การันตี ว่าพอไปวัดไปวาได้ แถมเรื่องนั้นก็ไม่ได้เลวร้ายซักเท่าไหร่ เธอจึงไม่ต้องตัดสินใจอะไรมาก
รถตู้ บรรจุคนทั้ง 5 รวมคนขับ มุ่งหน้าสู่ต่างจังหวัด เธอไม่ได้ให้ความสนใจผู้ชายข้าง ๆ มากไปกว่า การให้ความสำคัญกับลูกค้าคนหนึ่ง ใบหน้าของผู้ชายคนนี้ถึงไม่ได้หล่อเหลา แต่ก็ดูดีพอสมควรในสายตาของเธอ นึกไปถึงภรรยาของเขา ภรรยาเค้าก็คงสวยน่าดู แต่ทำไมผู้ชายนี่ถึงยังต้องการผู้หญิงคนอื่นนอกจากภรรยาตัวเอง เค้าจะรู้สึกผิดบ้างมั้ยนะที่นอกใจภรรยาตัวเอง คนที่เป็นคนที่เขารัก และเป็นแม่ของลูกเค้า คิดแบบนี้ บางครั้งรสรินก็นึกไปถึงตัวเองที่เคยอยู่ในฐานะนี้ เธอเคยเสียใจกับพฤติกรรมของภาสกร เธอจึงคิดว่าภาวนาขออย่าให้ภรรยาพวกเขารับรู้ความเลวร้ายของสามีพวกเธอในด้านนี้เลย เพราะมันเจ็บปวดนะสิถามได้ แต่ตัวเธอเองไม่เคยคิดจะทำให้ครอบครัวใครต้องเจ็บปวด เธอต้องการแค่เงินเท่านั้น จบแล้วก็จบกัน จึงไม่ได้คิดอะไรมากไปกว่านี้ จนผล็อยหลับไปข้างข้างคนตัวโตไปตลอดทาง จนเกือบถึงจุดหมาย
ผู้ชายข้างตัวไม่ได้พูดคุยอะไรกันมากนอกจากถามจุดหมายปลายทางที่จะไปถึง ว่าอีกกี่ชั่วโมงถึง ถามชื่อเสียงเรียงนาม และรับรู้แค่ว่าเขาชื่อ " พัทธสิน"และรับรู้แค่ว่าเธอชื่อรสริน และเป็นคนต่างจังหวัด เท่านั้นก็พอแล้วสำหรับการรู้จักกันของเธอและเขา อย่าถามอะไรเธอมากไปกว่านี้เลยเพราะเธอไม่ต้องการให้รับรู้นะสิ
ทุกอย่างเดินไปตามสูตร เข้าพักโรงแรม มีอะไรกันในห้องพักก่อนออกไปกินข้าวเย็น กลับมาพักโรงแรม แล้วก็มีอะไรกันก่อนนอนอีกรอบ ตอนเช้าก็ออกไปตีกอล์ฟกับสามีของเปรมมิส กลับมาตอนเย็นนั่งจิบเบียร์กันที่เทอเรสของโรงแรม ก่อนออกไปกินข้าวเย็นมีอะไรกันอีกรอบ และก่อนนอนอีกรอบ ก่อนนอนวันนั้น รสรินคิดในใจ ถ้าเค้าคิดใจเธอก็คงจะดีหรอก เพราะเพื่อนบอกว่าผู้ชายคนนี้มีเงินน่าดู อีกทั้งเป็นผู้บริหารระดับสูงของบริษัทต่างชาติด้วย ดังนั้นเงินเดือนและฐานะการเงินไม่สั่นคลอนแน่นอน เพราะเท่าที่ดูนามสกุลก็คงเป็นผู้รากมากดี มีเงินถุงเงินถังมาตั้งแต่สมัยพ่อแม่คนเรานี่เวลามันรวยก็ไม่หยุดรวย ส่วนไอ้คนจนก็จนแล้วจนอีก มันต่างกันเหมือนฟ้ากับดินอย่างนี้เสมอแหละชีวิตคนเรา
การเดินทางกลับด้วยเครื่องบินด้วยการจองตั๋วเครื่องบินของเปรมมิส ให้รสรินกลับพร้อมกับ พัทธสิน เหมือนต้องการให้สองคนนี้อยู่ด้วยกันจนวินาทีสุดท้าย เธอไม่ได้เรียกร้องสิ่งใดเป็นพิเศษ ถึงแม้จะไปชอบปิ้งชายแดน พัทธสินจะซื้อของมากมายกลับเมืองใหญ่ก็ตาม แต่รสรินไม่ได้ร้องสิ่งใดเป็นพิเศษ เธอคิดว่าคนรวยนี่ใช้เงินสุรุ่ยสุร่ายซะจริง เงินที่พวกเค้าใช้ซื้อของในวันนี้ เธอกับลูกและครอบครัวใช้ได้ตั้ง 3 เดือนที่เดียวเชียวหละ ทำไมพวกเค้าต้องใช้ของราคาแพง แบรนเนม แต่ก้อปปี้ด้วยหละ แปลกซะจริง ของทั่วไปที่ใช้ได้เหมือนกันแต่ราคาถูกกว่า แถมไม่ต้องราคาสุงลิบลิ่วซะขนาดนี้ก็ใช้ได้เหมือนกัน คิดแต่ก็ไม่ได้เอ่ยสิ่งใดออกมาให้ใครได้ขัดเคือง
เครื่องบินเดินทางมาถึงเมืองหลวง พัทธสินยืนยันให้เธอนั่งรถแท็กซี่ไปพร้อมกับเขาเพื่อลงครึ่งทาง จะได้ประหยัดค่าแท็กซี่ ก่อนลงเขาถามคำถามเธอเพิ่ม สองสามคำถาม คือเบอร์โทร และอายุ แล้วก็ควักเงินที่รสรินคิดว่าเป็นทิปให้เธออีกเล็กน้อย หลังจากแยกกันเธอก็ไม่ได้คิดอะไร นอกจากว่าเค้าก็คงขอเบอร์ไปตามมารยาทเท่านั้นเอง
2 สัปดาห์หลังจากนั้น ผู้ชายคนนี้อยู่ในห้วงคำนึงส่วนลึกของรสรินก็จริง แต่เธอก็ทำได้แต่เพียงคิดถึงเหมือนกับเป็นสิ่งต่าง ๆ ที่ผ่านมา โดยไม่ได้คาดคิดว่าใครซักคนในวันนั้นจะติดต่อมาหาเธออีก ...
(ติดตามตอนที่ 3......)