อีกไม่กี่วันก็จะถึงวันสงกรานต์แล้ว ปกติเวลาถึงวันสงกรานต์ฉันมักไม่ค่อยได้อยู่กรุงเทพ ต้องหาเรื่องเดินทางไปที่ไหนสักแห่งจนได้ เรื่องของเรื่องก็เพราะว่าเป็นคนอยู่ไม่สุข วันหยุดยาวตั้งหลายวันจะไม่ฉวยโอกาสเดินทางอย่างไรไหว เพราะฉะนั้นทุกๆปีเมื่อถึงใกล้วันสงกรานต์ ฉันจะต้องวุ่นวายกับการวางแผนว่าจะไปไหนดี หรือแม้แต่ปีที่ตัดสินใจว่าจะกลับไปฉลองสงกรานต์ที่บ้านนอก บ้านเกิดของตัวเองก็ยังมิวายต้องวุ่นวายเรื่องหาตั๋วรถเพื่อจะกลับบ้าน หรือวางแผนนัดเพื่อนๆเก่าๆเพื่อให้ได้เจอกันที่นั่น แต่ปีนี้เป็นปีที่ฉันตัดสินใจอยู่ฉลองสงกรานต์ที่กรุงเทพฯ เมื่อไม่ต้องวุ่นวายเตรียมตัวเรื่องการเดินทาง ทำให้ฉันมีเวลาช่วงสงกรานต์มากกว่าทุกปี ก็เลยได้นั่งคิดถึงวันเวลาเก่าๆในช่วงสงกรานต์แต่ละปีที่ผ่านมา
การฉลองสงกรานต์ที่สนุกที่สุดสำหรับฉันคือการฉลองสงกรานต์ในวัยเด็กที่บ้านเกิดของตัวเอง เมื่อก่อนนั้นในวัยเด็กเราจะสนุกสนานกับวันสงกรานต์กันมาก พอถึงวันสงกรานต์ บรรดาเด็กๆในละแวกบ้านฉันก็จะพากันหิ้วถังน้ำ หรือที่บางจังหวัดเขาเรียกว่ากระแป๋งนั่นแหละมาเตรียมพร้อมตามขอบถนน เป้าหมายของพวกเราก็คือพวกคนเดินทางไงล่ะ ส่วนบ้านฉันจะเป็นแหล่งน้ำของพรรคพวกที่เล่นสงกรานต์ด้วยกัน เพราะหลังบ้านฉันมีบ่อน้ำให้ตักเล่นได้ไม่ต้องกลัวหมด เพราะฉะนั้นหน้าบ้านฉันจึงเป็นที่ชุมนุมของพวกเด็กๆที่เล่นสงกรานต์ซึ่งวิ่งเข้าวิ่งออกถือถังน้ำไปตักน้ำมาสาดกัน
ที่เราเลือกที่จะเล่นสงกรานต์กับพวกชาวบ้านที่เดินทางด้วยรถสองแถวซึ่งวิ่งผ่านไปมาวันละหลายๆคันก็เพราะว่ามันได้ความสะใจ นึกถึงความรู้สึกเวลาสาดน้ำด้วยขันใหญ่แล้วทำให้คนทั้งรถพากันก้มหัวหลบพร้อมๆกันดูสิ มันน่าสนุกแค่ไหน และที่สำคัญก็คือ หลบยังไงก็เปียก ยกเว้นพวกที่แรงน้อยจริงๆ หรือพวกที่กะระยะไม่ค่อยดี ก็จะเกิดการสาดน้ำทิ้งซะเฉยๆ ซึ่งคนพวกนี้ก็จะโดนเยาะเย้ย ถากถางให้ได้อายเป็นธรรมดา
นอกจากการสาดน้ำคนบนรถแล้ว แน่นอนเราต้องมีสาดกันเองด้วย ตอนเช้าๆก็อาจจะดูรักกันดีเพราะรถวิ่งไปวิ่งมาเยอะ แต่พอเริ่มสายๆ รถชักน้อย ตอนนี้ล่ะที่เริ่มหาเรื่องเล่นงานกันเอง แต่ละคนก็เริ่มระแวงกันเอง อย่าได้เผลอเชียว เปียกมะลอกมะแลกแน่ แต่เอาเข้าจริงก็เปียกกันถ้วนหน้านั่นแหละ ก็วันสงกรานต์นี่ แล้วริจะมาเล่นสงกรานต์แล้วจะไม่ให้เปียกได้ยังไง
ไอ้การสาดน้ำกันนี่นะ ถ้าหากว่าต่างคนต่างเล่น ต่างคนต่างสาด และต่างคนต่างเปียกมันก็สนุกน่ะสิจริงไหม แต่ทุกๆปีจะต้องมีมุขเจ็บใจเกิดขึ้นให้ได้มีการล้างแค้นในปีต่อๆมา บางคนแค้นกันแล้วก็ตามล้างแค้นกันเป็นหลายๆปีก็มี มุขเจ็บใจที่ว่าก็ไม่ใช่อะไรร้ายแรงหรอก คือพวกเราเป็นเด็กก็ต้องตัวเล็กๆ เตี้ยๆเมื่อเทียบกับผู้ใหญ่ หรือพวกหนุ่มๆสาววัยรุ่น พวกนี้นี่ชอบแกล้งเด็กคือโดนมาเหมือนจะเล่นด้วย พอเราเผลอก็จับขันนำในมือเราสาดตัวเราเองเป็นต้น เด็กอย่างเรารึก็มีหัวใจ แค้นนี้ต้องชำระก็รีบวิ่งไปตักน้ำมาสาดคืน แต่สาดเขากี่ทีๆก็หนีไม่พ้นโดนคว่ำขันเข้าหาตัวเอง ก็เขามือยาวกว่าเรา ยื่นมาเดี๋ยวเดียวก็ถึงขันเราแล้ว แล้วมิหนำซ้ำขาก็ยาวกว่าเรา วิ่งหนีเดี๋ยวเดียวก็หายไปซะแล้ว ไอ้ตอนนี้แหละที่เป็นช่วงฝากความแค้นกัน ปีหน้าต้องเอาคืนเป็นต้น แต่เอาเข้าจริงพอพ้นวันนั้นเราก็ลืมกันแล้ว ปีหน้าค่อยว่ากันใหม่
สมัยเด็กๆเราเล่นสงกรานต์กันแบบไม่กลัวร้อนเลยล่ะ เล่นกันตั้งแต่เช้าจรดเย็นเลยทีเดียว แต่พวกผู้ใหญ่เขาจะเลิกเล่นกว่าเราเพราะตอนบ่ายๆพวกหนุ่มๆสาวๆก็จะพากันไปสรงน้ำพระ ตามด้วย การแข่งชักเย่อกันอย่างสนุกสนาน ฉันก็ไปดูกับเขาบ่อยๆซึ่งกว่าจะแหวกฝูงผู้คนเข้าไปดูได้ก็ต้องแลกกับการตัวเปียกปอนไปหมด แล้วหน้าก็โดนประแป้งเสียหน้าขาวจั๊วะ แต่ก็สนุกดี
ตกดึกพวกเด็กๆที่เล่นกันมาทั้งวันก็แยกย้ายกันไปนอนเอาแรงเพื่อจะได้เล่นวันพรุ่งนี้อีก คราวนี้เป็นคิวของสงกรานต์หนุ่มๆสาวๆอีกครั้ง พวกหนุ่มสาวจะแต่งตัวกันสวยงามออกมาเล่นโยนลูกอะไรสักอย่างที่ชาวมอญเขาชอบเล่นน่ะ ที่บ้านฉันมีเล่นได้ยังไงก็ไม่รู้เหมือนกัน เสียงการหัวเราะแซวกันไปสาดน้ำกันไปอย่างสนุกสนานมีให้ฟังทุกปี ฟังแล้วก็เพลินดี เหมือนเสียงกล่อมก่อนนอน ตอนนั้นฉันเคยคิดเหมือนกันว่าสักวันพอเราโตขึ้นแม่คงยอมให้เราออกไปเล่นกับเขาบ้างนะ แต่จนแล้วจนรอดฉันก็ไม่เคยได้มีโอกาสนั้นเลย เพราะพอโตขึ้นก็ต้องเข้ามาเรียนในกรุงเทพฯเสียแล้ว และรู้สึกว่าเขาจะเลิกกันไปแล้วด้วยตามลักษณะทางสังคมที่เปลี่ยนไปนั่นล่ะ แต่ไม่เป็นไรหรอก สำหรับฉันแค่มีความทรงจำดีๆแบบนี้ให้ยิ้มได้ยามนึกถึงก็พอแล้ว
|