ถูกต้อนจนมุม!?
เราส่องกระจกเพื่อดูความเรียบร้อยก่อนออกจากบ้าน
เพื่อน และคนรอบข้างต่างเป็นกระจกสะท้อนความเป็นตัวเราด้วยเช่นกัน
หมายความว่า เพื่อนจะยิ้ม จะเศร้า จะสุข หรือจะหัวเราะดีใจ ล้วนส่งผลกระทบถึงตัวเรา และการที่คนรอบข้างแสดงความรู้สึกต่างๆ กับเราก็ย่อมสะท้อนว่าเราเป็นอย่างไรในมุมมองของพวกเขา เขาเชื่อมั่นหรือวางใจอะไรในตัวเรา
เวลาเราพูดคุยกับใคร เคยไหมที่ปรากฏอะไรบางอย่างวูบในความคิด มันเหมือนกับเป็นทางเลือกหนึ่งสำหรับเราที่จะก้าวเดินในอนาคต เหมือนกับเป็นภาพคำตอบที่ฝันวาดไว้ แต่ในโลกนี้มีสองด้านในสิ่งเดียวเสมอ จึงมักมีวูบหนึ่งแห่งความคิดที่พาเราเข้าป่าเข้าดง ออกนอกลู่นอกทางไปทำอะไรเหลวไหล ไม่สร้างสรรค์บ้าง
จะว่าไปนี่ก็คือสมดุลแห่งชีวิต เป็นความจริงที่ทุกคนไม่อาจหลีกหนีได้ แต่ทุกคนสามารถดำเนินชีวิตได้อย่างราบรื่น หากฝึกวิทยายุทธ์มาดีพอ นั่นก็คือ การระวังตัวเองไม่ให้ถูกต้อนจนมุม
คนเราเวลาผิดหวัง ก็มักซึมเศร้า บางทีไม่อยากเจอหน้าคนบางคน เพราะบางครั้งเจอแล้วก็พาลคิดอะไรต่อมิอะไรเลยเถิด คิดว่าเขาจะเยาะเย้ยเราไหม พูดเสียดสีดูถูก ทำให้เราขายหน้าอับอายหรือเปล่า นี่ล่ะครับ วูบหนึ่งแห่งความคิดที่พาให้เราแขยงและไม่กล้าทำอะไรดีๆ ออกไป ซ้ำยังปิดกั้นเรื่องอื่นๆ อีกด้วย
และบางครั้ง ยามอยู่คนเดียว สิ่งแวดล้อมเก่าๆ ก็หล่อหลอมให้รู้สึกในทางลบง่ายดาย เรียกว่าความคิดไม่ดีพร้อมจะผุดขึ้นได้เสมอ หากเป็นเช่นนี้บ่อยๆ ก็เรียกว่า กำลังจะถูกต้อนให้จนมุมแล้วล่ะครับ
อย่าเป็นนักมวยอ่อนแรง กำลังขาต้องดี วิ่งเต้นไปรอบเวทีอยู่เสมอ!
พูดให้เห็นภาพชัดเจน แต่ไม่ได้หมายความว่าคุณต้องไปซ้อมวิ่งทุกเย็น
เพียงแต่ฝึกให้มองเห็นความคิดที่ผุดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นความคิดเรื่องอะไร ดี หรือไม่ดี บางครั้งการเรื่อยไหลไปตามสายธารแห่งความคิด ก็สิ้นเปลืองเวลาและเรี่ยวแรงของเรามาก จนไม่อยากทำอะไรเลย เพราะสูญเสียพลังงานจากความคิดที่เผาผลาญอยู่ภายใน แทนที่จะทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันให้ปรากฏ
ในทางพุทธศาสนา มีการฝึกสติสัมปชัญญะ หลายรูปแบบ นับตั้งแต่การเดินอย่างช้าๆ แล้วติดตามดูทุกท่วงท่า หรือการนั่งสมาธิ ทั้งหมดนี้ต้องอาศัยการฝึกฝน เมื่อมีความเพียร ย่อมมีผลตามมา เมื่อฝึกบ่อยๆ จะเห็นบางสิ่งในตัวเรา จะค่อยๆ ชัดขึ้น ค่อยๆ รู้ตัว และเท่าทัน
ก็เหมือนการเต้นและวิ่งไปรอบเวทีคือ เราไม่ยอมจำนนต่อวูบความคิดที่สับเปลี่ยนกันเข้ามาครอบงำประทับตัวเรา ถ้าหากจนมุม ปล่อยวูบแห่งความคิดเข้าย่ำยี เราจะอ่อนเปลี้ยเพลียแรง เพราะตัวเราล่องลอยไปกับความคิดนั้น และไม่รู้ว่าความคิดนั้นจะพาเราย้อนกลับมาดูเรื่องราวเก่าๆอีกกี่ครั้ง หากเราติดใจ มีความสุขกับมัน
ไม่ว่าจะเป็นมุมแห่งความสุข ความประทับใจ หรือมุมแห่งความกลัว ความโกรธเกลียด อิจฉาริษยา ความเห็นแก่ตัว จะระวังอย่าปล่อยให้ถูกต้อนจนมุม เพราะนั่นเท่ากับคุณล้ำเส้นสมดุลแห่งชีวิต กลายเป็นสุดโต่งที่เรื่องใดเรื่องหนึ่งแล้ว
จริงๆ แล้วชีวิตคนเราก็มีกระจกที่ตั้งเรียงรายให้เรามองเห็นตัวเองได้รอบด้านขึ้น! นั่นคือ
เพื่อน พี่น้อง พ่อแม่ ลูกหลาน ต่างมีแบบฝึกหัดให้เราถามตัวเองอยู่เสมอ
แม้กระทั่งตัวเราเอง คือผู้ย้อนมองดูตนเองได้ดีที่สุด กลับเป็นฝ่ายพ่ายแพ้อยู่บ่อยๆ
ระวังถูกต้อนจนมุม
คมสัน วิเศษธร