ขอโทษท่านผู้อ่านที่ทิ้งระยะห่างของเวลานานไปสักนิด เนื่องจากผู้เขียน(พิมพ์นั่นแหล่ะ) ติดภาระกิจนิดหน่อยครับ
เพื่อเป็นการไม่เสียเวลาค่าชั่วโมงเน็ตหรือค่าโทรศัพท์เรามาเริ่มกันเลยดีกว่านะครับ
สำหรับท่านที่เป็นมือใหม่และมือเก่า อย่างที่เรา ๆ ท่าน ๆ ทราบกันดีอยู่แล้วในการทำเว็บย่อมหนีไม่พ้นเรื่องของการจัดทำข้อมูล
อันนี้ผมจะไม่กล่าวถึงการกำหนดวัตถุประสงค์ในการจัดทำเว็บขึ้นมาสักเว็บหนึ่ง แต่จะกล่าวเพียงวิธีการจัดทำข้อมูลที่ดีและง่าย
ต่อการจัดเก็บและนำขึ้นไปแสดงบนเว็บซะมากกว่า ครับหลาย ๆ คนใช้โปรแกรมในการสร้างเว็บต่างกัน ทั้งที่เป็นโปรแกรมสำเร็จ
อย่าง Dream, Flash ทุกเวอร์ชั่น หรือ บางคนถนัดเขียนและสร้างเองด้วยโปรแกรมอย่างเช่น PHP ASP หรือ CMOS
ในการพัฒนาเว็บ นั่นก็สุดแล้วแต่ใครได้ศึกษาเรื่องใดมา แล้วนำมาประยุกต์ใช้เข้าด้วยกัน เพราะเรารู้กันดีอยู่แล้วว่าไม่มีโปรแกรมใด
ตอบสนองเราได้ทุกอย่าง สำหรับผมแล้วใช้อยู่แค่ไม่กี่โปรแกรม แต่ปัญหานี่สิครับเป็นเรื่องที่ค่อนข้างจะตายตัว คือ หลาย ๆ คนเจอมา
เหมือน ๆ กัน หรือคล้าย ๆ กัน
ปัญหาในการสร้างเว็บส่วนใหญ่มักจะเกิดขึ้นในจังหวะ หรือขั้นตอนการพัฒนาเว็บไซต์ในลำดับขั้นตอนต่าง ๆ ส่วนใหญ่ผมพุ่งไปที่
การจัดเตรียมข้อมูล ซึ่งมีปริมาณมากมายหลายกิโลไบต์ (ถ้าเป็นน้ำหนักคงแบกไม่ไหว) ทั้งส่วนที่เป็นเอกสาร ภาพ เสียง และวีดีโอ ซึ่งมีขนาด
ที่ต่าง ๆ กันไปตามแต่ความสำคัญของเรื่องและรายละเอียดของแต่ละเรื่องไป ดังนั้น เราจึงต้องจัดมันเก็บไว้เป็นหมวดหมู่ให้ชัดเจนซะก่อน
สำหรับผม ใช้วิธีแบ่งออกเป็นตามประเภทของงาน หัวข้อเรื่อง แล้วจึงสร้างโฟลเดอร์จัดเก็บไฟล์แยกประเภทไว้ในแต่ละหัวข้อ และประเภท
ของงานไว้ของใครของมัน
ยกตัวอย่าง "หัวข้อขั้นตอนการพัฒนาเว็บไซท์"
สิ่งที่ผมต้องเตรีมต้องมีก็คือ ข้อมูล อาจเป็นข้อมูลหลากหลายประเภท อาทิ ไฟล์เอกสารประกอบ ภาพประกอบ เสียง หรือ วีดีโอ
ทั้งหมดนี้คืองานชิ้นหนึ่ง ซึ่งงานชิ้นนี้มีไฟล์มากกว่าหนึ่งแน่นอน ดังนั้นเราจะเก็บมันไว้คนละส่วนกัน ตามแต่ละโฟลเดอร์ โดยแยกประเภท
ไว้ว่า เอกสารอยู่รวมกันในโฟลเดอร์เอกสาร ภาพส่วนภาพ เสียงส่วนเสียงดังนี้ เป็นต้น อ่าน ๆ กันดูแล้วเหมือนกับการวางระบบของวินโดวส์ที่เราใช้
กันอยู่ในปัจจุบันเลยใช่ไหมล่ะครับ ที่มันสร้างโฟลเดอร์ไว้ให้เราแต่ละประเภท เราเพียงแค่เอาไฟล์ไปใส่ไว้ในโฟลเดอร์ที่มันสร้างไว้ให้เท่านั้น
แต่การทำเว็บเราต้องสร้างเอง หลายคนอาจจะคิดว่า แล้วมันต่างกันตรงไหน ?? ครับสิ่งที่เห็นชัดเจนที่สุดก็คือการตั้งชื่อโฟลเดอร์นี่เองครับ
แต่ถ้าใครใช้Dream อยู่ก็จะไม่ค่อยมีปัญหาตรงจุดนี้ เพราะมันจะสร้างโฟลเดอร์สำหรับเก็บภาพให้เราโดยอัตโนมัติเลย ก็ยกตัวอย่างให้อ่านกัน
เพียงเท่านี้ก่อน ถ้าใครจัดหมวดหมู่ไฟล์ไว้แต่ละประเภทดังนี้แล้วล่ะก็ เวลาเรียกใช้งานก็จะง่าย ทั้งนี้ต้องคิดคำนวณถึงพื้นที่ ที่เราใช้ทำงานบนเว็บกับ
ข้อมูลที่เราจะนำขึ้นด้วยว่าขนาดมันพอดีกันหรือไม่ ไม่อย่างนั้นจะต้องเสียเวลาไปโดยเปล่าประโยชน์แน่ ๆ เลย จริงไหมครับ
สำหรับฉบับนี้ฝากไว้แค่นี้ก่อน ส่วนฉบับหน้าเราจะมาคุยเรื่อง Web Design อย่าลืมติดตามอ่านกันได้ที่นี่เหมือนเช่นเคยนะครับ
ขอบคุณผู้อ่านทุกท่านที่ติดตามครับ
|