เป็นธรรมดาที่ชีวิตการทำงานของมนุษย์เงินเดือนอย่างเราท่าน ต้องการความก้าวหน้า ซึ่งวิธีการโดยทั่วไปนั้นก็ได้แก่ ก้าวหน้าในที่ทำงานเดิม ในตำแหน่งหน้าที่การงานใหม่ จะโดยเปลี่ยนสายงานหรือไม่ก็ตาม กับความก้าวหน้าจากการเปลี่ยนที่ทำงาน โดยอาจจะไปเติบโตในสายงานอื่นต่างไปจากเดิม หรือในสายงานเดิมทำนองเดียวกัน
พอเรามีการเปลี่ยนแปลงหน้าที่การงานเพื่อความก้าวหน้าของอาชีพการงาน โดยเฉพาะการไปทำงานในที่ทำงานใหม่ มันก็ไม่ใช่เรื่องหมู ๆ ที่เราจะนำพฤติกรรมหรือแนวการปฏิบัติงานที่ทำงานเก่าไปใช้กับที่ทำงานใหม่ ทำนองนับ 3 นับ 4 ต่อไปเรื่อย ๆ ได้เลย ตรงกันข้าม ระยะเวลาเพียงไม่นานในช่วงทดลองงานนี้เอง เป็นช่วงเวลาที่โหดหิน ที่พิสูจน์ความอยู่รอดชองคุณกับองค์การใหม่ที่คุณเปลี่ยนไปร่วมงานกับเขา และแน่นอน ความยุ่งยากแปรผันไปตามตำแหน่งงานที่คุณไปร่วมกับที่ทำงานใหม่ หรือกล่าวก็คือ ยิ่งคุณไปทำงานที่ทำงานใหม่ตำแหน่งใหญ่โตมากเท่าใด คุณก็ต้องเรียนรู้เคล็ดลับต่าง ๆ ที่จะช่วยให้คุณไม่เสียทีให้มากขึ้น เพราะช่วงเวลาของการทดลองงานใหม่นี้เช่นกัน จะบอกนอกจากการปรับตัวของคุณว่า คุณจะสามารถสร้างผลงานและมีพฤติกรรมการทำงานในทิศทางที่องค์การใหม่ต้องการอยากได้อยากให้คุณเป็นได้หรือไม่
ก็เลยขอโน้มน้าวท่านมาทบทวนกันสักนิด แต่กระนั้น ผมเองก็ไม่ใช่ผู้รู้ผู้เชี่ยวชาญอะไร จึงขอนำเคล็ดลับและข้อคิดของ Dr. Karen Otazo ผู้เขียนหนังสือยอดนิยมเล่มหนึ่งชื่อ The Truth About Managing Career
And Nothing but the Truth ได้รับการแปลและตีพิมพ์เป็นภาษาไทยเมื่อปี 2550 โน่น
อยากให้ท่านผู้อ่านลองนำไปตรึกตรอง หรือนำไปแนะนำกับคบรองข้างท่านที่อยู่ในสถานการณ์เหล่านี้ดู ซึ่งนั่นก็คือจุดประสงค์ที่ผมใช้เวลามานั่งเขียนเรื่องเหล่านี้นำเสนอท่าน
เพราะมีมนุษย์งานจำนวนไม่น้อย รวมทั้งผมเป็นหนึ่งในนั้นเมื่อสมัยก่อนที่ไม่ประสีประสามากนัก มักลืมว่า คนใหม่ขององค์การนั้น เป็นอะไรที่บอบบางอย่างยิ่ง มีจุดอ่อนก็มากหลาย เนื่องจากยังด้อยประสบการณ์และรู้สถานการณ์กับที่ทำงานใหม่น้อยไป
เริ่มแรกนั้น คนทำงาน ใหม่ ขององค์การ ก็อยากที่จะพิสูจน์ฝีมือของตัวเองภายใต้ความท้าทายของเวลาและสถานการณ์ที่จะต้องผ่านการทดลองงานให้ได้ จึงมักรีบร้อน รีบเร่งที่จะโชว์ฝีมือให้หัวหน้างาน ตลอดจนผู้บริหารระดับสูงได้เห็น พยายามที่จะทำให้บุคคลรายรอบประทับใจในตัวเขา โดยลืมอะไรไปหลายเรื่อง
ภายในช่วงเวลาของการทดลองงานนี้ แหละที่คุณต้องพิสูจน์ฝีมือให้ทุกคนที่คุณทำงานด้วยเห็น แต่ก็ต้องระวังที่จะไม่รีบร้อนเสียจนกลายมาเป็นผลเสียต่อการทำงานของคุณ
ที่ต้องระวังไม่รีบร้อนเกินไปนั้น เป็นเพราะว่า เรายังไม่รู้ว่าความรีบเร่งในการทำงานเพื่อต้องการพิสูจน์ฝีกมือตัวเองให้ผ่านการทดลองงานนั้น ไปขัดขา หรือไปทิ่มแทงให้ใครต้องมีปัญหาจนกระทั่งรู้สึกไม่ดีกับเราหรือเปล่า ภาษาชาวบ้านบอกว่า จะไปเหยียบตาปลาใครเข้า หรือไปเจอตอ เราไม่ค่อยรู้หรอกครับ พอรีบร้อนปุ๊ป ปัญหาที่ตามมาก็คือ งานที่เคยราบรื่น แม้จะช้าอืดอาดไม่ทันใจท่าน ก็อาจจะถึงกับระส่ำระสาย สร้างผลเสียในระยะยาว ปั๊ป ซึ่งปัญหาเปล่านี้ ท่านอาจจะยังคาดไม่ถึงเสียด้วยซ้ำ
ชะลอที่จะโชว์ฝีมือหรือกึ๋นของคุณสักนิด หันหลับมาดูที่ดูทางให้ดีก่อน เพื่อที่จะได้รวบรวมข้อมูลอย่างรอบด้านสำหรับการปรับตัวของคุณ การชะลอนี้ ยังจะช่วยให้คุณได้ใคร่ครวญด้วยว่า คุณจะทำอย่างไร จึงจะสามารถสร้างความประทับใจให้กับคนเก่ารอบตัวคุณมี และไม่รู้สึกว่า พอมีคุณเข้ามาแล้ว เค้าเดือดร้อน...
Dr. Karen แนะนำไว้ว่า คุณไม่ต้องกลัวว่าจะไม่ได้แสดงฝีมือพิสูจน์ตัวเอง เพราะยังงัยเสียไม่ช้าก็เร็ว คุณจะได้ทำมันอยู่แล้ว แต่ควร start จากการสร้างความยอมรับนับถือที่คนรอบข้างมีให้คุณดีกว่า
นั่นสินะ ครั้งหนึ่งเมื่อผมเปลี่ยนงานมารับตำแหน่งระดับผู้จัดการ หัวหน้างานผมซึ่งเป็นผู้อำนวยการ ท่านได้กรุณาเตือนผมว่า สิ่งที่ผมจะต้องคิดให้ดีและทำให้ได้เมื่อมาทำงานใหม่ก็คือ การสร้างความประทับใจให้เกิดขึ้นกับคนเก่า ไม่ว่าคนคนนั้นจะเป็นลูกน้อง หัวหน้า หรือเพื่อนร่วมงานต่างฝ่ายรายรอบตัวของผม ให้ได้ก่อนอื่นใด แต่วิธีการทำให้เป็นแบบนั้นสิครับ ไม่ง่ายเลย ซึ่งผมเองก็ต้องเรียนรู้เหมือนกันนั่นล่ะ
สิ่งที่ผมนำเสนอท่านผู้อ่านนี้ เชื่อว่าท่านที่เป็นหัวหน้างานจะสามารถนำไปใช้แนะนำลูกน้องคนใหม่จองท่านได้ เช่นเดียวกับที่ผู้มาใหม่ขององค์การ จะได้รับประโยชน์โดยตรง ที่จะได้ทำความเข้าใจในเรื่องต่าง ๆ เหล่านี้เสียตั้งแต่ต้น เพื่อไม่ให้เพลี่ยงพล้ำ และตกไปอยู่ในหลุมพรางที่คุณนั้นขุดมันขึ้นมาเอง
แล้วมาว่ากันในตอนต่อไปครับ