หน้าแรก เขียนใบสมัครงาน ลงโฆษณางาน ค้นหาใบสมัครงาน คู่มือการใช้งาน Menu

สนใจลงโฆษณา โทร. 02-275-1900, 02-612-4900, 038-395000

space
   ค้นบ่อย : หางานบัญชี, หางานธุรการ, หางานจัดซื้อ, หางานผู้จัดการ, หางานขับรถ, หางานบุคคล, หางานคลังสินค้า, หางานครู, หางานวิศวกร, หางานเขียนแบบ, หางานคีย์ข้อมูล, หางานการตลาด, หางานโรงแรม, หางานสิ่งแวดล้อม, หางานคอมพิวเตอร์, หางาน Programmer, หางานประชาสัมพันธ์, หางานช่าง, หางานสถาปนิก
เรื่อง เกษตรอินทรีย์แนวทางความอยู่รอดของเกษตรกรไทย
เขียนโดย Wonder Man

Rated: vote
by 2 users

คุณคิดอย่างไรกับเรื่องนี้?

 




วิกฤตเศรษฐกิจโลก สองครั้งที่ผ่านไป เริ่มจากวิกฤตเศรษฐกิจในเม็กซิโก โรคต้มยำกุ้งที่ไทย ดูเหมือนว่า ตำราเศรษฐศาสตร์ ในยุคอุตสาหกรรม จะกลายเป็นคัมภีร์โบราณคล่ำครึ แต่ก็ยังปรากฏให้เห็นอยู่เนืองนิด ที่ยังมีนักเศรษฐศาสตร์ ที่ยังคงงมงายนำเอา วงจรธุรกิจ ( Business Cycle ) ในยุคอุตสาหกรรมมาใช้วิเคราะห์ปัญหาเศรษฐกิจในปัจจุบัน  
 
ขณะที่วิกฤตเศรษฐกิจโลกรอบที่สอง ยังไม่ทันจางหาย การปรากฏร่างเงาของวิกฤติเศรษฐกิจโลกรอบสาม กำลังคืบคลานเข้ามา เริ่มที่อาร์เจนติน่า ญี่ปุ่น และศูนย์กลางเศรษฐกิจโลก สหรัฐอเมริกา และถาโถมแทรกซ้อนเข้ามา ของสถานการณ์ต่างๆ เช่น กระแสต่อต้านการก่อการร้าย โดยสหรัฐอเมริกากล่าวหา ๓ ประเทศ อิรัก อิหร่าน และเกาหลีเหนือวาเป็น ๓ อักษะแห่งความชั่วร้ายที่ (Axis of Evil), สงครามอิรัก, โรคซาร์ส ฯลฯ
 
บรรดาชาติสมาชิก องค์การค้าโลก ( WTO = World Trade Organization) ภายใต้เงื่อนไขของ WTO ที่จะต้องเปิดการค้าเสรี ดูเหมือนว่าแต่ละประเทศสมาชิกกำลังตกอยู่ในวังวนแห่งความสับสนวุ่นวายกันไปหมด ความพยายามของแต่ละประเทศสมาชิก ที่ต้องการจะแก้ปัญหาเศรษฐกิจประเทศตน ด้วยการส่งออกสินค้า แต่ก็ต้องเผชิญกับวิธีการกีดกันทางการค้ามากมาย เช่น การตั้งกำแพงภาษีเหล็กและการอุดหนุนเกษตรกรที่ตั้งงบสูงถึง แปดล้านล้านบาทของสหรัฐอเมริกา, การให้เงินอุดหนุนชาวนาของญี่ปุ่น ที่อ้างถึงความเสียเปรียบของภูมิประเทศ , กฎว่าด้วยความปลอดภัยต่อสุขภาพของอาหาร, สุขภาพอนามัย-สวัสดิการสัตว์ ( Animal Welfair ), การตัดต่อทางพันธุกรรมพืชและสัตว์ (GMO) เป็นต้น ของสหภาพยุโรป ฯลฯ 
 
ภาพของการค้าเสรีภายใต้เงื่อนไข WTO กำลังจะกลายเป็น สองด้านที่ตรงกันข้ามกัน ขณะที่ประเทศสมาชิก ต้องการที่ส่งออกสินค้าของตน ก็พยายามที่จะสร้างเงื่อนไข ขึ้นมาเพื่อกีดกันทางการค้า โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ประเทศมหาอำนาจ ผู้นำทางด้านเศรษฐกิจ การเมือง การทหารโลก ที่เป็นแกนนำในการผลักดันระบบการค้าเสรี ( WTO) สำหรับประเทศเล็กๆที่ไม่มีอำนาจต่อรอง   ก็ได้แต่หันรีหันขวางวางตัวไม่ถูก จะปกป้องผลประโยชน์ของประชาชนก็กลัว ประเทศมหาอำนาจลงโทษ จะต่อรองประเทศมหาอำนาจให้ Fair-Trade เสียงก็ไม่มีพลังดังพอที่จะมีผู้สนใจ ความล่มสลายของประเทศจึงเกิดขึ้น อย่างเช่นประเทศอาร์เจนติน่า ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นอดีตมหาอำนาจทางเศรษฐกิจในลาตินอเมริกา
 
ยุทธศาสตร์ของประเทศไทย ในท่ามกลางสถานการณ์ “ พายุร้ายสัมบูรณ์แบบของเศรษฐกิจโลก “ ( The Perfect Strom ) ประเทศไทยจะต้องสร้างภูมิคุ้มกันให้เกิดความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจ จาก “ เงื่อนไขภายใน “ เป็นหลักซึ่งเป็นเงื่อนไขที่รัฐบาลสามารถควบคุมกำหนดได้ ขณะที่รัฐบาลไม่สามารถกำหนดควบคุมความเคลื่อนไหว สถานการณ์ทางสากลอันเกิดจาก “ เงื่อนไขภายนอก “ ดังนั้นแนวทางที่จะแก้ปัญหาวิกฤตของประเทศได้ ด้วยสองยุทธศาสตร์หลักดังนี้
 
, ทำให้ประเทศไทย ปลอดพ้นจากการถูกใช้เป็นจุดยุทธศาสตร์ทางสงคราม
 
, สร้างความเข้มแข็งทาง เศรษฐกิจ การเมือง และวัฒนธรรม จาก “ เงื่อนไขภายใน “
 
เกษตรอินทรีย์ ในที่นี้ผู้เขียนจะขอกล่าวถึงเฉพาะในส่วนของ “เกษตรอินทรีย์ แนวทางความอยู่รอดของเกษตรกรไทย” ซึ่งเป็นโครงสร้างพื้นฐานทางเศรษฐกิจของประเทศ หากฐานรากทางเศรษฐกิจของประเทศ ยังไม่มั่นคง สั่นไหวคลอนแคลน โดย “ เงื่อนไขภายใน “ ก็ย่อมที่จะเปราะบางต่อผลกระทบ จากวิกฤตเศรษฐกิจ การเมือง สังคมโลก โดย “ เงื่อนไขภายนอก “ ผู้เขียนได้มีโอกาสได้พบปะแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับ ท่านผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ นาย เกษมศักดิ์ แสนโภชน์ ถึงวิธีคิด-วิธีการทำงานของท่าน
 
ที่จะผลักดันให้โครงสร้างพื้นฐานเศรษฐกิจของประเทศ ให้เกิดความมั่นคงยั่งยืน ตามแนวทางพระราชดำริ “เศรษฐกิจพอเพียง” นโยบายของรัฐบาล “เศรษฐกิจรากหญ้า” ด้วยการผลักดันสร้างกระแสให้เกษตรกร ชาวไร่-ชาวนา ปรับเปลี่ยนวิธีการผลิตจากที่ผ่านมา ใช้วิธีการผลิตแบบเทคโนโลยีเกษตรเคมีและทุน ซึ่งต้องพึ่งพาปัจจัยภายนอก ให้หันกลับมาใช้วิธีการผลิตแบบเกษตรอินทรีย์ ที่ใช้ภูมิปัญญาชาวบ้าน ผสมผสานกับเทคโนโลยี ชีวภาพ แบบพึ่งพาตนเอง 
 
อดีต ๓๐ ปีที่ผ่านไป การพัฒนาการเกษตรไทยได้ก้าวสู่เทคโนโลยีเกษตรเคมีและทุน ตามแนวทางของ องค์การอาหารและเกษตร แห่งสหประชาชาติ ที่เรียกว่า “ระบบเกษตรกรรมสมัยใหม่ “ ( Modern Agriculture หรือ Chemical Agriculture ) ตามแบบอย่างตะวันตก   โดยมิได้คำนึงถึงข้อเท็จจริง ขณะที่ประเทศตะวันตก นำเอา “ระบบเกษตรกรรมสมัยใหม่ “   มาสู่เกษตรกรของเขา รัฐบาลตะวันตกได้ใช้งบประมาณในการวิจัยและพัฒนา ตลอดจนการสนับสนุนด้านเงินทุน การประกันราคาพืชผลทางการเกษตร และประกันความเสียหายต่อผลผลิตอันเนื่องมาจากภัยธรรมชาติ ในรูปแบบต่างๆมากมายเพื่อการอยู่รอดของเกษตรกร 
 
ทั้งนี้ การผลิตอาหารสำหรับประเทศ อุตสาหกรรม นับเป็นเรื่องที่สำคัญมาก เนื่องจาก บทเรียนเมื่อเกิดภาวะวิกฤตเช่น การเกิดสงคราม อาจเกิดการขาดแคลนอาหารขึ้นได้หากไม่มีเกษตรกรผู้ผลิตอาหาร ดังปรัชญาพิชัยสงครามที่ว่า กองทัพเดินด้วยท้อง ดังนั้นจึงไม่แปลกที่ทำไมเกษตรกรของ ญี่ปุ่นและชาติตะวันตกจึงร่ำรวย มีรายได้มากกว่า ๑๐๐,๐๐๐.๐๐ บาทต่อเดือน
 
เกษตรกรชาวนาไทย กับ “ระบบเกษตรกรรมสมัยใหม่ “( Modern Agriculture หรือ Chemical Agriculture )     บทเรียนซ้ำซากของการคัดลอกนำเอา วิธีคิด-วิธีการทำงาน แบบตะวันมาใช้กับสังคมวัฒนธรรมไทย โดยไม่มีการประยุกต์ใช้อย่างรอบด้าน ให้เหมาะกับสังคมวัฒนธรรมไทย ผลของการนำเอา “ระบบเกษตรกรรมสมัยใหม่ “ มาใช้กับเกษตรกรชาวนาไทย ตลอดระยะเวลา ๓๐ ปีที่ผ่านไป กลายเป็นสองด้านที่ตรงกันข้ามกับ เกษตรกรตะวันตก ขณะที่เกษตรกรชาติอุตสาหกรรม ได้พัฒนาประสิทธิภาพการผลิตก้าวหน้า เช่น ผลผลิตข้าวของชาวนาญี่ปุ่น ผลิตข้าวได้ ๑๒๐๐ ก.ก.ต่อไร่ เมื่อหันกลับมาดู ผลผลิตต่อไร่ของเกษตรกรชาวนาไทย กลับ หล้าหลังถดถอย ปัจจุบันชาวนาในจังหวัดสุรินทร์ ผลผลิตข้าวเฉลี่ย   ๓๒๐ ก.ก.ต่อไร่   ขณะที่ ชาวนาจีนสามารถผลิตข้าวได้ ๙๐๐ ก.ก.ต่อไร่ ชาวนาเวียตนามสามารถผลิตข้าวได้ ๖๙๒ ก.ก.ต่อไร่ ชาวนาพม่าสามารถผลิตข้าวได้ ๔๙๒ ก.ก.ต่อไร่    ชาวนาลาว ผลิตข้าวได้ ๔๖๐ ก.ก.ต่อไร่ ชาวนากัมพูชาผลิตข้าวได้ ๔๒๕ ก.ก.ต่อไร่    ฯลฯ
 
เมื่อเกษตรกรชาวไร่-ชาวนาไทย นำเอา“ระบบเกษตรกรรมสมัยใหม่“( Modern Agriculture หรือ Chemical Agriculture ) มาใช้แทนระบบการผลิตแบบดั้งเดิมที่ “ผลิตเพื่อตอบสนองต่อความต้องการชุมชน” โดยมีเอกลักษณ์ภูมิปัญญาชาวบ้านเป็นของตนเอง ทำการผลิตหลายๆอย่างในแปลงนาเดียวกัน เช่น ทำนา ทำสวน เลี้ยงเป็ด เลี้ยงไก่ เลี้ยงปลา เลี้ยงวัว เลี้ยงควาย ปลูกหม่อน เลี้ยงไหม ทอผ้าไว้ใช้เอง ฯลฯ ซึ่งเป็นการผลิตแบบ “เกษตรกรรมธรรมชาติ” พึ่งพาตนเอง สร้างสรรค์ความสมดุลทางธรรมชาติ ปุ๋ย ได้จากมูลสัตว์ สัตว์เลี้ยงในครัวเรือน เป็ด ไก่ วัว ควาย ขยายพันธุ์ เพิ่มขึ้นทุกปี สิ่งเหล่านี้ได้นำไปสู่วิถีการดำเนินชีวิตของเกษตรกรชาวไร่-ชาวนาไทย อย่างเรียบง่ายสุขสบาย และความมั่นคงมั่งคั่ง
 
นั่นคือภาพเกษตรกรชาวไร่-ชาวนาไทยในอดีตที่“การผลิตเพื่อตอบสนองต่อความต้องการของชุมชน” แต่เมื่อ “ระบบเกษตรกรรมสมัยใหม่“ ภายใต้แนวความคิดใหม่ “การผลิตเพื่อตอบสนองต่อความต้องการของตลาด “ ได้นำไปสู่พฤติกรรม การทำนาของชาวนาไทย ที่เปลี่ยนแปลง ท่านผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ นายเกษมศักดิ์ แสนโภชน์ ได้สื่อเป็นภาษาง่ายๆ กับเกษตรกรชาวไร่-ชาวนา ว่า “การทำนาแบบเฒ่าแก่” 
 
“การทำนาแบบเฒ่าแก่” เป็นอย่างไร พวกเขาเริ่มต้นวิธีคิด-วิธีการทำงานด้วยการ ซื้อซื้อซื้อ กู้ กู้ กู้ หนี้หนี้หนี้ จ้างจ้างจ้างและเจ๊งเจ๊งเจ๊ง ฯลฯ กระบวนการทำนาได้เกิดการเปลี่ยนแปลง ดังนี้
 
๑,เริ่มจากการ ไถนา ต้องซื้อ(ค่าใช้จ่าย) รถไถนา น้ำมัน ซ่อมบำรุง (บางคนดูแลรักษาเครื่องยนต์ไม่เป็น ใช้ได้เพียงปีเดียวเครื่องก็พัง สิ่งที่ยังคงเหลืออยู่คู่ซากควายเหล็ก ก็คือหนี้สินล้นพ้นตัว)
 
๒,เมื่อทำการปักดำกล้า ก็ต้องจ้างจ้างจ้าง ประเพณีลงแขกทำนา จึงกลายเป็นวัฒนธรรมที่สาบสูญไป
 
๓,หลังจากปลูกข้าวแล้ว ต้องการให้ผลผลิตงอกงาม ก็ต้องซื้อปุ๋ยเคมี ( ซึ่งปัจจุบันใช้ไม่ได้ผลมากนัก เพราะสภาพดินเสื่อมคุณภาพ) ว่านว่านว่าน หนี้หนี้หนี้
 
๔,เมื่อพวกเขาพบว่ามีแมลงศัตรูพืชเข้ารบกวนต้นข้าว ก็หาซื้อสารเคมีปราบศัตรูพืช ฉีดฉีดฉีด พ่นพ่นพ่น 
 
๕,ถึงฤดูเก็บเกี่ยว ก็ต้องจ้างจ้างจ้าง คนเกี่ยวข้าว และรถนวดข้าว ฯลฯ
 
นี่คือสภาพการทำนาของชาวนาไทยที่เดินหลงทิศหลงทางไปกับ “ระบบเกษตรกรรมสมัยใหม่“ หรือ “การทำนาแบบเฒ่าแก่” ตลอดระยะเวลา ๓๐ ปีที่ผ่านไป ได้พิสูจน์ให้เห็นถึงความล้มเหลวของการนำเอาเทคโนโลยี มาประยุกต์ใช้อย่างผิดวิธี แทนที่จะนำเอาเทคโนโลยีชีวภาพมาประยุกต์ใช้ ในรูปแบบของ “เกษตรอินทรีย์” กลับหลงทางสู่ “การทำนาแบบเฒ่าแก่” ดังตัวเลขที่แสดงให้เห็นถึงความล้มเหลวต่อไปนี้



ความคิดเห็นของคุณกับบทความนี้ ...

 

user_icon

Knowledge Center
knowledge center
knowledge

star

ความหมายดี ๆ ในชีวิต ที่อยากให้คุณรู้
 
เรื่องน่ารู้ตามหมวดหมู่
• การแพทย์
• ความรู้ทั่วไป
• เรื่องของผู้หญิง
• กีฬา
• ข่าวและสื่อ

และอื่น ๆ อีกมาก

  ค้นหาเรื่องที่คุณสนใจ
ระบุ keyword
 
True vision

TV Icon

TV Interview

หลากเรื่องราวทางธุรกิจ แง่มุมของผู้บริหาร จากบริษัทชั้นนำต่างๆ

dot
HR Corner
สัมภาษณ์คัดเลือกผู้สมัครงานอย่างไร? ให้ตรงสเป็ค
https://www.jobpub.com/new_images/play.gif
 
The Seeds of Innovation นวัตกรรมใหม่แห่งการพัฒนาบุคลากร
https://www.jobpub.com/new_images/play.gif
 
การสร้างความแตกต่าง ให้เหนือคู่แข่ง
คุณมกร พฤฒิโฆสิต
https://www.jobpub.com/new_images/play.gif
dot

https://www.jobpub.com/new_images/playall_b.gif

 

หางานบ่อย : ธุรการ นิคมบางพลีสมุทรปราการ Draft Man ผู้ช่วยกุ๊กย่านรัชดา เจ้าหน้าที่สาธารณสุขชลบุรี ประสานงายน even 7 el twenty หางานรามคำแหง1 วุฒิม6 พิษณุโลก หางาน เกาะสมุยงานโรงแรม สุขภาพและความงาม ดาราระคร พนักงาน Boots งานขับรถต่างจังวัด งานราชการภาคใต้ ธุรการ,บัญชี เน+็ sAFFevent t96oee8 ปริญญาตรี+ทุกสาขา จ.ปทุม ขับรถในจังหวัดพิษณุโลก บริษัท sgs คิวว๊แผนกกาว ปะกันภัย สมัคงานส่งเสริมการขาย m 150 หางานตำแหน่งธุรการแถวบาแค โปร แดท สุขุมวิท 52 Cook โรงแรมแชงกาลีล่า นักเซรามิก p.cโลตัสท่ายาง รามคำแหง กทม. ธนาคารกรุงไท perl ปวส กทม ช่างทำกระเป๋า บริษัทนิเด็คโรจนะ2 พนักงานธุรการระดับปวส. โรงแรมบีพี วุฒิ ป.6ภูเก็ต เลี้ยง พัลลภ ปฎิภาณโวหาร วุฒิ ม3 รังสิต กุ๊กกะกลางคืนเชียงใหม่ พู ล ร้านนม วุฒิ ปวส การบัญชี กรีนนารี่ ช่างภาพ , ผู้ช่วยช่างภาพ งานเขตบึงกุ่ม