ค้นบ่อย
:
หางานบัญชี,
หางานธุรการ,
หางานจัดซื้อ,
หางานผู้จัดการ,
หางานขับรถ,
หางานบุคคล,
หางานคลังสินค้า,
หางานครู,
หางานวิศวกร,
หางานเขียนแบบ,
หางานคีย์ข้อมูล,
หางานการตลาด,
หางานโรงแรม,
หางานสิ่งแวดล้อม,
หางานคอมพิวเตอร์,
หางาน Programmer,
หางานประชาสัมพันธ์,
หางานช่าง,
หางานสถาปนิก |
เรื่อง
ข้อคิดสำหรับชีวิตลูกจ้าง (มืออาชีพ)
เขียนโดย Wonder Man
|
Rated:
by 2 users |
|
|
|
|
บางคนเป็นลูกจ้างเพราะอยากหาประสบการณ์ (ลูกคนรวย พ่อแม่รอวันลูกกลับไปดูแลกิจการ) บางคนเป็นลูกจ้างเพราะไม่มีทางเลือกอย่างอื่น (ไม่รู้ว่าจะไปทำอะไรดี) ในขณะที่หลายคนเป็นลูกจ้างเพราะอยากเป็น (สมัครใจที่จะมีอาชีพเป็นลูกจ้าง แต่ยังบอกไม่ได้ว่าเป็นลูกจ้างมืออาชีพหรือไม่)
-
การแสดงผิดบท หมายถึง ในขณะที่เราทำหน้าที่ใดหน้าที่หนึ่งนั้น เราได้นำเอาพฤติกรรมในหน้าที่หรือบทบาทอื่นๆมาใช้ เช่น ในขณะที่เราทำหน้าที่เป็นหัวหน้า เราอาจจะนำบทของความเป็นพ่อหรือแม่มาใช้ในการดุด่าลูกน้อง หรือในขณะที่เราทำหน้าที่เป็นลูกน้อง เราอาจจะแสดงอารมณ์ใส่หัวหน้าเหมือนกับการที่เราเคยแสดงอารมณ์ใส่พ่อแม่
-
แสดงไม่สมบทบาท หมายถึง การที่เราทำหน้าที่ได้ต่ำกว่ามาตรฐานที่ควรจะเป็น ซึ่งอาจจะเกิดจากสาเหตุหลักๆ สองประการคือประการแรก รู้ว่าควรจะทำอะไรอย่างไร และสามารถทำได้ถ้าจะทำ แต่ไม่ทำ ประการที่สองคือ ไม่รู้ว่าบทบาทที่ควรจะเป็นจริงๆนั้นเป็นอย่างไร จึงทำให้แสดงบทบาทนั้นๆ ได้ไม่ดีเท่าที่ควรจะเป็น เช่น พนักงานต้อนรับ ไม่ทราบว่าบทบาทที่ควรจะเป็นคือการดูแลแขกของบริษัทให้เกิดความสะดวกสบายและรวดเร็ว เขาก็อาจจะแสดงเพียงการสอบถามข้อมูลและแจ้งผู้ที่เกี่ยวข้องเท่านั้น เขาอาจจะไม่ได้ให้ความสนใจกับแขกเลยว่า แขกต้องการกาแฟหรือน้ำเปล่าหรือโอวัลติน แขกจะไปหาห้องน้ำเจอหรือไม่
-
ต้องเข้าใจบทบาทในหน้าที่นั้นอย่างถ่องแท้ ลูกจ้างมืออาชีพ จะต้องศึกษาว่างานที่เราทำนั้นมีอะไรบ้าง ขอบเขตมากน้อยเพียงใด อะไรคือสิ่งที่องค์การคาดหวังจากการจ้างเราเข้ามาทำงาน อะไรคือสิ่งที่เป็นข้อควรระวังของตำแหน่งงานนั้น เช่น บางตำแหน่งต้องระวังเรื่องการส่อทุจริตเพราะต้องทำงานกับเงินๆทองๆ นอกจากนี้จะต้องศึกษาว่าในอาชีพนั้นๆ เขามีมาตรฐานอะไรบ้าง นอกจากนี้คงจะต้องศึกษาดูว่าจำเป็นต้องใช้ความรู้เรื่องใดเพิ่มเติมบ้าง
-
ต้องอินกับบทบาทของงานในตำแหน่งที่ได้รับมอบหมาย ลูกจ้างมืออาชีพ จะต้องปรับอารมณ์ของตัวเองให้เข้ากับงานที่ได้รับมอบหมาย เช่น เราทำหน้าที่เป็นพิธีกรในงานปีใหม่ เราจะต้องสร้างอารมณ์ตัวเองให้เหมาะสมกับบทพิธีกร แม้ว่าตัวจริงเสียงจริงของเราไม่ค่อยชอบงานนี้เลย แต่เมื่อเราได้รับมอบหมาย เราของเล่นได้ เราต้องแสดงได้ เหมือนดารานักแสดงที่เก่งๆ เขาสามารถแสดงได้ทุกบท การที่เราจะสามารถสร้างอารมณ์ให้เข้ากับบทบาทหน้าที่นั้นๆได้ นั้น สามารถทำได้หลายวิธี เช่น การเข้าไปคลุกคลีกับคนในสาขาอาชีพนั้นๆให้มากขึ้น อาจจะฝึกซ้อมด้วยตัวเอง การสะท้อนจุดบกพร่องจากคนรอบข้าง
-
ต้องพร้อมที่ซ้อมบทใหม่อยู่ตลอดเวลา ลูกจ้างมืออาชีพ จะต้องพร้อมรับการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา เพราะการเปลี่ยนแปลงนั้นส่วนหนึ่งคือความก้าวหน้า อย่าพยายามยึดติดกับบทบาทใดบทบาทหนึ่งให้มากเกินไป เพราะอาจจะก่อนให้เกิดนิสัยที่ไม่ดีและต่อต้านการเปลี่ยนแปลง ถ้าเรายังไม่มีบทใหม่ (ตำแหน่งใหม่) ให้ลองฝึกซ้อมบทบาทใหม่ของตำแหน่งงานที่สูงขึ้นไปดู เพราะการที่เราได้ฝึกซ้อมจะช่วยให้เราทราบว่าเรายังขาดหรือบกพร่องในจุดไหนบ้าง เช่น ว่างๆก็ซ้อมเป็นกรรมการผู้จัดการ แล้วเราอาจจะทราบได้ว่า เรายังไม่มีความรู้ธุรกิจมากนัก เราอาจจะยังเป็นนักพูดที่ยังไม่ดี ฯลฯ
-
ต้องคิดว่า ทุกครั้งที่ทำเต็มที่ เราได้มากกว่าองค์กร ลูกจ้างมืออาชีพ ต้องคิดเสมอว่าการแสดงบทบาททุกบทบาทในองค์กร เราในฐานะผู้แสดงจะได้รับประโยชน์มากกว่าองค์กรทุกครั้งอย่างแน่นอน เช่น ถ้าเราทำงานดี สิ่งที่องค์กรได้รับคือผลงานดีเพียงหนึ่งชิ้น พอขายได้เงินมาก็จบ แต่ประสบการณ์จากการคิด จากการแก้ไขปัญหานั้นอยู่กับเราทั้งหมดและตลอดไป และสามารถนำไปสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับตัวเองได้อีกมหาศาล
-
ต้องมีจรรยาบรรณ ลูกจ้างมืออาชีพ ต้องมีจรรยาบรรณในอาชีพ จรรยาบรรณประกอบไปด้วย ความซื่อสัตย์ ไม่เห็นแก่ได้ ไม่ทำอะไรที่ส่งผลกระทบต่อวิชาชีพ ต้องรักษาความลับ ไม่ทำอะไรที่ขัดต่อผลประโยชน์ขององค์กรหรือทำให้องค์กรเสียผลประโยชน์
-
ต้องไม่เอาผลตอบแทนเป็นตัวนำ เพราะจะทำให้บทบาทการแสดงเปลี่ยนไป ลูกจ้างมืออาชีพ ต้องทำงานเพื่องาน อย่าทำงานเพื่อเงิน เพราะถ้าเราทำงานเพื่อเงิน พฤติกรรมการทำงานของเราจะเปลี่ยนไป เพราะในขณะทำงานเราจะคิดว่า คุ้มหรือไม่คุ้ม ตลอดเวลา แต่ถ้าเราทำงานเพื่องาน เรื่องเงินเป็นเรื่องที่จะตามมาทีหลัง ถ้าคิดได้อย่างนี้ เงินไม่มาวันนี้ แต่วันข้างหน้าเงินจะมาหาเราเองและอาจจะมีมูลค่ามากกว่าที่เราคิดอีกหลายเท่า
สุดท้ายนี้ ผมอยากจะให้กำลังใจกับลูกจ้างทั้งที่เป็นลูกจ้างมืออาชีพและมีอาชีพเป็นลูกจ้างว่าถ้าเราทำอะไรก็ตามให้เต็มที่วันนี้ วันข้างหน้าเราจะมีทางเลือกว่าเราจะทำอะไร เล่นบทบาทไหนตามที่ใจเราปรารถนาได้ แต่ถ้าเราเลือกที่จะทำสิ่งที่เราชอบเพียงอย่างเดียวเสียตั้งแต่วันนี้ วันข้างหน้าเรามีแต่จะถูกเลือกให้ทำสิ่งที่เราไม่อยากทำ สรุปง่ายๆคือถ้าเราเลือกแต่จะทำเฉพาะงานที่เราชอบเสียตั้งแต่วันนี้ วันข้างหน้าทางเลือกของเราจะเหลือน้อยลง แต่ถ้าเราไม่เลือกงานในวันนี้เขาให้อะไรมาเราทำได้หมด วันข้างหน้าเราเลือกที่จะทำงานอะไรก็ได้ เพราะเราผ่านงานเหล่านั้นมาหมดแล้ว รู้ว่างานไหนดี งานไหนสบาย งานไหนจะนำเราไปสู่ความสำเร็จในอาชีพได้ดีกว่ากัน
|
|
|
|
ความคิดเห็นของคุณกับบทความนี้
...
|
|
|
Knowledge Center |
|
|
knowledge
|
|
|
|
|
|
|
|
|