เรื่องข้าวเป็นเรื่องใหญ่ของคนไทย มีเรื่องราวต่างๆ ที่เกี่ยวข้องมากมาย ไม่สามารถเล่าให้จบได้ในเวลาอันสั้น ซึ่งวันนี้ก็ได้นำส่วนหนึ่งมาจากผลการเสวนาในงานประชุมวิชาการข้าวแห่งชาติครั้งปฐมฤกษ์เมื่อกลางเดือนที่แล้ว
โดย ดร.อภิชาติ พงษ์ศรีหดุลชัย เป็นผู้ร่วมเสวนาด้วยมาขยายความต่อ วันนี้อยากเล่าต่อเกี่ยวกับงานวิจัยข้าวไทย ที่มีผลกระทบต่อความเป็นอยู่ของชาวนาไทย ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน
เรื่องการปลูกข้าวของชาวนา ถึงแม้ว่าจะมีรายได้ต่ำจนกระทั่งเป็นที่เข้าใจกันโดยตลอดว่าชาวนามักจะยากจน แต่ว่าทำไมจึงยังต้องปลูกข้าวกันอยู่ เหตุผลหลักก็คือว่าคนไทยเราต้องกินข้าวเกือบทุกมื้อ
เพราะว่าข้าวเป็นวัฒนธรรมประจำชาติมาตั้งแต่โบราณ และข้อสำคัญคือสภาพพื้นที่หลายแห่งเป็นที่ลุ่มน้ำท่วมถึง ซึ่งปลูกพืชอย่างอื่นไม่ได้ แต่ว่าความที่ชาวนามักจะถูกมองว่ายากจน จึงทำให้อาชีพนี้ค่อยๆ ลดน้อยลงไปเรื่อยๆ แล้วราคาที่ดินก็สูงขึ้นมากเพราะถูกรุกเข้าไปใช้ประโยชน์อย่างอื่น ตรงนี้เองที่หลายคนเป็นห่วงว่าต่อไปในอนาคตเราอาจต้องซื้อข้าวต่างชาติมากิน สิ่งที่ต้องช่วยกันพัฒนาต่อไปก็คือทำอย่างไรให้ชาวนามีความมั่นคงในอาชีพและชีวิต สามารถอยู่ได้อย่างเหมาะสม ไม่ใช่มีหนี้สินและจมอยู่กับความยากจนอย่างนี้ไปเรื่อยๆ ความจริงโจทย์ข้อนี้เป็นเรื่องยาก และมีหลายอย่างที่ประกอบกัน แม้แต่ตัวของชาวนาเองก็ตาม ที่จะต้องรู้จักตนเองและต้องแสวงหาความรู้มาช่วยในการทำนา ไม่ได้หมายความว่าภูมิปัญญาเดิมที่มีอยู่เป็นของไม่ดี แต่ว่าวิทยาการสมัยใหม่หลายอย่างสามารถนำเข้ามาใช้ร่วมกันได้อย่างผสมกลมกลืน และก่อให้เกิดการพัฒนาไปในทางที่ดีขึ้น
ความจริงเรื่องของข้าวไม่ได้เกี่ยวข้องเฉพาะชาวนาเท่านั้น แต่ว่ามีผู้บริโภคและผู้ประกอบการต่างๆ ตั้งแต่โรงสีไปจนถึงผู้แปรรูปและพ่อค้าเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย และที่สำคัญคือ ไม่ใช่ว่าแต่ละฝ่ายจะได้ประโยชน์แต่เพียงผู้เดียว หากเป็นเช่นนี้ทั้งระบบก็อยู่ไม่ได้ การวิจัยก็เช่นกัน คงต้องมองมิติเหล่านี้อย่างสมดุล เช่นหากจะวิจัยเพื่อพัฒนาพันธุ์ให้เกษตรกรพอใจ เช่นปลูกง่าย โตเร็ว ผลผลิตสูง ก็ต้องมองด้วยว่าผู้บริโภคจะชอบในคุณภาพของข้าวนั้นหรือไม่ ทางด้านโรงสีเองก็คงต้องการข้าวที่ผู้บริโภคต้องการและเมื่อนำมาสีแล้วก็ต้องมีกำไร เช่นข้าวหักน้อย ตลาดต้องการมาก เป็นต้น หากงานวิจัยมุ่งที่การพัฒนาพันธุ์ที่มีผลผลิตสูงเพียงอย่างเดียวแต่รสชาติไม่ได้เรื่อง ถึงจะผลิตออกมาก็ขายไม่ได้ จริงอยู่ชาวนาอาจจะชอบ แต่ทั้งผู้บริโภคและโรงสีคงไม่ตอบรับด้วย ในที่สุดก็พัฒนาต่อไปไม่ได้ ดังนั้นบรรดานักวิจัยทั้งหลายที่จะทำการวิจัยก็คงต้องพยายามหาโจทย์ให้ชัดเจน และมีการร่วมคิดจากหลายฝ่าย หากได้คนเหล่านี้มาร่วมทำด้วยก็ยิ่งดี ผลที่ได้จะได้ตรงตามความต้องการของทุกฝ่าย และมีผู้นำไปใช้ประโยชน์รอรับอยู่
ประเด็นหลักๆ ที่ค่อนข้างใหญ่และเป็นโจทย์สำหรับนักวิจัยทั้งหลายก็มีเรื่องของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของโลก หรือที่เรารู้กันอยู่ในเรื่องของสภาวะโลกร้อน ซึ่งจะส่งผลหลายอย่างต่อการทำนาแน่นอน เพียงแต่ว่าไม่ได้เกิดขึ้นอย่างฉับพลันเหมือนกับปัญหาน้ำท่วม แต่หากไม่มีการเตรียมการรองรับ จะเกิดปัญหาใหญ่ตามมาอย่างแน่นอน ปัญหาเรื่องการขาดแคลนน้ำเพื่อการทำนาก็เป็นเรื่องใหญ่อีกเรื่องหนึ่ง นอกจากนี้ก็ยังมีเรื่องการระบาดของโรคและแมลง แต่ว่าเรื่องใหญ่ที่เป็นเรื่องระดับนโยบายและควรต้องได้รับความสนใจคือประเทศที่นำเข้าข้าวจากต่างประเทศหลายแห่ง กำลังกำหนดนโยบายเพื่อการพึ่งพาตนเองมากขึ้น หมายความว่าพยายามตั้งเป้าหมายลดการสั่งซื้อข้าวจากเรา เรื่องนี้เราจะมีการเตรียมการรองรับอย่างไรเมื่อผลผลิตข้าวของไทยเพิ่มมากขึ้นด้วยเทคโนโลยีที่ใส่เข้าไปแต่กลับหาตลาดรองรับไม่ได้ครับ