ผมเดินทางไปว่าความที่ศาลจังหวัดเชียงใหม่ ระหว่างที่รอเครื่องเพื่อเดินทางกลับ บังเอิญได้อ่านนิตยสาร aigle หน้าปกเป็นรูปคุณพาที สารสิน มีบทความที่น่าใจหลายเรื่อง แต่เรื่องที่ผมหยิบยกมาขึ้นในเว็บ เป็นเรื่องราวของ office Syndrome หลายคนคงอยากรู้ว่าเป็นเรื่องอะไร ผมขอนำบทความที่เป็นประโยชน์นี้มาเผยแพร่ครับ
ทำงานในออฟฟิศดูเหมือนไม่มีความอันตราย นายแพทย์วิวัฒน์ เอกบูรณวัฒน์ แห่งโรงพยาบาลสมิติเวช ศรีราชา เปิดประเด็น ซึ่งก็จริง... นั่งทำงานในห้องแอร์เย็น ๆ มีคอมพิวเตอร์ให้คนละตัว วันๆ ถ้าไม่มีประชุมก็นั่งเพ่งอยู่กันที่หน้าจอนี่แหละ นั่งทำงานในท่าซ้ำ ๆ อยู่ที่เดิมทั้งวัน เก้าอี้ก็แข็งนั่งไม่สบาย ฟังดูเหมือนจะดี แต่นี่คือต้นเหตุของโรคที่เกิดจากการทำงานออฟฟิศ (office Syndrome ) โรคยอดฮิตของคนทำงานในสมัยนี้นั่นเอง
ปวดเมื่อยคอ+หลังเรื้อรัง สายตาอ่อนล้า สัญญาณเตือน office Syndrome
ก็เพราะลักษณะการทำงานแบบนี้นี่แหละ ที่เป็นต้นเหตุของอาการเกี่ยวกับสายตาและเมื่อยหลัง ต้นคอ ไหล่ ศรีษะ แขน ข้อมือ โดยที่คุณ ๆ ไม่อาจรู้สาเหตุ และเมื่อต้องทำงา 8-10 ชั่วโมงต่อวัน 5-6 วันต่อสัปดาห์ ด้วยพฤติกรรมซ้ำ ๆ เดิมๆ หลายคนจึงมีอาการร่วมกันหลายอย่าง บางคนชาตามมือและเท้า บางคนปวดตา ตาแห้ง สู้แสงไม่ค่อยได้ บางคนเป็นภูมิแพ้ ฯลฯล ซึ่งเมื่อเวลาผ่านไป อาการน่ารำคาญแบบนี้อาจรุกรามเป็นโรคที่รุนแรงได้
ท่าทางการทำงาน-สภาพแวดล้อมในการทำงาน คือปัจจัยหลัก
เก้าอี้ปรับความสูงไม่ได้ แข็งไป อ่อนไป ความสูงและระยะห่างของคอมพิวเตอร์ คีร์บอร์ด ไม่เหมาะสม การวางข้อมือบนเม้าส์ผิดท่าและขาดซัพพอร์ต ขนาดอของเม้าส์ไม่เหมาะสมกับขนาดของมือ การนั่ง นั่งไขว่ห้าง นั่งไม่เต็มเบาะศรีษะและคอไม่ตั้งตรง หลังส่วนล่างไม่มีซัพพอร์ต เท้าไม่วางแบบราบบนพื้น แม้แต่การวางแฟ้มงานหรือสิ่งของใต้โต๊ะทำงาน ล้วนมีผลต่ออาการปวดคอ ปวดข้อมือ ปวดหลังของเราทั้งนั้น
การนั่งทำงานหน้าจอคอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน ๆ ก็คือการแจ้งแสงไฟนาน ๆ นั่นเอง อาการปวดตา ตาลาย ตาแห้งจึงเกิดขึ้นตามมา การมองจอคอมฯ นาน ทำให้เรากระพริบตาน้อยกว่าปกติ บวกกับมีสาระเหยจากเครื่องใช้ และอุปกรณ์สำนักงาน และระบบระบายอากาศ ยิ่งทำให้ตาแห้งและระคายเคืองง่ายเข้าไปใหญ่ ถ้าพนักงานอายุมากหน่อย ตาจะยิ่งแห้ง
ยิ่งไปกว่านั้นคอมพิวเตอร์รุ่นเก่า (ไม่ใช่จอ LCD) ไฟที่จอกระพริบอยู่ตลอด จะยิ่งกระตุ้นให้ผู้ที่เป็นไมเกรนมีอาการปวดหัวหนักเข้าไปอีก อย่างไรก็ดี คุณหมอวิวัฒน์บอกว่า ยังไม่มีรายงานบ่งชี้ชัดว่า การใช้คอมพิวเตอร์นาน ๆ เป็นเหตุให้สายตาสั้นอย่างที่หลาย ๆคน เข้าใจกัน
ในออฟฟิศที่แออัด และออฟฟิศที่จัดแบบเปิดโล่ง พนักงานจะมีความเครียดแฝง เพราะไม่มีพื้นที่ส่วนตัว อาการปวดตา ปวดคอ ปวดข้อมือ จะสูงกว่าผู้ที่ทำงานในออฟฟิศที่มีการกั้นพื้นที่ส่วนตัว ในสัดส่วนเหมาะสม
ระบบระบายอากาศรวมนั้นเป็นเรื่องที่สำคัญมาก บางออฟฟิศซื้อเฟอร์นิเจอร์มาใหม่หมด เดินเข้าไปก็ได้กลิ่นฉุนกึกปะทะจมูก นั่นคือกลิ่นของน้ำยาติดเฟอร์นิเจอร์ ซึ่งมีส่วนผสมของฟอร์มัลดีไฮด์ หรือน้ำยาล้างศพนั่นเอง ไอของฟอร์มัลดีไฮด์จะระคายตา จมูก และผิวหนัง ถ้าสูดดมเข้าไปมาก ๆ จะวิงเวียนศรีษะแน่นหน้าอก
เครื่องปรับอากาศที่ให้ความเย็นฉ่ำในที่ทำงานนั้นแหละตัวดี จะมีขี้ฝุ่นสะสมเป็นคราบหนา เมื่อเจอความชื้นเข้าไปก็พัฒนาเป็นเชื้อรา เมื่อเจอความชื้นเข้าไปก็พัฒนาเป็นเชื้อรา แล้วก็ฟุ้งกระจายออกมาในอากาศตามแรงลมของแอร์นั่นเอง เมื่อเราหายใจเอาเชื้อราเหล่านี้ ก็เป็นเหตุให้เกิดโรคภูมิแพ้และหอบหืดได้
นอกจากนี้ ยังมีแบคทีเรีย ชื่อ Legion-ella ที่พบบ่อยบริเวณท่อหล่อเย็นของระบบปรับอากาศ (Cooling Tower ) ถ้าระบบไม่ดี น้ำแอร์มีการรั่วซึม เจ้า Legion-ella ก็จะฟุ้งกระจายออกมา เมื่อสูดดมเข้าไปมาก ๆ หรือนาน ๆ จะทำให้ปอดอักเสบ และอาจรุนแรงถึงชีวิตได้
อุปกรณ์สำนักงานบางชนิด เช่น ปากกา White Bord และน้ำยาลบคำผิดมีสารระเหยไซลีน เป็นส่วนประกอบ เมื่อเปิดฝาสารนี้ก็จะระเหยฟุ้งในออฟฟิศ เครื่องถ่ายเอกสารเองก็ปล่อยทั้งรังสียูวี และไอหมึก ซึ่งมีผลต่อตับซึ่งในระหว่างขบวนการถ่ายเอกสารนั้น จะเกิดการเผาไหม้ไม่สมบูรณ์ จึงปล่อยทั้งก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ และโอโซนออกมาเมื่อสูดดมเข้าไปมาก ๆ ก็จะเป็นอันตรายแก่ปอดได้
สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นแบบสะสม ไม่ได้เกิดขึ้นแบบปัจจุบันทันด่วน ออฟฟิศในตึกใหม่ ๆ หรือตึกที่มีการบริการจัดการสถานที่ดีๆ จะมีปัญหาเรื่องนี้น้อยมาก ปัญหาจะมาจากการที่แค่ละออฟฟิศ วางผังของตัวเองให้เหมาะสม และถูกหลัก ergonomic มากกว่า
จากพฤติกรรมนำสู่โรค
คุณ ๆที่ทำงานใช้นิ้วมือ หรืองอนิ้วมือนาน ๆ เช่น ที่ต้องพิมพ์งานมากๆ ตัดกระดาษหรือผ้า หรือขับรถทั้งวัน อาจเจอปัญหาจากโรคนิ้วล็อก หรือ Trigger s finger เป็นความผิดปกติของมือที่ไม่สามารถงอหรือเหยียดได้ตามปกติ มีอาการขัด เจ็บ และสะดุดเวลางอหรือเหยียดนิ้วมือ
คุณๆ ที่ใช้บริการข้อมือมาก ๆ โดยเฉพาะผู้ที่ต้องพิมพ์งานเยอะๆ เส้นประสาทบริเวณข้อมือจะมีพังผึดก่อตัวหนา ทำให้เกิดอาการมือชา เรียกว่า โรคอุโมงค์ข้อมือ หรือ Carpal Tunnel Syndrom หากต้องใช้ท่อนแขนมาก ๆ อาจเกิดอาการในกลุ่ม Tennis Elbqw บริเวณแขนด้านนอก หรือกลุ่ม Golfers Elbow บริเวณแขนด้านใน
คุณๆ ต้องนั่งหน้าคอมฯ วันละ 8-9 ชม. หากต้องก้มหน้าทำงานนานๆ เช่น พิมพ์งาน เขียนงาน ประกอบชิ้นส่วน อาจเกิดโรคกล้ามเนื้อคอหดเกร็ง อันเกิดจากการหดเกร็งสะสมของกล้ามเนื้อคอจนเป็นก้อนเล็กๆ มีอาการปวดร้าวลึกๆ ของกล้ามเนื้อ ความรุนแรงของการปวด มีได้ตั้งแต่แค่เมื่อยล้ารำคาญ จนไปถึงปวดทรมาน จนไม่สามารถขยับกล้ามเนื้อบริเวณที่ปวดได้ หากทำไปนานๆ ซัก 5 ปี 10 ปี อาจพบภาวะหมอนรองกระดูกคอเสื่อม นอกจากนี้การนั่งผิดท่าหรือการยกของผิดท่า หรือหนักเกินไป อาจทำให้โรคกล้ามเนื้อหลังอักเสบได้
เกิดจากพฤติกรรมก็ป้องกันได้ด้วยพฤติกรรม
โรคพวกนี้รักษาได้ตามความรุนแรงของอาการ ตั้งแต่ นวดคลายกล้ามเนื้อ กินยา ฉีดยา จนถึงการผ่าตัด แต่ทำไมเราจะต้องเอาร่างกายของเรามาแลกขนาดนั้น ในเมื่อต้องอยู่กับคอมพิวเตอร์ทั้งวัน เราคงต้องหันมาใส่ใจในรายละเอียดกันหน่อยดีกว่า จัดให้ความสูงและระยะห่างของคอมพิวเตอร์ คีบอร์ด ถูกต้องเหมาะสม การวางข้อมือบนเม้าส์ในท่าตรงและมีซัพพอาร์ตพยุงมือ ขนาดของเม้าส์เลือกที่พอดีมือ อย่าเล็กเกินไปจนต้องเกร็ง การนั่งวางแขนและข้อมือทำงานให้อยู่ในท่าทางที่ถูกต้อง ความสูงของเก้าอี้เหมาะสม ศรีษะและคอตรง วางเท้าแบนราบกับพื้น
ขณะใช้คอมพิวเตอร์ควรหยุดพักสายตาด้วยการหลับตา กระพริบตาบ่อยๆ และเปลี่ยนเป็นมองไกล หากมีอาการตาแห้งการหยอดน้ำตาเทียมจะทำให้อาการดีขึ้น
หมั่นลุกขึ้นยืน ขยับแขนขา หลัง คอ ไหล่และข้อบ่อยๆ หรือออกกำลังการแบบยึดเหยียดซัก 10 นาที ช่วงพักเที่ยงก็ได้ ถ้าทำได้ประจำ อาการปวดเมื่อยต่าง ๆ จะค่อยลดน้อยลงจนคุณรู้สึกได้