ในที่นี่ผมจะขอกล่าวถึงความเร็วชัตเตอร์กับการบันทึกภาพ และการทำงานบางอย่างเพื่อแนะนำให้ท่านที่สนใจใคร่รู้ว่า คืออะไร มีลักษณะอย่างไร อยู่ส่วนใหนของกล้อง สำคัญอย่างไรกับการถ่ายภาพ และจะมีผลอย่างไรต่อภาพที่ถ่ายครับ
ม่านชัตเตอร์ ติดตั้งอยู่ภายในตัวกล้องบริเวณที่เป็นฉากรับภาพ หรือฟิล์มนั่นเอง ทำหน้าที่เปิดปิดให้แสงเข้าไปกระทบกับฟิล์มตามระยะเวลาที่กำหนด โดยติดตั้งไว้ด้านหน้าแผ่นฟิล์ม มีลักษณะเป็นกลีบโลหะบางๆ ทำด้วยไททาเนียม หรือผ้าเคลือบยาง การทำงานมี 2 แบบคือ เคลื่อนที่ตามแนวนอน (Focal Plane Shutter) และเคลื่อนที่ตามแนวดิ่ง (Copal Square Shutter) ในปัจจุบันส่วนใหญ่จะนิยมผลิตแบบเคลื่อนที่ตามแนวดิ่งมากกว่า เพราะระยะทางการเคลื่อนที่สั้นกว่าแบบแนวนอน ทำค่าความเร็วชัตเตอร์สูงสุดได้มากกว่า เช่น 1/4000, 1/8000, 1/12000 วินาที ทำให้สามารถบันทึกภาพสิ่งเคลื่อนไหวให้หยุดนิ่งได้ดีขึ้น
ลักษณะการทำงาน คือ เปิดและปิดตามระยะเวลาที่กำหนด ประกอบด้วยม่านชัตเตอร์ 2 ชุด ทำงานโดยม่านชุดแรกเปิดขึ้นเมื่อกดปุ่มชัตเตอร์ลง และม่านชัตเตอร์ชุดที่สองปิดลงเมื่อครบกำหนดตามเวลาที่ตั้งไว้ เช่น เราตั้งความเร็วชัตเตอร์ไว้ที่ 1 วินาที เมื่อเรากดปุ่มชัตเตอร์ลง ม่านชัตเตอร์ชุดที่ 1 จะเปิดรับแสงที่ผ่านเข้ามา และเมื่อครบกำหนดระยะเวลา 1 วินาที ม่านชัตเตอร์ชุดที่ 2 จะทำหน้าที่ปิดการรับแสง ก็เป็นอันสิ้นสุดกระบวนการทำงานของม่านชัตเตอร์ครับ
ในกล้อง SLR โดยทั่วไปจะมีปุ่มวงกลมติดตั้งอยู่ด้านบน และมีตัวเลขบอกค่าความเร็วชัตเตอร์เป็นตัวเลขแสดงไว้ เช่น 1, 2, 4, 8, 16, 30, 60, 125, 250, 500, 1000, 2000 และ B ตัวเลขต่างๆ ที่ท่านเห็นอยู่นั้นเป็นตัวเลขที่มีค่าเป็นเศษส่วนของวินาทีเท่านั้น คือ 1/2 วินาที 1/4 วินาที 1/15 วินาที เรี่อยไปจนถึง 1/2000 หรือ 1/4000 วินาที แล้วแต่กล้องแต่ละรุ่นแต่ละยี่ห้อไม่เหมือนกัน หรือถ้าเป็นกล้องระบบอิเล็คทรอนิกส์ การแสดงผลจะอยู่ในรูปแบบของตัวเลขบนจอ LCD มีปุ่มปรับสะดวกเหมือนกันครับ
ตัวเลขต่างๆ ที่ปรากฎบนแป้นปรับความเร็วชัตเตอร์ เป็นค่าที่กำหนดให้แสงผ่านเข้ากระทบกับฟิล์ม หรือเซนเซอร์ ในกล้องดิจิตอลนั่นแหละครับ ถ้าค่าแสงมากความเร็วชัตเตอร์ก็จะมีค่าสูงมากขึ้น ถ้าค่าแสงขณะนั้นน้อยความเร็วชัตเตอร์ก็จะลดต่ำลงตามลำดับครับ ค่าความเร็วชัตเตอร์แต่ละค่าห่างกันเรียกว่า 1 สต็อป (F stop) แต่ละสต็อปของการปรับความเร็วชัตเตอร์ก็จะมีผลต่อภาพไม่เหมือนกัน กล่าวคือ ถ้าความเร็วชัตเตอร์ต่ำ ถ้าถ่ายภาพที่มีการเคลื่อนไหว ก็จะทำให้ภาพที่ได้ไม่คมชัด ต้องใช้ค่าความเร็วชัตเตอร์สูงๆ เช่น 1/500, 1/1000 เป็นต้น จึงจะหยุดภาพที่มีการเคลื่อนไหวให้นิ่งได้ครับ หรือสภาพแสงขณะนั้นน้อยมาก ค่าความเร็วชัตเตอร์ก็จะต่ำมาก ไม่สามารถบันทึกภาพได้ด้วยมือเปล่า ต้องใช้ขาตั้งกล้องประกอบด้วย ภาพจึงจะคมชัดครับ
ส่วนในกล้องที่ใช้ระบบถ่ายภาพอัตโนมัติกล้องจะเลือกรูรับแสง และความความเร็วชัตเตอร์ให้อย่างเหมาะสมตลอดเวลาทำให้ได้ภาพที่พอดีเสมอครับ ฉะนั้นหากท่านที่ไม่มีความรู้เรื่องระบบการทำงานต่างๆ ของกล้อง ก็สามารถเลือกใช้ระบบอัตโนมัติ ที่มีในกล้องสมัยใหม่ทั้งหลายได้เลยครับ หากแต่ถ้าอยากให้ได้ภาพที่สวยงามแปลกตา แตกต่างไปจากเดิมท่านก็สามารถเปลี่ยนไปใช้ระบบการทำงานแบบปรับตั้งเอง (Manual) ซึ่งก็มีมาให้เหมือนกันกับกล้องในระดับไฮเอนท์เท่านั้นนะครับ
เมื่อรู้อย่างนี้แล้วหากเราได้มีโอกาสออกไปถ่ายภาพ จะได้ไม่เสียเที่ยวครับเพราะได้ภาพที่มีคุณภาพกลับมาทุกครั้ง คุ้มค่าที่จ่ายไปครับ เพราะ ราคาของกล้องมันแพงครับ ไม่ว่าจะเป็นกล้องที่ใช้ฟิล์มหรือกล้องดิจิตอลก็ตาม มีระบบการทำงานพื้นฐานที่เหมือนกันครับ แตกต่างตรงที่ใช้ฟิล์มกับไม่ใช้ฟิล์มเท่านั้นเอง หลักการโดยทั่วไปเหมือนกันครับ