ทำไม "เรื่องผี ๆ " จึงอยู่คู่โลก
เรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับคนผีทะเล แต่เป็นพุทธโอวาทที่ตรัสไว้กับพระอานนท์ ในเรื่อง "ผี " จากธรรมะบางตอน ใน ศิริมานนทสูตร แปลจากภาษาสยามฝ่ายเหนือสู่ภาษาสยามกลาง โดย ท่านเจ้าคุณอุบาลีคุณูปมาจารย์ (สิริจนโท จันทร์) เมื่อครั้งยังดำรงสมณศักดิ์พระธรรมธีรราชมหามุนี " ดูกรอานนท์ คฤหัสถ์ก็ดี นักบวชก็ดี มากล่าวว่า ตัวรู้ ตัวเห็น แลได้พูดจากับด้วยผี ดังนี้ ก็พึงให้รู้ว่าคนจำพวกนั้นไม่ใช่ลูกศิษย์ของเราตถาคต เป็นพวกมิจฉาทิฏฐิภายนอกพระศาสนา ไม่ควร เชื่อถือเอาเป็นครูเป็นอาจารย์ เพราะเขาเป็นคนเจ้าอุบายเจ้าเล่ห์เจ้ากลเท่านั้น ที่มีความรู้จริงเห็นจริง พูดจาสนทนากับผีได้ มีแต่พระพุทธเจ้ากับพระอรหันต์เท่านั้น นอกนั้นไม่มีใครรู้จริง เห็นจริง เป็นคน อุตริทั้งนั้น
ดูกรอานนท์ เราจะทำนายไว้ให้เห็น ในอนาคตกาลเบื้องหน้าจักเกิดมีพวกมิจฉาทิฎฐิ นอก ศาสนาอวดอ้างว่า ตัวรู้ตัวเห็นผี ได้พูดจากับด้วยผี ครั้นบุคคลจำพวกนั้นเกิดขึ้นแล้ว ก็จักเบียดเบียน พระศาสนาของเราให้เสื่อมถอยลงไปด้วยวาทะถ้อยคำเสียดสีต่าง ๆ พระสงฆ์สามเณรก็จักเกิดระส่ำ ระสายหาความสบายมิได้ เขาจักสอนทิฐิวัตรอย่างเคร่งครัด ถืออรัญญิกธุดงค์อย่างพระเทวทัตต์ ภายหลังจักเกิดพระบ้านพระป่ากันขึ้น แล้วจักแตกกันออกเป็นพวก ๆ ไม่สามัคคีกัน ต่างพวกก็ถือ แต่ตัวดี ศาสนาของเราก็จักเสื่อมถอยลงไปเพราะพวกมิจฉาทิฎฐิเห็นแก่ลาภแลยศหาความสุขมิได้ มรรคผลธรรมวิเศษก็จักไม่เกิดขึ้นแก่เขา เขาจักเรียนเอาแต่วิชาศีลธรรมอันพวกมิจฉาทิฏฐิสอนให้ รู้อะไรกันขึ้นเล็กน้อยก็อวดดีกันไปแท้ที่จริงแล้ว ความรู้เหล่านั้นล้วนแต่รู้ดีสำหรับไปสู่นรก เขาจักไม่ พ้นจตุราบายได้
ดูกรอานนท์ ในอนาคตกาลภายหน้าจักมีอย่างนี้ไม่ต้องสงสัย ถ้าผู้ใดรู้ลัทธิทิฏฐิอย่างนี้ไว้แล้ว เมื่อได้เห็นก็จงเพียรพยายามละเว้นก็จักได้ประสบความสุข "
พูดถึงเรื่อง"ผี"แล้วไม่พูดถึงเรื่อง"ไสยศาสตร์" ก็เหมือนเกาไม่ถูกที่คัน ในกฎบัตรพุทธบริษัท หมวด วัฒนธรรมของชาวพุทธยุคปัจจุบัน ซึ่งท่านพุทธทาสได้รวบรวมญัตติต่าง ๆ ขึ้นไว้ในโอกาสที่ สวนโมกขพลารามตั้งขึ้นครบ ๕๐ ปี ใน วันวิสาขบูชา ๒๕๒๕ โดยมีจุดประสงค์เพื่อส่งเสริมสันติภาพ ของโลก มาเป็นแนวทางศึกษา พิจารณา ปฏิบัติในประเด็นที่เชื่อมโยงกับไสยศาสตร์ เป็นสังเขป
ไสยศาสตร์ คือศาสนาที่ยังจำเป็นต้องมีสำหรับคนปัญญาอ่อนในโลก แต่ก็ต้องช่วยปรับปรุงให้เป็น พุทธศาสตร์สืบไป.(: โลกยุคไหน ๆ ก็ไม่ขาดคนปัญญาอ่อน เพราะมีแต่การศึกษาประเภทที่ไม่สามารถ กำจัดไสยศาสตร์ ซึ่งเป็นสมบัติของคนขลาด คนอ่อนแอ คนขี้เกียจ คนเห็นแก่ตัว อย่างโง่เขลา.)
แม้การกราบพระในโบสถ์หรือพิธีกรรมต่าง ๆ ยังมีลักษณะและเจตนารมณ์เป็นไสยศาสตร์อยู่มาก กว่าครึ่ง.( : กราบพระพุทธรูปอย่างสิ่งศักดิ์สิทธิ์หวังให้ช่วย นี้เป็นไสยศาสตร์, กราบอย่างรู้สึกใน พระพุทธคุณโดยแท้จริง นี้เป็นพุทธศาสตร์. ไสยศาสตร์ตั้งรากฐานอยู่บนศรัทธาและความยึดถือ พุทธศาสตร์ตั้งรากฐานอยู่บนปัญญาและความปล่อยวาง.)
พระพุทธรูป และพระเครื่องจะมีประโยชน์หรือให้โทษย่อมแล้วแต่ผู้ใช้ผู้มี (: ใช้อย่างสีลัพพตปรามาส ก็กั้นหนทางพระนิพพาน ใช้อย่างพุทธานุสติก็ส่งเสริมการเดินทางไปนิพพาน)
การเจริญพระปริตร์ พุทธมนต์ ให้คนเจ็บ หรือสวดโพชฌงค์ เป็นต้น ควรปรับปรุงให้มีไว้อย่างเป็น การรักษาโรคด้วยอำนาจจิต (Phycho-therapy).(: ให้มีลักษณะเป็นวิทยาศาสตร์การแพทย์ มิใช้ไสย ศาสตร์ ก็จักไม่เป็นปมด้อยแก่พุทธศาสนา. )
การประพรมน้ำพระพุทธมนต์เป็นเพียงการถือเอาประโยชน์ทางจิตวิทยา มีผลเต็มที่ในหมู่ชนปัญญา อ่อน.( : แต่ควรทำไปในนามของพระธรรม เพื่อให้รู้สึกว่าให้ผลเป็นความสงบเย็น เหมือนความเย็น ของน้ำที่กำลังประพรมอยู่บัดนี้. )
การกรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลแก่ญาติมิตรและสรรพสัตว์ ให้ถือเป็นบทเรียนแห่งการเจริญเมตตา และ กตัญญูที่ควรกระทำ.( :ไม่ควรตั้งปัญหาสงสัยว่าถึงหรือไม่ถึง ให้ถือว่าเป็นการกระทำที่ดีที่สุดเท่าที่จะ ทำได้แล้ว สำหรับผู้มีความรักใคร่อาลัยอาวรณ์.)
การแขวนวัตถุเครื่องรางของขลังเป็นคนละอย่าง ต่างจากการแขวนวัตถุแห่งอนุสสติและความ เคารพนับถือ.( : อย่างหลังนี้เป็นพุทธศาสตร์อยู่เต็มตัว ไม่โง่งมงายแต่ประการใด.)
ที่นำเสนอมาทั้งหมดนี้อาจพอเป็นแนวทางที่จะช่วยให้ท่านรู้เท่าทันตนเอง (ก่อนที่จะไปรู้เท่าทันใครต่อใคร) ผี และไสยศาสตร์หรือกลุ่มบุคคลในไสยศาสตร์ ใช้เป็นคาถาศักดิ์สิทธิ์กันผีอย่างดี และท่านเองคือผู้ที่ตอบคำถามชื่อ เรื่องนี้ได้ดีกว่าใคร /ระพี
|