โปรดเล่าต่อเพื่อเป็นอุทาหรณ์แก่ผู้ใช้บริการรถตู้สาธารณะ
เรื่องก็มีอยู่ว่า....
เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2547 ได้เกิดเหตุการณ์.. ที่เกือบว่าจะเลวร้าย. ขึ้นกับพนักงานรุ่นน้องที่บริษัทฯของผมคนหนึ่ง ด้วยการเดินทางกลับบ้านหลังเลิกงานของเธอที่มีความจำเป็นต้องอาศัยบริการรถตู้สาธารณะ ซึ่งเป็นบริการใหม่ที่สะดวกและรวดเร็ว บ้านของเธออยู่แถวสะพานใหม่ ซึ่งปกติเธอมักจะขึ้นรถตู้แถวถนนหน้ามหาลัยรามคำแหง โดยรถตู้เส้นทางรามคำแหง-สะพานใหม่ โดยปกติรถตู้บริการจะขับรับผู้โดยสารรายทางไปเรื่อยๆ เริ่มต้นออกจากปั๊มน้ำมันคาลเทกซ์ แถวๆ เดอะมอลล์ 2 น้องคนนี้รอรถอยู่ที่ป้ายรถเมล์ แถวหน้าวัดเทพลีลา เธอก็เห็นรถตู้คันหนึ่งที่มีป้ายบอกถูกต้องคือ รามคำแหง-สะพานใหม่ ผ่านมา เธอก็โบกให้จอดแล้วก็ขึ้นรถไป ซึ่งในตัวรถเปิดไฟสว่าง ทำให้มองเห็นว่าไม่มีผู้โดยสารสักคนเลยในรถ แต่เธอก็ไม่ได้เอะใจอะไร เพราะอาจจะไม่มีผู้โดยสารตามรายทางที่ผ่านมาจะไปเส้นทางนี้ก็ได้ ประกอบกับปกติตัวของเธอก็เคยขึ้นรถในลักษณะอย่างนี้ และยังเหลือระยะทางอีกไกลที่จะสุดเส้นทางรามคำแหง ก็คงจะมีผู้โดยสารขึ้นเรื่อยๆ
หลังจากที่เธอขึ้นไป เธอก็เลือกนั่งแถวที่ 2 ฝั่งประตู เมื่อนั่งเรียบร้อยแล้ว คนขับรถตู้ก็ปิดไฟในรถพร้อมเปิดไฟกระพริบขวาขอทาง แล้วก็เบี่ยงรถวิ่งช่องขวาตลอด ตอนนั้นเอง..เธอเริ่ม เริ่มรู้สึกผิดปกติว่า ทำไมรถไม่วิ่งช่องซ้ายเพราะผู้โดยสารยังไม่เต็มรถเลย จากนั้นเธอก็มีความรู้สึกว่า เธอหมดแรง อ่อนเพลียไปเฉยๆ เหมือนคนง่วงนอน เอนหัวไม่ได้ เหมือนว่าจะล้มหัวแล้วลุกไม่ขึ้น ตอนนั้นเองที่ได้ทำให้เธอเริ่มแน่ใจว่า อาจจะโดนมอมยา เพราะเธอเคยอ่านเจอเหตุการณ์แบบนี้ในอินเตอร์เน็ต ขระที่เธอเริ่มคิดตั้งสติได้ คนขับรถตู้ก็ยังคงขับเร็วอยู่ช่องขวาอยู่ เธอจึงตัดสินใจและพยายามตะโกนบอกขอลงตรงนี้ แต่...แต่เสียงเธอ...แทบจะไม่มีเอาเสียเลย เธอจึงลองพยามยามตะโกนอีกครั้งเท่าที่แรงของเธอมีอยู่ แต่เหมือนสววรค์จะไม่มีตาไอ้คนขับสารเลว...มันทำเหมือนกับว่าไม่ได้ยิน
ในนาทีนั้นเอง....เธอจำเป็นต้องแข็งใจและตะโกนบอกอีกคร้งด้วยเสียงดังเฮือกสุดท้ายว่า "ขอลง" พร้อมกับพยายามทุบพนักพิงด้านหน้า เธอบอกว่า "ขอลงตรงนี้" ตอนนั้นรถตู้ยังวิ่งอยู่แถวราม 53 ก่อนถึงซอยมหาดไทย ซึ่งก็จะใกล้ถึงป้อมตำรวจ มันจึงชิดซ้ายแล้วจอดให้ เธอพยายามไขว่คว้าและเปิดประตูรถอย่างสุดชีวิตเท่าที่แรงของเธอจะมีอยู่ขณะนั้น แต่น่าเสียดายอีกครั้งว่า ทำไมเธอถึงไม่มีเรี่ยวแรงมากมาย มัน...มันหายไปไหนหมดนะ ทันใดนั่นเอง ก็มีเสียงไอ้คนขับสารเลวตะโกนมาบอกว่า "เร็วๆ หน่อย"
พระเจ้า....เธอโชคดีเปิดประตูและลงจากรถตู้มหาภัยคนนั้นได้ ส่วนไอ้คนขับมันก็รีบเร่งทะยานรถออกไปด้วยความเร็วดุจจรวด เมื่อเธอตั้งสติได้ เธอพยายามที่จะจำลักษณะของรถและเลขทะเบียนเพื่อให้นำมาเป็นอุทาหรณ์ได้ว่า เป็นรถตู้ TOYOTA สีเขียว หมายเลขทะเบียนที่จำได้ 13-7313
หลังจากที่เธอลงมาเรี่ยวแรงเธอก็หมด เหมือนจะยืนด้วยตัวเองไม่ได้ เธอจึงได้อาศัยตู้โทรศัพท์เป็นที่พิงตัวและศีรษะ แต่เธอก็ยังไม่อับโชคเสียทีเดียว เพราะเจอคนดีในสังคมที่สังเกตอาการเธออยู่ และเข้ามาถามไถ่อาการ เธอตอบออกไปว่า "แค่มึนหัวนิดหน่อย แต่เดี๋ยวคงจะดีขึ้น และเธอก็เริ่มรู้สึกดีขึ้นเรื่อยๆ จริงๆ เพราะได้เจออากาศ ทันทีที่เธออาการดีขึ้น เธอโทรหาเพื่อนๆ พร้อมเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้เพื่อนๆ ได้ฟัง เพื่อมันจะทำให้เธอสบายใจขึ้น และตั้งสติได้ หลังจากที่เธอยืนพิงตู้โทรศัพท์อยู่สักพักใหญ่จนอาการดีขึ้น เธอก็เริ่มโบกรถตู้กลับบ้านอีกครั้งทั้งๆที่ยังไม่หายหวาดกลัว แต่ด้วยความจำเป็นที่จะต้องเดินทางกลับบ้าน เธอก็ได้เลือกแล้วว่า รถที่จะขึ้น ต้องเป็นรถคันที่มีคนขึ้นเยอะๆ เพื่อจะไม่เจอเหตุการณ์ที่เลวร้ายที่สุดในชีวิตอีกรอบ ที่สำคัญหากเธอไม่เคยอ่านเจอในอินเตอร์เน็ต เรื่องเล่าภัยร้ายรายวันกับการมอมยา เธอก็ยังไม่รู้หรอกว่า อะไรจะเกิดขึ้นกับเธอ . ...และเธอก็ไม่อยากจะนึกถึงภาพที่เลวร้ายต่อไปจากนี้ เพราะจากเหตุการณืที่เธอเจอกับตัวเองมานั่น มันก็ทำร้ายจิตใจเกินพอแล้ว และเธอก็ไม่ต้องการจะให้คนอื่นๆ ในสังคมได้เจอะเจอกับปัญหาแบบนี้ด้วย จึงจำเป็นต้องอาศัยการบอกต่อ และระวังตัวเองให้มากที่สุด โดยระลึกเสมอว่า "สิ่งเลวร้ายที่มันกำลังย่างก้าวเข้ามาใกล้ตัวเราทุกทีที่เราคิดไว้ แต่ขณะนี้มันมาอยู่รอบตัวเรา รอเวลาและโอกาสเหมาะๆ แบบนี่เอง เข้าทำลาย หรือขย้ำเหยื่อผู้โชคร้าย คนที่อ่อนแอคือ คนที่ไม่ระวังตัวซึ่งอาจตกเป็นเหยื่อของมันได้ ฉะนั้นเราต้องฝึกเป็นคนที่แข็งแรงโดยการสร้างภูมิคุ้มกันสิ่งเลวร้ายนี้ โดยฝึกมีความรอบคอบระมัดระวังกับสิ่งรอบข้างที่มันอาจจะเป็นสิ่งที่เลวร้ายอย่างที่เราคาดไม่ถึงก็ได้ไว้สม่ำเสมอ แล้วคุณจะปลอดภัย"
ที่หยิบยกเรื่องนี้มาเกลาเสียใหม่ ก็เพราะบอกเล่าเพื่อเป็นอุทาหรณ์ให้กับทุกคน
ที่ยังดำเนินชีวิตด้วยความเสี่ยง กับไอ้พวกเหลือบสังคมที่จ้องจะทำร้ายเราและคนรอบข้าง หากไม่ต้องการให้เกิดเรื่องแบบนี้ หรือแนวนี้ขึ้นอีก พวกเราจะต้องร่วมมือกัน กำจัดมันออกไปให้พ้น
สังคมที่ทุกคน ต่างมุ่งหวังว่า "อยากอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขและปลอดภัย" เพื่อจะได้ให้คนที่ใช้บริการรถตู้ระมัดระวังตัวในครั้งต่อไปที่จะใช้บริการ และอยากที่จะให้บอกเล่าเรื่องดังกล่าวให้คนรอบข้างฟังต่อๆไปเยอะๆ เพราะอาจช่วยคนที่ยังไม่รู้ ให้ระวังมากขึ้น
|