สลดใจเหลือเกิน!! เมื่อหยิบหนังสือพิมพ์ขึ้นมา แล้วได้เห็นภาพของห่อผ้าที่ทำหน้าที่ของมันได้เพียง ห่อหุ้มร่างเล็กๆ อันไร้วิญญาณของหนูน้อยวัยไม่ถึงเดือน ที่ถูกพ่อแม่ใจยักษ์นำมาทิ้งในกองขยะ
จากการติดตามข่าวในช่วงเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา เดือนที่ได้ชื่อว่าเป็นเดือนแห่งความรักระหว่างแม่กับลูก เดือนแห่งสายสัมพันธ์ของครอบครัว กลับปรากฏแต่ข่าวการทิ้งเด็กทารกไว้ตามที่ต่างๆ ทั้งที่ยังมีลมหายใจและปราศจากวิญญาณ บนหน้าหนึ่งของหนังสือพิมพ์แทบทุกฉบับไม่ต่ำกว่า 5 ครั้ง
...เกิดอะไรขึ้นกับสังคมไทย ?
เป็นคำถามที่เกิดขึ้นในใจของพุทธศาสนิกชนชาวไทยจำนวนไม่น้อยทีเดียว เพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเหล่านี้ล้วนขัดกับหลักศีลธรรมของชาวพุทธที่ถือปฏิบัติกันมายาวนาน เราทุกคนรู้กันดีว่าการฆ่าสัตว์ตัดชีวิตถือเป็นบาปกรรม โดยเฉพาะชีวิตมนุษย์ แม้มนุษย์ผู้นั้นจะก่อกรรมทำชั่วมากสักเพียงไร ก็ไม่มีผู้ใดจะสามารถลิดรอนสิทธิในการมีชีวิตอยู่ของเขาได้ตามอำเภอใจ แม้แต่ตัวเขาเอง
แล้วจิตใจของคนที่เป็นพ่อเป็นแม่ของเด็กน้อยเหล่านั้นเล่า คิดกันอย่างไรหรือทำด้วยอะไร จึงได้กล้าหาญชาญชัย ลงมือทำร้าย ทำลายสายเลือดอันบริสุทธิ์และไร้เดียงสาของตนได้อย่างเลือดเย็นเช่นนี้
หากเด็กๆคืออนาคตของชาติ ปัจจุบันของชาติคงหนีไม่พ้นวัยหนุ่ม-สาว ผู้เป็นวัยรุ่น วัยวุ่น วัยรุ่นในปัจจุบันเก่ง กล้า และไม่กลัวที่จะเผชิญโลก วัยรุ่นเป็นวัยที่มีพลังงานเหลือเฟือ แต่กลับไม่ได้ถูกนำไปใช้ในทางสร้างสรรค์ เพราะขาดผู้ชี้แนะให้เดินไปในแนวทางที่ถูกต้องและเหมาะสม และพลังงานเหล่านั้นก็ไม่ได้สูญหายหรือระเหิดระเหยไปไหนได้เอง พวกเขายังคงต้องการการปลดปล่อย
พลังที่เต็มไปด้วยความอยากรู้ อยากลอง อยากท้าทาย ทั้งที่ขาดประสบการณ์ในชีวิต จึงชักนำให้วัยรุ่นก้าวเข้าสู่หลุมพรางแห่งวังวนของอบายมุขได้อย่างง่ายดาย ไม่ว่าจะเป็นวงจรการเสพยาเสพย์ติด ไปจนกระทั่งการมีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควร
ไม่ว่าจะเป็นเพราะกระแสวัฒนธรรมตะวันตก อิทธิพลของสื่อฯ หรือเหตุปัจจัยใดๆก็ตาม กลับส่งผลให้ปัจจุบันนี้ เรื่องของการมีเพศสัมพันธ์กลายเป็นเรื่องธรรมดาสามัญของคนในสังคม จากการเก็บข้อมูลของคุณอรสม สุทธิสาคร นักเขียนสารคดีเรื่องวัยรุ่น พบว่าอายุของวัยรุ่นที่เริ่มมีความสัมพันธ์ทางเพศตกลงไปอยู่ที่ระดับมัธยมต้น นอกจากนี้ยังมีการถือค่านิยมผิดๆอยู่มาก เด็กวัยรุ่นผู้ชายจำนวนมากมีค่านิยมเป็น นักฟัน ในขณะที่เด็กวัยรุ่นผู้หญิงบางกลุ่มมีสมุดจดรายชื่อเพื่อจะแข่งขันกันว่าใครจะมีเพศสัมพันธ์ทางเพศได้มากกว่ากัน
ช่างเป็นการแข่งขันที่น่าสังเวชเต็มที !!!
การขาดการดูแลเอาใจใส่จากพ่อแม่และคนในครอบครัว เป็นสาเหตุหลักที่พบในกลุ่มวัยรุ่นที่มีปัญหา วัยรุ่นเป็นวัยที่ต้องการเรียกร้องความสนใจและความเข้าใจจากผู้ใหญ่ ทั้งจากพ่อแม่ ครูบาอาจารย์ แต่การแสดงออกและยุคสมัยที่แตกต่างกันทำให้เกิดความไม่พอดีขึ้น วัยรุ่นส่วนใหญ่ไม่เข้าใจความคิดของผู้ใหญ่ ในขณะที่ผู้ใหญ่เองก็ไม่เข้าใจการกระทำของวัยรุ่นเช่นกัน ทางออกของแต่ละคนจึงแตกต่างกันออกไป ทางออกของวัยรุ่นส่วนใหญ่นั้นคือ การออกไปแสวงหาความเข้าใจ และการยอมรับจากบุคคลอื่นๆนอกบ้าน จากคนวัยเดียวกันที่มีปัญหาคล้ายกัน และก็ชักนำกันไปตามค่านิยมผิดๆ ตั้งแต่การออกเที่ยวตามสถานที่ต่างๆ การมั่วสุม การเสพยา และการมั่วเซ็กซ์ที่เพิ่มมากขึ้นจนกลายเป็นปัญหาใหญ่ของสังคม
เมื่อมีเพศสัมพันธ์กันในวัยที่ไม่สมควร ปัญหาต่างๆไม่ได้หยุดลงง่ายๆเพียงแค่ หยุดการมีเพศสัมพันธ์ ปัญหาต่อเนื่องที่สืบเนื่องมาจากการ พลาด คือการตั้งครรภ์ด้วยความไม่พร้อม
เมื่อไม่พร้อมก็ไม่มีใครอยากรับผิดชอบ ส่งผลให้เกิดปัญหาความขัดแย้งกันตามมา ขัดแย้งกัน แยกกัน เลิกกัน ไอ้ที่อยู่ในท้องน่ะแทนที่จะได้เป็นเทวดาตัวน้อย กลับต้องกลายเป็น
มารหัวขน
เป็นก้อนเนื้อที่หลับตานอนคู้ ไม่รู้เรื่องราว เพียงรอวันจะได้ลืมตาดูโลก โดยไม่รู้ว่าผู้ที่ให้ท้องอาศัยฟักตัว จะจับแยกส่วนออกมาเป็นเศษเสี้ยวชิ้นเนื้อเมื่อไหร่ หรือมีโอกาสได้ลืมตาดูโลกในอ้อมแขนของผู้เป็นแม่ได้นานเพียงไร ก่อนจะถูกกำจัดด้วยสารพัดวิธีที่แม่ผู้โง่เขลาแต่โหดเหี้ยมจะคิดได้ ด้วยเหตุผลง่ายๆ ว่าไม่พร้อมจะมีลูก และเหตุผลยากๆ ที่ยกมาอ้างต่อท้าย เพื่อให้รู้สึกดีขึ้นและรู้สึกผิดน้อยลง
แม้ตราบาปจะแจ่มชัดในความทรงจำ แต่ก็จะแกล้งมองไม่เห็น แล้วใครจะทำไม ?
ไม่เป็นไรหรอก !!! คิดซะว่าหนูน้อยพวกนั้นต่างหากที่ทำผิดมหันต์ ดันอยากมาเกิดในท้องของคนที่รักสนุก ก็สมควรแล้วที่ถูกลงทัณฑ์ด้วยการประหัตประหารชีวิตโง่ๆนั้นทิ้งเสีย
เคยได้ยินแต่ว่า สัตว์เดรัจฉานที่มันฆ่าลูกของมันเอง ก็ล้วนแต่มีเหตุผลเพื่อความอยู่รอดของเผ่าพันธุ์ตามสัญชาตญาณธรรมชาติ แต่สัญชาตญาณของมนุษย์ผู้เป็นสัตว์ประเสริฐนั้นต่างกัน
...หรือพฤติกรรมการมีเพศสัมพันธ์เพราะรักสนุก และทำลายลูกด้วยความมักง่ายของตน จะเป็นตัวบ่งชี้ความแตกต่างที่สำคัญระหว่างสัญชาตญาณการเอาตัวรอดอันเห็นแก่ตัวของมนุษย์ กับสัญชาตญาณธรรมชาติอันบริสุทธิ์ของสัตว์เดรัจฉาน
การแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ คือการแก้ปัญหาภายในครอบครัว ความสัมพันธ์อันดีในครอบครัวเป็นอ้อมแขนสำคัญที่จะโอบอุ้มและปกป้องคนในครอบครัวให้ห่างไกลจากภยันตรายต่างๆได้เป็นอย่างดี หากคนในครอบครัวช่วยกันถักทอสายใยรักให้แน่นหนามั่นคง มีเวลาให้กัน มีความผูกพันและความรักมอบให้กันอยู่เสมอ อุปสรรคใดๆที่แผ้วพานผ่านเข้ามา ก็ไม่อาจทำลายสายสัมพันธ์เพื่อทำร้ายตนในครอบครัวของเราได้
จะได้ไม่มี มารหัวขนตาดำๆ ในถังขยะอีกต่อไป
|