มองมุมใหม่ : ระบบเตือนภัยสึนามิ : ความร่วมมือระหว่างประเทศที่จำเป็น
ผศ.ดร.ธรรมวิทย์ เทอดอุดมธรรม
คลื่นสึนามิที่เกิดจากแผ่นดินไหวขนาด 9.0 ตามมาตราริกเตอร์บริเวณเกาะสุมาตรา เมื่อวันที่ 26 ธันวาคมนี้ ได้คร่าชีวิตคนในประเทศต่างๆ เช่น อินโดนีเซีย ไทย ศรีลังกา และอินเดีย รวมกว่า 55,000 คน และคาดว่าจะมีจำนวนผู้เสียชีวิตมากกว่านี้
นับเป็นภัยวิบัติครั้งสำคัญของมนุษยชาติครั้งหนึ่ง แต่อย่างไรก็ตาม ถ้ามีระบบเตือนภัยสึนามิในมหาสมุทรอินเดีย ประเทศต่างๆ จะมีผู้เสียชีวิตน้อยกว่านี้
ประเทศที่อยู่ตามชายฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิก ได้รวมกันจัดตั้งระบบเตือนภัยสึนามิตั้งแต่ปี 2508 ภายหลังที่ประสบภัยคลื่นสึนามิ อันเกิดจากแผ่นดินไหวขนาด 9.2 มาตราริกเตอร์ที่อลาสกาในปี 2507 ประเทศที่เป็นสมาชิกระบบนี้ ได้แก่ สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น รัสเซีย ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และไทย เป็นต้น
สหรัฐอเมริกามีศูนย์เตือนภัยสึนามิ ในมหาสมุทรแปซิฟิกที่ฮาวาย และอลาสกา โดยมีเครื่องตรวจวัดสึนามิ (Tsuna-meter) จำนวน 6 จุด ตามชายฝั่งแปซิฟิกของสหรัฐอเมริกา และในญี่ปุ่น มีเครื่องตรวจวัดสึนามิตามชายฝั่ง 14 จุด
นอกจากนี้ ประเทศอื่นๆ เช่น ออสเตรเลียก็มีเครื่องตรวจวัดดังกล่าว เครื่องตรวจวัดนี้จะป้อนข้อมูลเข้าศูนย์เตือนภัยสึนามิที่ฮาวายและอลาสกา ระบบเตือนภัยสึนามิของสหรัฐอเมริกา นอกจากจะประกอบด้วย ศูนย์เตือนภัย 2 แห่งดังกล่าว และเครื่องวัดตามชายฝั่งแล้ว ยังมีระบบแจ้งเตือนภัยให้ประชาชนทราบในเวลาอันสั้น
เช่น ในรัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา ได้มีฮอตไลน์ ระบบกระจายเสียงแบบฉุกเฉิน การกระจายข่าวโดยอีเมล และเพจเจอร์เพื่อเตือนภัยให้ประชาชนทราบในทันที แต่อย่างไรก็ตาม ประเทศในมหาสมุทรอินเดีย ซึ่งรวมทั้งทะเลอันดามันกลับไม่มีระบบเตือนภัยดังกล่าว
Eddie Bernard ผู้อำนวยการสถานีศึกษาสิ่งแวดล้อมทางทะเลแปซิฟิก (Seattle) ของสหรัฐอเมริกา เปิดเผยว่า นักวิทยาศาสตร์ต้องการติดตั้งเครื่องตรวจวัดสึนามิที่มหาสมุทรอินเดีย 2 จุด เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของเครือข่ายของระบบเตือนภัยสึนามิของโลก แต่แผนการดังกล่าวไม่ได้รับเงินสนับสนุน ทั้งนี้ เครื่องตรวจวัดสึนามิมีราคาเพียง 2.5 แสนดอลลาร์สหรัฐอเมริกา และใช้เวลาก่อสร้างเพียง 1 เดือน
ข้อเสนอที่จะติดตั้งเครื่องตรวจวัดสึนามิในมหาสมุทรอินเดีย ได้เสนอผ่านสหประชาชาติ แต่มีปัญหาเรื่องความล่าช้าตลอดมา
Hillton Root อดีตตัวแทนสหรัฐอเมริกา ในธนาคารพัฒนาเอเชีย ชี้ว่า อุปสรรคสำคัญที่ทำให้ไม่สามารถจัดตั้งระบบเตือนภัยสึนามิในมหาสมุทรอินเดีย ได้แก่ ความยากจนของประเทศตามชายฝั่งมหาสมุทรอินเดีย ความแตกต่างกันทางด้านวัฒนธรรม และปัญหาการเมืองระหว่างประเทศในย่านนี้ทำให้ความร่วมมือระหว่างประเทศเป็นไปได้ยาก (รอยเตอร์ 27 ธันวาคม 2547)
ในทางเศรษฐศาสตร์ ระบบเตือนภัยสึนามิ ถือได้ว่าเป็นสินค้าสาธารณะ (public goods) กล่าวคือ เมื่อมีการจัดตั้งระบบเตือนภัยสึนามิ สำหรับมหาสมุทรอินเดียแล้ว ประเทศในย่านนี้ทุกประเทศก็จะได้รับประโยชน์ร่วมกันได้ โดยสามารถรับคำเตือนและกระจายข่าวสู่ประชาชนของตนเอง เพื่อหลบหนีจากคลื่นสึนามิได้ทันเวลา จำนวนผู้เสียชีวิตก็จะลดลง
ในขณะที่ประเทศในย่านมหาสมุทรอินเดีย สามารถได้รับประโยชน์ร่วมกันจากระบบเตือนภัยสึนามิ แต่เมื่อต้องร่วมมือกันจัดตั้งระบบนี้ประเทศต่างๆ จะต้องมีค่าใช้จ่ายการลงทุนดังกล่าว ประเทศจำนวนหนึ่งอาจไม่ต้องการลงขัน และต้องการกินแรงกัน (Free Rider Problem)
นอกจากนี้ เนื่องจากทุกประเทศต่างก็มีทรัพยากรที่จำกัด ประเทศต่างๆ ต้องการตัดสินใจเลือกใช้ทรัพยากรเพื่อตอบสนองต่อความต้องการของประเทศตนให้ได้มากที่สุด ฉะนั้น รัฐบาลของประเทศต่างๆ ก็ต้องมีการประเมินโครงการก่อนตัดสินใจลงทุนโครงการต่างๆ
สำหรับระบบเตือนภัยสึนามิ ซึ่งเป็นสินค้าสาธารณะชนิดหนึ่ง นับว่ามีความยากลำบากในการวิเคราะห์ต้นทุนผลประโยชน์ (Cost-Benefit analysis) เนื่องจากมีความยากลำบากในการประเมินผลประโยชน์ (ซึ่งได้แก่ การป้องกันการสูญเสียชีวิตของคนจำนวนมาก และสร้างความมั่นใจในความปลอดภัยของชีวิต) ให้เป็นตัวเงิน แต่ก็สามารถประเมินโครงการโดยการวิเคราะห์ประสิทธิผลของต้นทุน (Cost Effectiveness Analysis) เพื่อให้มีการลงทุนที่มีประสิทธิภาพด้วยต้นทุนที่ต่ำ
แต่อย่างไรก็ตาม ภายหลังที่ประสบภัยสึนามิ เมื่อวันที่ 26 ธันวาคมที่ผ่านมา ประเทศต่างๆ ก็ตระหนักถึงความจำเป็นที่ต้องร่วมมือกัน เพื่อจัดตั้งระบบเตือนภัยสึนามิในมหาสมุทรอินเดีย เช่น รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศของออสเตรเลีย Alexander Downer ให้สัมภาษณ์ เมื่อวันที่ 28 ธันวาคมนี้ ว่า ออสเตรเลียมีความเชี่ยวชาญในเรื่องแผ่นดินไหวและคลื่นสึนามิ และจะช่วยประสานงานให้มีการจัดตั้งระบบเตือนภัยสึนามิในมหาสมุทรอินเดีย
ภัยวิบัติจากคลื่นสึนามิครั้งนี้ ได้กระตุ้นให้ประเทศไทยตระหนักถึงความจำเป็น ที่จะต้องมีการพัฒนาระบบเตือนภัยสึนามิ ระบบการประเมินข้อมูลด้านแผ่นดินไหว การพัฒนาบุคลากร ที่มีความเชี่ยวชาญด้านนี้ การให้การศึกษาแก่ประชาชน เพื่อให้ประชาชนระวังตัว ตลอดจนส่งเสริมให้มีการค้นคว้า และทำการวิจัยด้านนี้มากขึ้น
แต่อย่างไรก็ตาม การพัฒนาระบบเตือนภัยสึนามิ จำเป็นต้องอาศัยการร่วมมือระหว่างประเทศจากบรรดาประเทศในย่านมหาสมุทรอินเดีย เพื่อให้มีระบบเตือนภัย ที่มีประสิทธิภาพ และมีประโยชน์ต่อนานาประเทศร่วมกัน
ที่มา : http://www.bangkokbiznews.com/2004/12/30/comment/index.php?news=column_15924451.html