ERP ย่อมาจาก Enterprise Resource Planning หมายถึง แนวปฏิบัติในการวิเคราะห์ข้อมูลของลูกค้า จากฐานข้อมูลต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ยอดขาย การตลาด การบริหาร การเงิน และการผลิต เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพมากที่สุดสำหรับองค์กร หรือสรุปง่ายๆ ก็คือ ระบบการวางแผนทรัพยากรขององค์กร
ERP มีประโยชน์อย่างไร ERP สามารถบอกได้ถึงผลกำไรของแต่ละสาขาได้ในทันที สามารถเช็กสต๊อกสินค้าว่าสาขาไหมีเหลือเท่าไร หรือสินค้าตัวใดขาดอยู่ นอกจากนี้ยังสามารถดูแลในส่วนของสวัสดิการพนักงาน ควบคุมระบบการผลิต การทำโปรโมชั่นสินค้าที่ต้องการยอดขายสูง อีกทั้งยังช่วยดูแลเรื่องระบบข้อมูลให้ง่ายขึ้น สามารถจัดการระบบต่างๆ ในองค์กรให้มีมาตราฐานมากขึ้น แต่ในทางตรงกันข้ามค่าใช้จ่ายสำหรับซอฟต์แวร์ ERP นี้ ยังมีราคาค่อนข้างสูง ไม่เหมาะกับธุรกิจที่เพิ่งจะเติบโต ส่วน SME รายใหญ่หน่อย ก็สามารถเลือกใช้งานเพื่อขยับขยายในอนาคตได้ อีกทั้งค่าใช้จ่ายที่ต้องอบรมการใช้งานซอฟต์แวร์สำหรับพนักงานในแต่ละส่วน จะเห็นได้ว่า ERP มีประโยชน์สำหรับธุรกิจขนาดย่อมไปจนถึงธุรกิจขนาดใหญ่มากกว่า SME
กลับมาต่อที่งาน IBM Summit 2005 หลายคนคงสงสัยว่า ทำไมผมถึงบ่นถึง ERP ก่อน ไม่น่าจะเกี่ยวกับงานของ IBM เลย แต่หากคุณเป็นคนหนึ่งที่ได้ไปสัมผัสงาน IBM Summit 2005 คงจะเข้าใจดีว่าทำไม ผมถึงได้ยกเรื่อง ERP มาเกริ่นนำ ก็ไม่มีอะไรมากครับ ในงานนี้เท่าที่สำรวจด้วยสายตาคร่าวๆ ขณะเยี่ยมชมบูทต่างๆ พบว่ามีไม่ต่ำกว่า 15 บูท เป็นตัวแทนจำหน่ายซอฟต์แวร์เกี่ยวกับ ERP หรือใกล้เคียง ที่เหลือก็เป็นโซลูชั่นอื่นๆ
ในส่วนของ IBM นั้น เป็นทั้งผู้ด้านฮาร์ดแวร์ และซอฟต์แวร์ที่สนับสนุนการทำงานของ ERP จากค่ายอื่นๆ โดยมี IBM Webspere และ Tivoli เป็นตัวชูโรงสำหรับงานนี้ ซึ่ง Webspere จะคอยจัดการในด้านการส่งผ่านข้อมูล ส่วน Tivoli จะดูแลในเรื่องการสำรองข้อมูล
ภาพรวมของงานอยู่ที่การนำโซลูชั่นต่างๆ มาผนวกกันเพื่อให้ได้กำไรมากที่สุดในด้านธุรกิจ อีกทั้งสามารถดูแลควบคุมได้อย่างง่ายดาย โดยไม่ต้องเพิ่มจำนวนพนักงานแต่อย่างไร รูปแบบของงานค่อนข้างจะเหมาะกับผู้ประกอบธุรกิจเอง หรือเป็นระดับผู้บริหารธุรกิจ แต่สำหรับผู้ประกอบการระดับเล็กอย่าง SME ก็สามารถเลือกใช้งานซอฟต์แวร์ย่อยๆ ที่แบ่งเป็นโมดูล ที่ละส่วนก่อนก็ได้ เช่น เลือกใช้แค่ระบบบัญชี ระบบสินค้าคงคลัง เป็นต้น
|