ณ บ้านตาดทอง จ.ยโสธร ยังมีอนุสรณ์สถานแห่งหนึ่งที่เรียกกันว่า พระธาตุกล่องข้าวน้อย ซึ่งมีผู้มากราบไหว้พระธาตุฯ อยู่ไม่ขาด เพื่อเป็นการไถ่บาปและขอขมาโทษต่อสิ่งที่ตนได้ทำไว้กับบิดรมารดา และมีเรื่องเล่าขานเกี่ยวกับความเป็นมาของพระธาตุกล่องข้าวน้อย ที่ผู้คนในท้องถิ่นถือกันว่าเป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นนานมาแล้ว ตามตำนานมีอยู่ว่าพระธาตุแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นด้วยน้ำมือของชายหนุ่มผู้หนึ่ง ซึ่งมีความสำนึกผิดต่อ อนันตริยกรรม ที่ตนได้กระทำลงไปต่อผู้เป็นมารดา เพราะโทสะ
ชายหนุ่มผู้นี้มีอาชีพทำนาเป็นกำพร้าบิดามาตั้งแต่จำความได้ ครอบครัวเขาจึงมีกันเพียงสองคนแม่ลูก แต่ผู้เป็นแม่ก็แก่ชรามากจึงไม่สามารถจะช่วยเขาทำนาได้ ได้แต่อยู่บ้านคอยจัดแจงหุงหาอาหาร ดูแลความเป็นอยู่ให้แก่ลูกชาย ปล่อยให้ลูกชายเพียงคนเดียวต้องทำงานใช้แรงเพียงลำพัง ทุกๆ วันนางจะเดินไปส่งอาหารกลางวันให้แก่ลูกชายในท้องนา
วันหนึ่งในฤดูกาลทำนา ชายหนุ่มก็นำควายและคันไถออกไปสู่ท้องนาเช่นเคย เมื่อไถนาไปจนกระทั่งใกล้เที่ยงเขารู้สึกเหนื่อยและหิวหนัก อาจเป็นเพราะอากาศวันนี้ร้อนกว่าทุกวันก็เป็นได้ ที่ทำให้เขาเริ่มหงุดหงิดและหิวอาหารเร็วกว่าทุกวัน เขาจึงพาลคิดไปว่าเหตุใดแม่จึงมาเขามาส่งข้าวให้เขาช้ากว่าปกติ
ความหิวทำให้เขาหยุดงานไถและปล่อยควายออกไปกินหญ้า แล้วมานั่งหลบร้อนอยู่ใต้ร่มไม้ใหญ่ปลายนาเพื่อรอเวลาที่แม่จะมาส่งข้าว นั่งรอไปก็คิดไปว่าเมื่อไหร่แม่จะมาส่งข้าวให้สักที ตนจะได้กินข้าวและทำงานต่อ ชะเง้อคอคอยแม่อยู่นานก็เห็นแม่เดินกระหย่องกระแหย่งมาแต่ไกล ครั้นใกล้เข้ามาเห็นกล่องข้าวน้อยห้อยอยู่บนเสาแหรกคาน ความหงุดหงิดที่มีอยู่เป็นทุนเดิมบวกกับความหิวที่มีมากขึ้นจึงทำให้เขาบันดาลโทสะใส่ผู้เป็นแม่ไปว่า อีแก่ ทำไมเอาข้าวมาส่งให้ช้านัก กล่องข้าวก็น้อยแค่นี้กูจะกินอิ่มไปได้ยังไง ผู้เป็นแม่เมื่อได้ฟังลูกตวาดใส่ตนเช่นนั้น ยังคงใจเย็นตอบไปด้วยน้ำเสียงอันเหนื่อยหอบว่า ถึงกล่องข้าวมันจะเล็ก แต่ข้างในมันก็แน่นจะลูกเอ้ย ลองกินดูก่อนสิ
ชายหนุ่มกลับไม่ฟังเสียงผู้เป็นแม่ ด้วยความหิวจนหูอื้อ ตาลาย สติจึงขาดผึง หันรีหันขวางอยู่พัก ก็คว้าได้ท่อนไม้มาหนึ่งดุ้น ตีแม่จนสุดแรง จนผู้เป็นแม่ล้มลงไปกองอยู่กับพื้น พอได้ระบายโทสะกับผู้เป็นแม่จนเป็นที่พอใจ ตนก็หันไปจัดการกับกล่องข้าวที่แม่นำมาให้
นั่งกินไปได้สักพักก็รู้สึกอิ่ม แต่ข้าวยังเหลืออยู่เกือบครึ่งกล่อง จึงเริ่มได้คิด มีสติกลับคืนมา แล้วก็เห็นจริงดังคำแม่บอก คิดได้ดังนั้นก็วิ่งไปดูผู้เป็นแม่ที่นอนกองอยู่บนพื้น ไปถึงก็กระโดดกอด ประคองแม่ขึ้นมา แล้วตนก็ยิ่งเศร้าโศกเสียใจที่สุดในชีวิต เมื่อเห็นว่าแม่จากตนไปแล้ว
อนิจจา...มันสายเกินไป...
ชายหนุ่มสำนึกผิดในบาปที่ตนก่อขึ้นมาอย่างเสียใจจนสุดจะหาสิ่งใดมาหยุดได้ จึงแบกศพแม่กลับบ้านและหันหน้าเข้าหาพระ บอกเล่าเรื่องราวของตนให้พระท่านฟัง จึงได้รู้ว่าบาปที่ตนก่อนั้นยากจะลบล้างได้ในชาติเดียว เป็นกรรมหนักไม่มีที่สิ้นสุด ที่ได้ทำการปิตุฆาตมารดา ต้องชดใช้เวรกรรมอยู่ในขุมนรกชั้นลึกสุดอยู่นานชั่วกัปชั่วกัลป์ แต่ถ้าจะให้บาปที่มีทุเลาลงไป เขาต้องสร้างธาตุก่อกวมกระดูกแม่ไว้ให้สูงเท่านกเขาเหิน และนี่คือตำนานของพระธาตุกล่องข้าวน้อยที่เด่นตระหง่านอยู่ ที่บ้านตาดทอง จ.ยโสธร
หากจะคิดด้วยหัวใจ
เรื่องนี้จบลงด้วยความสะเทือนใจ
แต่
กลับกลายมาเป็นอนุสรณ์เตือนสติให้ลูกๆ หลายคน
รักและดูแลผู้เป็นบิดามารดามากขึ้น
พระธาตุที่ชายผู้นี้สร้างอาจช่วยให้บาปที่เขาทำการฆ่ามารดาเบาบางลงได้ แต่อย่างไรเสียก็ไม่ได้ช่วยให้เขาหนีพ้นจากนรกอเวจีไปได้เลย ในเมื่อบาปที่เขาก่อนั้นถือว่าเป็น อนันตริยกรรม นั่นเท่ากับว่า เขาจะต้องชดใช้เวรกรรมที่เขาก่อด้วยความทุกข์ทรมานแสนสาหัส จนแทบจะไม่มีวันได้ผุดได้เกิดมาเป็นคน ถึงเขาจะสำนึกเสียใจพยายามไถ่บาปที่มีอย่างไร ทุกอย่างสำหรับเขามันก็สายเกินไปเสียแล้ว
แต่สำหรับเราที่ยังมีชีวิต มีโอกาสได้ฟังตำนาน ได้เห็นพระธาตุที่เขาสร้างขึ้น ควรหรือไม่ที่จะไปกราบไหว้พระธาตุ เพื่อสำนึกเสียใจในสิ่งที่ตนได้ทำความผิดไว้กับพ่อแม่ ควรหรือไม่ที่จะถือว่าการเคารพพระธาตุนั้นเป็นไปเพื่อการไถ่บาปต่อผู้ให้ชีวิต
พระธาตุแห่งนี้น่าจะให้ข้อคิดเตือนใจผู้เป็นลูกให้หันมาให้ ความรัก ตอบแทนบุญคุณบิดรมารดา และดูแลเอาใจใส่ท่านทั้งสองเสียตั้งแต่วันนี้ ในขณะที่พวกท่านยังมีชีวิตอยู่ มากกว่ามาสำนึกเสียใจกับสิ่งที่ได้กระทำลงไป หรือสำนึกผิดเมื่อท่านจากเราไปแล้ว
หัวใจของคนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นพ่อแม่คนพร้อมที่จะอภัยให้แก่ลูกๆ ได้เสมอ แม้แต่วันที่ลูกหมดเรี่ยวแรงอ่อนล้า ไม่เหลือใคร ทำมาหากินไม่ไหว เพียงกลับไปบ้านพ่อแม่ก็พร้อมจะอ้าแขนต้อนรับการกลับมาของลูก ไม่มีการซ้ำเติม ไม่มีการว่าร้ายต่อสิ่งที่เราทำให้ท่านเสียใจ มีแต่อุ่นไอรักที่อบอวลออกมาจากใจของท่านทั้งสอง แต่ทำไมความรักอันยิ่งใหญ่นี้ถึงถูกผู้เป็นลูกมองข้าม
บุญคุณพ่อแม่ที่ให้กำเนิดและเลี้ยงดูลูกมา ไม่สามารถจะตอบแทนกันได้ด้วยเงินก้อนโต หรือการอยู่ปรนนิบัติท่านตอนแก่ชรา เจ็บป่วย ใกล้จะตาย แต่ค่าของความรักที่ท่านมีให้มันมากกว่าร่างกายที่ท่านให้ มากกว่าใจที่ท่านเลี้ยงดูเรามา จนสามารถหยัดยืนด้วยขาทั้งสองข้างอย่างแข็งแรงได้
เมื่อครั้งที่เรานอนอยู่บนเบาะ คลานต้วมเตี้ยม เดินเตาะแตะ ท่านทั้งสองยังคงมีกำลังวังชาเหลือเฟือ แต่ท่านก็ต้องเหน็ดเหนื่อยกับการเลี้ยงดูเด็กเล็กๆ คนหนึ่งให้เติบโตมาเป็นผู้ใหญ่ที่ดี และขณะที่เราเดินได้อย่างคล่องแคล่ว เราเคยหันไปมองท่านบ้างไหมว่าท่านเป็นอย่างไร
ขณะที่เราเพลิดเพลินไปกับการเดินทางหลากสาย บนโลกใบใหญ่ที่เราค้นพบ พละกำลังของท่านกลับถดถอย และขณะที่เรี่ยวแรงของท่านเหลือน้อย ท่านกลับไม่ต้องการให้เราหันมาดูแลร่างกายท่านเช่นที่ท่านเคยเลี้ยงดูเรา ท่านต้องการเพียงให้เลือดเนื้อที่ออกไปจากอกทุกก้อนหันมาดูแลหัวใจของท่านบ้าง
หากวันนี้ที่เรามีกลายเป็นวันสุดท้ายที่เหลืออยู่ เราจะทำอะไร จะนึกถึงใครเป็นอันดับแรก ลูก สามี ภรรยา ชู้รัก หรือ บิดา มารดา
ถ้าเรามีครอบครัวสิ่งที่เราจะนึกถึงอยู่ตลอดเวลา ก็คือครอบครัวที่เราสร้างขึ้นมา แต่ถ้าเรากำลังจะตายอันดับแรกที่เราจะคิดถึงก่อนจะสิ้นใจ ก็คงหนีไม่พ้นหน้าลูกหน้าเมียของเรา
พ่อแม่เราก็คิดแบบนี้เช่นกัน