ตอนที่ 3 พยายามหยั่งรากลึกในที่ทำงานใหม่
เมื่อคุณเข้าไปที่ทำงานใหม่ เรื่องสำคัญที่ต้องทำและต้องทำให้ได้ก็คงหนีไม่พ้นก็คือเรื่องการพยายามสร้างความกลมกลืนทั้งในแง่พฤติกรรมของการทำงานและวิธีคิดกับองค์การใหม่ เปรียบเสมือหนึ่งว่าการเขาไปที่ทำงานใหม่ เป็นเช่นเดียวกับการย้ายต้นไม้จากกระถางหนึ่งไปกระถางหนึ่ง ต้นไม้เองหากจะอยู่รอด มันก็ต้องพยายามชอนไชรากเข้าไปในดินในกระถาง เพื่อยึดเกาะลำต้นของมันไว้ให้มั่น ทำนองเดียวกันหากเปรียบกระถางเป็นองค์การ องค์การที่ดีก็จะต้องมีดินที่ดี อัดดินให้ได้น้ำหนักไม่แน่นเกินไป รดน้ำในปริมาณที่เหมาะสม นัยหนึ่งก็คือการสร้างสภาพแวดล้อมของการทำงานที่เอื้อต่อการหยั่งรากของคนที่เข้ามาใหม่
เมื่อเข้าไปในที่ทำงานใหม่ เรื่องของการปรับตัวก็เลยมาอันดับหนึ่ง การปรับตัวเข้ากับองค์การใหม่นั้น เป็นที่ยอมรับแม้แต่กับผมเองว่าเป็นเรื่องไม่ง่ายครับ หากจะทำทำไปก็พอได้ แต่ก็ไม่ใช่หลักประกันที่ดีว่าคุณจะผ่านช่วงเวลาของการทดลองงานไปได้หรือไม่ และที่มากไปกว่านั้นแม้จะผ่านระยะเวลาการทดลองงานไปแล้ว คุณจะสามารถทำงาน สร้างผลงานที่ดีได้โดยสภาพแวดล้อมรอบตัวคุณ โดยเฉพาะเพื่อนร่วมงาน หัวหน้าและลูกน้อง เป็นใจให้คุณทำงานได้อย่างเกิดผลมีประสิทธิภาพหรือไม่ อันนี้เองก็เลยต้องมาเรียนรู้จากผู้รู้ที่ผมจะได้นำเสนอครับ....
ข้อเสนอแนะของ Dr.Karen Otazo ก็คือ การที่คุณจะต้องพยายามเชื่อมต่อตัวคุณเข้ากับที่ทำงานใหม่ให้เต็มสตรีมไปเลย ลบวิธีคิดวิธีการทำงานที่เคยมีจากที่ทำงานเก่าไปก่อน เพราะมันไม่ได้ช่วยให้องค์การใหม่ คนเก่าที่เคยอยู่ ยอมรับคุณได้เลย ไม่ว่าที่ทำงานเก่าของคุณจะดีเลิศประเสริฐศรี หรือแม้ว่าคุณจะมีประสบการณ์ความสำเร็จจากที่ทำงานเก่ามาเพียงใดก็ตาม การเอ่ยอ้างเรื่องเก่า ๆ นั้น ไม่ค่อยดีหรอกครับ ประสบการณ์ที่ผมได้เจอด้วยตัวเองคือ ไม่มีใครฟังหรอก การพูดแบบนี้ มันก็เลยอาจจะสร้างปัญหามากกว่าจะช่วยลดปัญหาให้กับตัวเราที่เป็นพนักงานใหม่ครับ
ผมอยากจะขอเรียกมันว่า กฎของการไม่เปรียบเทียบ นั่นก็คือ เมื่อคุณเข้าไปที่ทำงานใหม่แล้ว เรื่องที่คุณพึงยึดไว้เป็นหลักการปฏิบัติเลยก็คือคุณจะต้องไม่เอาเรื่องขององค์การเก่ามาเปรียบเทียบกับองค์การหรือที่ทำงานใหม่อย่างเด็ดขาด อย่าบอกหรือพูดว่า ที่ทำงานเก่าของผมทำกันแบบนี้... หัวหน้าเก่าของผมเคสอนไว้แบบนี้... แม้ว่าการที่คุณยกตัวอย่างที่ทำงานเก่าขึ้นมามีจุดมุ่งหมายลึก ๆ เพื่อให้คนที่คุณคุยด้วยนั้นเปลี่ยนแปลงอะไรเช่นปรับวิธีการทำงานไปจากเดิมก็ตาม คุณผู้อ่านเคยเจอเหตุการณ์แบบนี้ใช่มั้ยครับ แล้วผลเป็นอย่างไรบ้าง
ผมเองเชื่อว่า คำพูดเหล่านี้เป็นเรื่องที่ระคายหู แม้คนที่คุณพูดกับเขาจะไม่มีปฏิกิริยาตอบโต้กลับมาในคราวนั้น แต่ต่อมาก็มักจะไม่มีใครฟัง และนานเข้าก็กลายเป็นเรื่องตลก ดังนั้น จงพยายามที่จะปรับตัวเข้ากับวัฒนธรรมองค์การใหม่ให้แนบแน่นสนิทใจเสียดีกว่ามาคิดเรื่องว่า ทำไมไม่เหมือที่ทำงานเก่า มันไม่มีประโยชน์ครับ
ทำไมหรือครับ ???
จริงที่ที่ทำงานใหม่ต้องการประสบการณ์การทำงานใหม่จากเราที่เป็นคนนอก หรือาจจะไม่มีใครเลยภายในองค์การที่เหมาะสมจะก้าวเข้ามารับตำแหน่งที่คุณได้รับ แต่ร้อยทั้งร้อยก็ไม่อยากที่จะถูกเปรียบเทียบโดยคนนอกที่เข้ามาใหม่อย่างเรา เค้าเหล่านั้น เมื่อได้ฟังการเปรียบเทียบของคุณแล้วอาจจะเกิดความคิดค้านในใจว่าหากที่ทำงานเก่าของเธอ ไอ้โน่น ไอ้นี่ ไอ้นั่น ทุกสิ่งอย่างอันที่เธอว่ามันดี แล้วลาออกมาทำไมเหรอ... ว่ากันแล้ว แม้คุณจะต้องการสื่อความหมายด้วยการเปรียบเทียบออกไปอย่างไร คุณคิดว่ามันอาจจะดีแค่ไหน ขอให้ระวังและอย่างได้เปรียบเทียบกับที่ทำงานเก่าของคุณจะดีที่สุด
เป็นธรรมดาที่ระบบงานของที่ทำงานใหม่ที่คุณจะเข้าไปทำงานอาจจะโลว์มาก คนทำงานก็ฝีมืองั้น ๆ แตกต่างจากลูกน้องเก่าที่สั่งปุ๊ปได้ปั๊บ ไม่ต้องสงสัยหรอกครับ เพราะนั่นคือเหตุผลที่องค์การใหม่ต้องการคนอย่างคุณเข้ามาช่วยปรับเปลี่ยนอะไรทั้งหลาย และบางทีเขาก็อยากให้คุณเปลี่ยนให้เป็นอย่างที่ทำงานเก่าของคุณก็ได้ หรืออาจจะต้องการเปลี่ยนให้เป็นเหมือบริษัทชั้นนำของโลกก็ได้ ใครจะไปรู้ได้
แล้วคุณจะทำการปรับปรุงอะไรกับที่ทำงานใหม่ และเมื่อไร ในฐานะหัวหน้างาน คุณอาจจะรู้สึกคันไม่คันมืออยากที่จะปรับปรุงงานที่เข้ามารับผิดชอบเสียเต็มประดา แต่ช้าก่อน ญาติโยมที่รักทั้งหลาย ผู้รู้อย่าง Dr.Karen Otazo แนะนำไว้ว่า จะทำมันหรือสิ่งที่คุณอยากทำได้ เมื่อใดก็ตามที่คุณได้พิสูจน์ตัวเองแล้วว่า คุณเข้าใจองค์การใหม่อย่างดีแล้ว ด่านที่คุณจะต้องผ่านให้ได้คือ ธรรมเนียมปฏิบัติและค่านิยมของที่ทำงานใหม่ที่มักจะแตกต่างไปที่ทำงานเก่า และความคุ้นเคยของงคุณ
และเชื่อเถอะว่า เพื่อนร่วมงาน ลูกน้อง คอนรายรอบตัวคุณในที่ทำงานใหม่ จะคอบเฝ้ามองดูว่าคุณจะสามารถปรับตัวปรับใจได้ดีแค่ไหน คุณจะรุ่งหรือจะร่วง โดยที่จะหาคนเข้ามาคอยช่วยเหลือ take care คุณนั้นยากเหลือเกิน ยิ่งคุณแสดงตัวว่าชั้นเก่งอย่างโน้นอย่างนี้ สายตาของประชาชีขาวบ้านที่จะคอบจับจ้องคุณก็จะมีมากขึ้นตามไปด้วย !!!
ไม่ได้พูดให้เกรงครับ มันคือเรื่องจริงในชีวิตการทำงานที่ผมเองเจอมากับตัว พอได้อ่านแง่มุมความคิดของผู้รู้ก็เลยถึงบางอ้อ...เหมือนกัน
Dr.Karen Otazo จึงชวนให้ทุกท่านที่ต้องเข้าไปเริ่มงานที่ทำงานใหม่ เลิกหวนหาอดีต แต่หันมามองอดีตกับปัจจุบันและผสมผสานมันเพื่อเตรียมไว้ใช้ต่อยอดในอนาคตที่คุณต้องการให้ดีกว่าเดิม และศึกษามันให้ชัดเจน นอกจากที่คุณจะต้องไม่พยายามเปรียบเทียบงานกับที่ทำงานเก่าแล้ว คุณยังจะต้องหมั่นคุยกับคนในที่ทำงานใหม่โดยเป็นผู้รับฟังที่ดี เพื่อให้ได้แง่มุมที่เป็นประโยชน์ต่อการปรับตัวของคุณเอง และควรอย่างยิ่งครับที่คุณจะช่วยรักษาธรรมเนียมปฏิบัติที่ดีงามไว้ เอาไว้เป็นต้นทุนที่หนุนส่งคุณในภายภาคหน้า หากจำเป็นต้องใช้มัน...!!!
นอกจากที่ว่ามาแล้ว สิ่งที่คุณจะต้องเพียรพยายามก็คือ การพิสูจน์ให้ผู้คนรายรอบตัวคุณในที่ทำงานใหม่เห็นว่า คุณเป็นสมาชิกองค์การเช่นเดียวกับเขาเต็มตัวแล้ว จงรักภักดีต่อองค์การ และจะสนับสนุนการทำงานเต็มพอกัด พร้อมกับพยายามใช้มุมมองในแง่บวกเข้าไว้ จากนั้นจึงคิดค้นหาวิธีการปรับปรุงอะไรต่าง ๆ ให้ดีขึ้น บนพื้นฐานของความร่วมมือร่วมใจของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง