มนุษย์เงินเดือนอย่างเรา แม้จะมีตำแหน่งหน้าที่การงานในระดับใด หากไม่ได้เป็นเจ้าของกิจการหรือผู้ถือหุ้นแล้ว ก็จะมีหัวหน้างานในสายการบังคับบัญชาอย่างน้อยระดับหนึ่งที่สูงกว่าตัวเองเสมอ การทำงานของมนุษย์เงินเดือนเพื่อให้ได้ดี มีความก้าวหน้า นอกจากจะต้องรู้จักทำงานเพื่อให้กลมกลืนกับเพื่อนร่วมงาน และลูกน้องที่อยู่ใต้อำนาจการบังคับบัญชาแล้ว ยังต้องเรียนรู้ที่จะทำงานให้กลมกลืนกับเจ้านาย ซึ่งมีความสำคัญต่อความสำเร็จในหน้าที่การงาน และประสิทธิภาพในการทำงานของคุณอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้
ในภารกิจของหัวหน้างานที่ว่ายากในเรื่องของการบริหารลูกน้องแล้ว ยังมีความยากอีกอย่างหนึ่งที่ต้องทำให้ได้ และสอบให้ผ่านคือภารกิจในการบริหาร เจ้านาย เพื่อให้เจ้านายที่มีอำนาจ ให้การสนับสนุน ผลักดันการทำงานของคุณสำเร็จลุล่วงตามเป้าหมายของทั้งหน่วยงานและเด้งไปถึงเป้าหมายขององค์การที่วางไว้ หัวหน้างานจำนวนไม่น้อยที่ไปไม่ถึงดวงดาว ก้าวไม่ถึงระดับบริหาร และต้องอับแสงไปก่อนเวลาอันควร ส่วนหนึ่งนั้นเป็นเพราะ เขาบริหารเจ้านาย ไม่เป็น แม้เขาจะจัดเจนในการจัดการกับลูกน้องอย่างเต็มที่ก็ตาม
รากฐานความคิดของคนที่ล้มเหลวในการบริหารเจ้านายแล้วทำให้ไปไม่ถึงฝั่งฝันดังกล่าว เป็นเรื่องที่น่าศึกษาอย่างยิ่ง ศึกษาเพื่อที่จะช่วยให้เราก้าวข้ามมันไปได้เมื่อเราตกอยู่ในสถานการณ์แบบนั้น ผู้รู้หลายท่านว่าเอาไว้ถึงแง่คิดที่จำเป็นต้องได้รับการเปลี่ยนในบางประเด็นที่น่าสนใจ และผมเองก็อยากนำมาแลกเปลี่ยนกับทุกท่าน
รากฐานความคิดที่ว่านั้นได้แก่ การทบทวนแง่คิดใหม่ จากที่พนักงานและหัวหน้างานหลายคนหลายรายมักยึดเอาแนวคิดของตัวเองเป็นมุมหลัก โดยมองไปว่า หัวหน้าในระดับที่สูงกว่าเขาต้องภาวะผู้นำที่สูงกว่าเขา เพราะด้วยเงินเดือนที่มากกว่า หรือสิ่งตอบแทนจากองค์การให้อย่างมาก เขาจึงไม่ต้องปรับตัวเข้าหาหัวหน้า แต่ตรงข้าม หัวหน้านั่นแหละ ต้องทำหน้าที่ของหัวหน้าให้ครบ และปรับตัวเข้าหาเขา ให้การ support เขาอย่างเต็มที่
หากผมถามกลับทุกท่านว่ามุมมองแบบนี้ OK หรือเปล่า หลายท่านน่าจะตอบผมว่า ไม่ค่อย ใช่ครับ ไม่โอเคเลย มันเป็นมุมมองที่เอาตัวเองเป็นที่ตั้ง ที่ผมเน้นว่าไม่โอเคก็เพราะมันไม่พอที่จะช่วยให้คุณสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพน่ะสิครับ และเจ้าประสิทธิภาพในการทำงานนี่เองที่องค์การต้องการจากคุณ ซ้ำวิธีคิดแบบนี้ ไม่ยังไม่ได้ช่วยการันตีว่าการทำงานของคุณกับหัวหน้างานจะเป็นไปอย่างราบรื่นเสียหน่อย
เมื่อท่านผู้อ่านจะต้องเริ่มต้น คิดค้นหาวิธีการ หรือทบทวนวิธีการทำงานเพื่อให้ทำงานอย่าง ได้ใจ หัวหน้างาน และตัวเองก็ได้ผลงานอย่างเยี่ยมยอด จะเพื่อประโยชน์ในการทำงานของตัวเอง หรือการสอนงานให้กับลูกน้องก็ตามที ผมมีข้อแนะนำหลายอย่างที่สรุปจากข้อคิดของผู้รู้มาเสนอให้ท่านได้ทดลองใช้ในชีวิตการทำงานจริงของท่านดู ซึ่งแน่นอนครับว่า คุณจะต้องเรียนรู้วิธีปรับแก้มันให้เหมาะสมอย่างต่อเนื่องด้วย เพราะวิธีการแบบนี้ มันอาจจะเป็น Solution ของวันนี้ ที่ไม่ได้การันตีว่าจะใช้ได้ดีในวันข้างหน้า
เรียนรู้ว่าหัวหน้าชอบรับสารแบบไหน
ข้อที่คนทำงานทั้งหลายจะต้องตระหนักให้มั่นคงก็คือการที่ท่านจะต้องเรียนรู้ว่าหัวหน้างานของท่านนิยมชมชอบการรับสารที่เป็นข้อมูลเกี่ยวกับการทำงานจากลูกน้องแบบไหน
หัวหน้างานจำนวนไม่น้อย ไม่ชอบที่จะอ่านรายงานและเรื่องราวต่าง ๆ จากลูกน้อง แต่อยากที่จะฟังมากกว่า นัยว่าไม่ค่อยมีเวลาอ่าน ซึ่งก็ไม่แปลกอะไรมากนะครับ เพราะในการรับส่งสารที่ดีนั้น จะคาดหวังเพียงการส่งเป็นลายลักษณ์อักษรคงไม่ได้ โดยเฉพาะงานสำคัญเช่นการเสนอโครงการ แผนงาน หรือการให้ข้อมูลของลูกค้า ยิ่งต้องอาศัยการพูดจาซึ่งหน้ากันเป็นส่วนประกอบสำคัญ ทว่า หัวหน้างานที่ไม่ชอบอ่าน และฟังไม่ได้ศัพท์แล้วจับมากระเดียด เป็นต้นว่า ลูกน้องแทบจะไม่ได้รายงานเลย ด่าซะแล้ว หรือยังไม่ทันไรก็ว่าไม่โดนใจ การณ์ก็เลยกลายเป็นว่า บ่อยครั้งและนานนานเข้า ลูกน้องจะส่งแต่รายงานให้อ่าน ไม่พูดให้ฟังแล้ว และหัวหน้าก็ไปอ่านเอาเถอะ ไม่อ่านก็เรื่องของหัวหน้า
หากมีปัญหาเป็นแบบนี้ หัวหน้างานอาจจะต้องใจเย็นนิดนึงครับ เรียนรู้ที่จะเป็นผู้ฟังที่ดี เพื่อให้ได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ให้มากที่สุด การที่หัวหน้างานเล่นแต่ฟังอย่างเดียว ชวนให้เกิดคำถามว่า คุณมีทักษะในการจับโกหกของพนักงานที่ชอบนั่งเทียนหรือกุเรื่องมากน้อยเพียงใด หากไม่ หรือไม่อยากเสี่ยง ก็จงเป็นนักฟังที่ดีครับ
อย่างไรก็ตาม หัวหน้างานส่วนใหญ่นั้น มักชอบที่จะอ่านหรือดูข้อมูลด้วยตัวเองมากกว่า ประมาณว่าดูให้รู้แน่เสียเลย
หัวหน้างานกลุ่มนี้ ผมเชื่อว่ามีพื้นฐานมาจากคนที่ชอบอ่านหนังสือตำรา ชอบที่จะชวนขวายเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ ซึ่งนอกจากเขาจะรับฟังประชาชีแล้ว เขายังต้องพัฒนาตนเองจากการอ่านเพิ่มพูนด้วยตนเองอีกต่างหาก หากคุณทำงานกับหัวหน้างาน คุณจะได้ฝึกฝนทักษะของการทำรายงานที่เป็นทางการมากขึ้นครับ ซึ่งนับเป็นเรื่องที่ดีไม่น้อยเลยล่ะครับ โดยทักษะที่คุณต้องสร้างนั้นก็ได้แก่การเขียนและนำเสนอรายงานหรือข้อมูลที่แหวกแนวกว่าเดิมบ้าง ไม่ถือซื่อซะเกินไปแบบได้ข้อมูลดิบมา ก็ส่งข้อมูลนั้นต่อให้หัวหน้าโดยไม่ได้หยิบจับทำอะไรเลย
ลองฝึกที่จะสรุปรายงานในรูปแบบใหม่ ๆ ที่เข้าใจได้ง่ายเช่น แผนผัง mindmap ประกอบรายงานสรุป หรืออาจจะไปตามหัวหน้างานของคุณโดยตรงก็จะดีเช่นกันว่า เขาอยากได้รายงานข้อมูลแบบไหน ที่จะอำนวยคามสะดวกให้เขาได้มากขึ้น
แบบนี้ถือว่าเป็นงานเชิงรุกของคุณนะครับ และช่วยให้คุณรุกเข้าไปในหัวใจของหัวหน้างานคุณได้ไม่ยาก เพราะโดยมุมมองแบบนี้ คุณเอาความสะดวกของหัวหน้างานเป็นที่ตั้ง ซึ่งทำให้หัวหน้างานมองเห็นถึงความเอาใจใส่และจงรักภักดีของคุณ ซึ่งเมื่อถึงคราวใดที่คุณมีปัญหาหรืออยู่ในสภาพการณ์ที่คับขัน โดยไม่ต้องรอปาฏิหาริย์ เชื่อได้เลยว่า หัวหน้างานคนนั้นล่ะ จะกางปีกปกป้องและออกรับหน้าแทนคุณ
ไม่เชื่อต้องลองดูครับ.....!!!