จะดีจะร้ายอย่างไร แล้วแต่หัวหน้างาน...
สองตอนแรกผมได้นำเสนอท่านผู้อ่านเกี่ยวกับมุมมองความคิดของผู้รู้ด้านการบริหารและการพัฒนาทรัพยากรบุคคลเกี่ยวกับการจัดการความสัมพันธ์ระหว่างหัวหน้างานกับลูกน้อง โดยสมมติให้ท่านเป็นลูกน้อง ซึ่งสรุปได้ว่า การจะให้ความสัมพันธ์เป็นไอย่างราบรื่น ควรจะเริ่มจากคุณเองต้องปรับมุมมองความคิดและวิธีการทำงานกับหัวหน้างานเสียหน่อย เพื่อช่วยให้อะไรอะไรไม่สะดุด โดยผมเน้นถึงความจำเป็นในการใช้กลเม็ดการสื่อสารกับหัวหน้างานเป็นหัวใจหลักตัวหนึ่ง เป็นต้น ซึ่งมีผลพลอยได้ที่ดียิ่งที่จะช่วยให้หัวหน้างานมองคุณว่าคุณจงรักภักดี และทุ่มเทใจในการทำงานให้กับเขา และมันก็ไม่ได้เกินเลยไปหากจะกล่าวว่าจะมีผลทะท้อนกลับมาที่คุณเป็นการตอบแทน....
แต่กระนั้น ท่านผู้อ่านก็จะเห็นเช่นกันว่า วิธีการที่ท่านจะเลือกใช้เพื่อการสื่อสารกับหัวหน้างานเช่นที่ผมยกมากล่าวถึงในตอนที่ 2 นั้น มันอาจจะต้องอาศัยการทดลองหรือลองทำดูว่าอย่างไรดี อย่างไรไม่ดี โดยอย่างได้ไปกลับว่ามันจะผิดพลาด อย่างน้อยมองในมุมบวก การที่เราได้ลองพยายามสร้างวิธีการสื่อสารที่เหมาะสมกับตรงกับความต้องการของหัวหน้างาน แม้จะพลาดพลั้งไปบ้าง ก็แสดงให้เห็นเจตนาอันดีงามแฝงไว้ในความพยายามของคุณ ซึ่งหัวหน้างานมักรับรู้ได้ครับ และก็อย่าได้เสแสร้งทำ หรือทำเพื่อลองดีครับ เพราะมันจะนำมาซึ่งผลกระทบที่ท่านไม่ต้องการและคาดไม่ถึงทีเดียว
ที่ผมนำเสนอไปนั้น ท่านผู้อ่านคงไม่เกี่ยงว่า มันไม่จริ๊ง มันไม่จริง...!!! หรอกนะครับ
ที่แท้จริงอีกอย่างหนึ่ง ไม่อยากเรียกว่าเป็นสัจธรรมเลย มันก็คือ ชื่อเสียงหรือชื่อเสียของคุณนั้น ถูกกำหนดโดยหัวหน้างานนี่ล่ะ อันนี้ใช่เลย...จริงมั้ยครับ
บางที่เส้นผมก็บังภูเขา เราอาจจะคิดเอาเองว่า โน่แน่ะ MD หรือผู้บริหารระดับสูงโน่นคือคนที่จะอนุมัติการปรับเงินเดือน ตำแหน่งหน้าที่การงานของคนตามผลงานความตั้งใจจริง อะไรทำนองนี้ ก็ไม่ผิดหรอกครับหากมองว่า อำนาจในการตัดสินใจขั้นสุดท้ายเพราะเกี่ยวกับเรื่องงบประมาณจะอยู่ที่ฝ่ายบริหารระดับสูง แต่ใครหรือที่เป็นคน ชงเรื่อง ...!! หากมิใช่หัวหน้างานลำดับที่อยู่ติดกับคุณ
อาจจะมีองค์การแบบเถ้าแก่ที่เน้นอำนาจการตัดสินใจอยู่ที่เจ้าของกิจการคนเดียวที่คุณจะใช้ความสัมพันธ์ส่วนตัวเพื่อสร้างความเติบโตในหน้าที่การงาน ค่าตอบแทน หรือตำแหน่งหน้าที่ได้ แต่หากเป็นองค์การสมัยใหม่ทั้งหลายที่มีระบบการบริหารงานแบบมืออาชีพหน่อย คนที่มีอิทธิพลต่อความก้าวหน้าในหน้าที่การงานของคุณมากที่สุดเห็นจะไม่มีใครเกินหัวหน้างานที่ผมว่าไปนั่นเอง
อิทธิพลของหัวหน้างานที่ว่านั้น เข้าใจกันง่าย ๆ ก็คือการจรดปากกา และความคิดความเห็นในการประเมินผลการทำงานของคุณ รวมตลอดไปจนถึงการออกเสียงหนึ่งเสียงในการตัดสินใจปรับเงินเดือนหรือให้โบนัส และอีกเรื่องหนึ่งก็คือมุมกลับที่เขาสามารถลบทุกอย่างที่คุณทำดีมาแทบแย่ในชีวิตการทำงานของคุณ แม้คุณจะไม่ผิดก็ตาม จะกว่าคุณจะพิสูจน์ตัวเองว่าคุณเป็นแบบนั้นจริงนั่นล่ะ
โดยนัยนี้ เราก็เลยอยากให้หัวหน้าพูดถึงเราแต่เรื่องที่ดีดี แต่เรื่องดีดีของเรา อยากให้หัวหน้างานชื่นชม ไปบอกกับผู้บริหารระดับสูงสักนิดว่าเรามีผลงานนะ สนับสนุนเราสักหน่อยให้ก้าวหน้าในหน้าที่การทงานหากมีช่องทางเปิดให้ แต่คุณจะรู้ได้อย่างไรว่าหัวหน้างานจะทำแบบที่ต้องการ...
คำตอบที่ simple มาก ๆ ก็คือ อยากให้หัวหน้างานคิดดีทำดีกับคุณ คุณก็ต้องหยิบยื่นการคิดดีทำดีให้กับเขาก่อน จนเมื่อหัวหน้างานเขาเชื่อมั่นและไว้ใจว่าคุณจงรักภักดีกับเขา และสิ่งที่คุณแสดงออกมาเป็นวิธีคิด เป็นพฤติกรรมต่าง ๆ นั้น เป็นไปในทางที่เชื่อได้แบบนั้น เมื่อนั้นทุกอย่างจะดีเอง
เมื่อหัวหน้างานไว้ใจคุณ นั้นหมายถึงเขารู้จักคุณ พอที่จะกล่าวถึงเรื่องดีดีเป็นต้นว่า ไอเดียที่ช่วยให้การทำงานดีขึ้น ศักยภาพในการทำงานของคุณ ข้อแนะนำของผู้รู้เพื่อให้คุณตอกย้ำความสัมพันธ์ในแง่การรับรู้ผลงานระหว่างคุณกับหัวหน้างานก็คือ การที่คุณควรจะหารือหรือพูดคุยเกี่ยวกับการทำงานกับหัวหน้างานของคุณอยู่เป็นประจำ หากคุณคิดว่า ไม่รู้จะพูดเรื่องอะไร อย่างน้อยก็พูดเรื่องปัญหาการทำงาน และวิธีที่คุณจะทำให้มันดีขึ้นก็พอแล้วครับ อย่างน้อยหัวหน้างานจะเห็นว่า คุณก็ตั้งใจมุ่งมั่นที่จะทำงานให้มีประสิทธิภาพ ไม่ใช่วันวันนั่งก้มหน้าก้มตาทำงานงกงก...ไม่พูดไม่จากกับใคร แล้วทึกทักเอาว่าหัวหน้างานจะรับรู้เอง บางทีมันก็ไม่นะครับ
วิธีการคุยหรือการหารือเรื่องงานนั้น ไม่ได้จำกัดว่าจะต้องเป็นทางการ เป็นการพูดคุยกันธรรมดาในเรื่องงานก็ได้ครับ
โดยส่วนตัวที่ผมเป็นหัวหน้างานคนนึง ผมบอกได้เลยว่า ผม happy ยิ่งกว่าซิมโทรศัพท์ยี่ห้อหนึ่งที่มีขายในบ้านเรา หากลูกน้องมาเล่าปัญหาในการทำงานให้ฟัง และจะสุดแสน happy เมื่อลูกน้องนำเสนอกับผมด้วยว่า วิธีการแก้ไขปัญหานั้นในความคิดของเขาเป็นอย่างไร มีทางเลือกในการแก้ไขปัญหาแบบไหนบ้าง ...
แต่ผมก็ไม่แนะนำให้คุณจะต้องไปทำอะไรเอาอกเอาใจหัวหน้างานให้เกินหน้าเกินตา เข้าข่ายชเลียร์.... มันก็ไม่ดี
หัวหน้างานที่รู้จักและไว้ใจคุณ ยังเป็นคนที่จะคอบให้ความช่วยเหลือ แก้ไขปัญหาสารพัดให้กับคุณ คุณอาจจะมีปัญหาในเรื่องการติดต่อประสานงานกับเพื่อต่างฝ่ายต่างแผนก หรือขัดแข้งขัดขากับเพื่อนร่วมงานคนอื่นบ้าง หัวหน้างานของคุณนี่ล่ะ ที่จะคอบช่วยเจรจาไกล่เกลี่ยข้อขัดแย้งแทนคุณได้ และแน่นอน หากเกิดข้อผิดพลาดขึ้นในท้ายที่สุด คุณเองก็จะสามารถชี้แจงได้โดยมีหัวหน้างานใบการันตีที่ดีของคุณ
ข้อที่คุณควรที่จะทบทวนก็อย่างที่ว่าไปล่ะครับ อยากให้หัวหน้าดีกับคุณ คุณก็ต้องดีกับเขาก่อน นับถือเขา และพยายามอย่าเป็น ตัวปัญหา ในสายตาของเขา แม้คุณจะมีปัญหาบ้าง ก็จงพยายามแปรมันออกมาให้เป็นการขอความเห็นหรือคำปรึกษา หากคุณมีโอกาส จงรู้จักให้เครดิตกับหัวหน้างานของคุณสักหน่อย ยกย่องว่าเขาเป็นผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของงานของคุณ เท่านี้ บรรยากาศความสัมพันธ์ในการทำงานในที่ทำงานของคุณก็จะดีขึ้นมาก ผู้รู้ท่านแนะนำไว้แบบนั้นครับ
คำขอบคุณหัวหน้างานเมื่อเขาให้การสนับสนุนการทำงานด้วยดีนั้น เป็นทรัพยากรที่ใช้แล้วไม่หมดครับ ไม่ต้องไปเสียดายมัน แต่ก็อย่าพร่ำเพรื่อทำนองประจบสอพลอ ท่านเองก็คงต้องเรียนรู้ความเหมาะสมด้วยตนเอง ผมไม่สามารถแนะนำได้ว่าควรจะต้องพูดกี่ครั้ง.... มันไม่มีสูตรตายตัวเหมือนผลิตน้ำปลาชูรสครับ
ผมขอส่งท้ายว่า คนทำงานอย่างท่านอย่างผม จะสนุกกับการทำงานมากน้องแค่ไหนคงหนีไม่พ้นเรื่องความสัมพันธ์ที่มีกับหัวหน้างานของคุณ ฉะนั้น จงอย่ารีรอที่จะกระชับความสัมพันธ์กับหัวหน้างานของคุณให้เหนียวแน่นหนึบเป็นลำดับ ปรับมุมมองความคิดให้เหมาะ ให้ความเคารพยกย่องกันในโอกาสที่ควร อานิสงค์ผลดีทั้งหลายจะส่งให้คุณมีหัวหน้างานที่คอยเกื้อหนุนการทำงานของคุณให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ เป็นที่ต้องการขององค์การ ....สาธุ...!!!
มาว่ากันต่อในบทเรียนต่อไป บทเรียนสุดท้ายแล้วจ้า........