ค้นบ่อย
:
หางานบัญชี,
หางานธุรการ,
หางานจัดซื้อ,
หางานผู้จัดการ,
หางานขับรถ,
หางานบุคคล,
หางานคลังสินค้า,
หางานครู,
หางานวิศวกร,
หางานเขียนแบบ,
หางานคีย์ข้อมูล,
หางานการตลาด,
หางานโรงแรม,
หางานสิ่งแวดล้อม,
หางานคอมพิวเตอร์,
หางาน Programmer,
หางานประชาสัมพันธ์,
หางานช่าง,
หางานสถาปนิก |
เรื่อง
เกิดนานแล้ว ภัยทะเล ดินหด-บ้านหาย ร้าย! ไม่แพ้สตอมเซอจ
เขียนโดย Wonder Man
|
Rated:
by 0 users |
|
|
|
|
จะมีโอกาสเกิดสูง หรือมีโอกาสเกิดไม่ถึง 10% ก็เป็นเรื่องเหมาะแล้วควรแล้ว ที่หลายพื้นที่จังหวัดชายฝั่งทะเลด้านอ่าวไทย โดยเฉพาะสมุทรปราการ และรวมถึงกรุงเทพฯ จะมีการ "ตื่นตัวเตรียมรับมือ" ภัย "สตอมเซอจ" ปรากฏการณ์ "น้ำทะเลยกตัวสูงเข้าท่วมชายฝั่ง" อันเนื่องจากอิทธิพลพายุขนาดใหญ่... และจะยิ่งดี...หากสนใจภัยน้ำทะเลที่เกิดอยู่แล้วด้วย "ทะเลกลืนแผ่นดิน" ภัยนี้ร้ายไม่แพ้สตอมเซอจ ?!? "ลองหลับตานึกดูแล้วกันว่าถ้าแผ่นดินตรงนี้หายไป ไม่อยู่ช่วยบังกรุงเทพฯ อะไรจะเกิดขึ้น ??" ...เป็นเสียงของ สมร เข่งสมุทร ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 9 "บ้านขุนสมุทรจีน" ต.แหลมฟ้าผ่า อ.พระสมุทรเจดีย์ จ.สมุทร ปราการ ชุมชนเล็ก ๆ ซึ่งตั้งอยู่ติดทะเลอ่าวไทย ไกลจากกรุงเทพฯไม่มากนัก ผู้ใหญ่บ้านรายนี้บอกว่า... กับ "สตอมเซอจ" ชาวบ้านในพื้นที่จะแบ่งเป็น 2 กลุ่มคือเชื่อว่าอาจเกิดและไม่น่าจะเกิด แต่กับปัญหาเก่าแก่อย่าง "คลื่นทะเล-น้ำทะเลกัดเซาะชายฝั่ง-กลืนผืนดิน" ทุกคนต่างเห็นตรงกันว่าปัญหาหลังนี้นับว่าใหญ่มากกว่าสตอมเซอจ ซึ่งหากปล่อยทิ้งไว้จนสุดท้ายแผ่นดินบ้านขุนสมุทรจีนถูกน้ำทะเลลบหายไปจากแผนที่ ในอนาคตกรุงเทพฯก็อาจมีสภาพไม่ต่างอะไรกับบ้านขุนสมุทรจีน ?!?!? แม้ชาวบ้านจะทำใจยอมรับสภาพ แต่ก็อดตั้งคำถามในใจไม่ได้ว่าเคราะห์ที่แบกรับอยู่นี้ชาวบ้านในพื้นที่หรือใครหรืออะไรที่ก่อ ? แล้วก็รู้สึกน้อยใจที่ไม่ได้รับการเหลียวแลเท่าที่ควร !?! จากคำบอกเล่าของผู้ใหญ่สมร เคยมีการยื่นหนังสือถึงหน่วยงานรัฐบาลเพื่อขอความช่วยเหลือ แต่ก็ไม่มีอะไรคืบหน้า สุดท้ายก็ต้องแก้ปัญหากันเอง ต่อมามีนักวิจัย-นักวิชาการบางกลุ่มเสนอตัวเข้าช่วยแก้ปัญหาโดยจัดทำ "เขื่อนสลายกำลังคลื่น" ก็ดูจะมีความหวังขึ้น แต่ก็ยังไม่ครอบคลุม เหตุเพราะขาดปัจจัยงบประมาณ ก็มีการร้องขอไปยังหน่วยงานรัฐอีกครั้ง แต่ก็ดูเหมือนว่าจะเงียบหายเหมือนเช่นทุกครั้งที่เคย ด้วยคำตอบประมาณว่า... "ปัญหามันใหญ่โตเกินไป !!" "จะช่วยได้ยังไงไหว ? มันต้องใช้งบสูง !!" ซึ่งคำถามก็เกิดขึ้นว่า...หมายความว่าจะปล่อยให้ชาวบ้านเผชิญชะตากรรมกันไปโดยไม่ช่วยแก้ไขใช่หรือไม่ ?? "แต่ก่อนแผ่นดินมีงอกบ้าง มีหดบ้าง แต่เดี๋ยวนี้มีแต่จะหดหายไปเรื่อย ๆ น้ำทะเลรุกไล่ที่ดินเข้ามาเรื่อย ๆ ย้ายบ้านหนีน้ำกันมาไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง อย่างของฉันนี่ตั้งแต่จำความได้ก็เป็นครั้งที่ 8 แล้ว ตั้งแต่รุ่นพ่อ" ...ผู้ใหญ่สมรกล่าว ก่อนบอกต่อไปว่า... ปัญหาน้ำทะเลกัดเซาะชายฝั่งที่เกิดขึ้นตลอด 30 ปี ไล่มาตั้งแต่ปี 2520 สร้างผลกระทบกับชาวบ้านในพื้นที่อย่างมาก ต้องถอยร่นหนีน้ำกันอยู่เรื่อย ๆ "ยิ่งระยะ 2 ปีมานี้ปัญหาก็ยิ่งหนักขึ้น !!" แค่ 2 ปีกว่าหายไปอีก 4-5 กม. ซึ่งส่วนสำคัญคงเกิดจาก "ภาวะโลกร้อน" ปัญหาจึงรุนแรงหนักขึ้น "คนไหนที่ดินจมน้ำไม่เหลือก็ต้องเช่าที่คนอื่นเขาทำกิน อย่างโรงเรียนขุนสมุทรฯ ก็ย้ายหนีน้ำมา 3 ครั้งแล้ว ก็ไม่รู้ว่าจะทนได้อีกนานแค่ไหน เพราะตอนนี้ก็เริ่มถูกน้ำทะเลกัดเซาะอีกแล้ว" ชาวบ้านที่เคยร่วมกันต่อสู้ เดี๋ยวนี้เริ่มเล็กลง ล้มหายตายจากไปบ้าง ย้ายไปที่อื่นบ้าง บางคนก็ท้อเพราะทำไปแล้วไม่มีอะไรคืบหน้า หลายคนก็เกิดความกังขาว่า...ทำไมไม่มีใครมาใส่ใจกำแพงหน้าด่านตรงนี้จริงจัง ไม่มีใครเข้ามาดูแล ปล่อยให้เป็นเหมือน "หมู่บ้านตกสำรวจ" ทั้ง ๆ ที่อยู่ไม่ไกลจากเมืองหลวง "ยิ่งแผ่นดินตรงนี้หายไป อัตราเสี่ยงที่กรุงเทพฯจะเจอกับภัยธรรมชาติก็จะยิ่งเพิ่มสูงขึ้น เพราะไม่มีหน้าด่านตรงนี้คอยรับแรงปะทะ ชาวบ้านเองก็พยายามช่วยกันเอง พยายามปกป้องรักษาไว้ให้ถึงที่สุด เราก็สงสัยกันว่าทำไมไม่มีใครคิดช่วยทำอะไรจริง ๆ จัง ๆ บ้าง ถ้าสักวันแผ่นดินตรงบ้านขุนสมุทรจีนนี้หายไป คิดหรือว่าพระสมุทรเจดีย์ หรือกรุงเทพฯ จะเหลือ ?" ...ผู้ใหญ่สมรทิ้งท้าย ด้าน พระอธิการสมนึก อติปัญโญ เจ้าอาวาสวัดขุนสมุทราวาส บอกกับทีม "สกู๊ปหน้า 1 เดลินิวส์" ว่า... ที่บ้านขุนสมุทรจีนนี่หากอยากรู้ว่าชายแผ่นดินเดิมตั้งอยู่ตรงไหน ก็ให้มองไล่ไปตามแนวเสาไฟที่ทอดยาวออกไปในแผ่นน้ำไกลสุดลูกหูลูกตา นั่นคือร่องรอยยืนยันว่าเคยมีชุมชนเก่าตั้งอยู่บริเวณนั้นจริง ๆ ซึ่งหากเกิดสตอมเซอจหรือพายุแรง ๆ พัดเข้า ฝั่งทางสมุทรปราการโซนที่ติดกรุงเทพฯ หากเกิดสถานการณ์ฉุกเฉินขึ้น"บริเวณนี้ถือว่าเป็นจุดแรก ๆ ที่ชาวบ้านจะต้องผจญกับวิกฤติการณ์ดังกล่าวก่อนใครเพื่อน" เจ้าอาวาสวัดขุนสมุทรฯบอกต่อไปว่า... หากเกิดภัยธรรมชาติอย่างที่กลัว ๆ กันขึ้น แล้วพื้นที่นี้ถูกหลงลืมว่าคือพื้นที่เสี่ยง-พื้นที่ที่ได้รับความเสียหายสูง ก็คงไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะทุกวันนี้ปัญหาเก่า ๆ ก็ยังไม่ปรากฏว่าจะมีแนวทางการแก้ไขอย่างเป็นรูปธรรม สิ่งที่ทำได้ในเวลานี้มีเพียงขอให้กำลังใจชาวบ้านไม่หด สติต้องไม่ตก จะได้พร้อมรับมือกับปัญหาอย่างมีปัญญา ซึ่ง ชุมชนและวัดคงไม่สามารถพึ่งพารัฐได้ "เพราะรอมานานมากแล้ว ถ้าเอาแต่รอป่านนี้วัดนี้ก็คงไม่เหลือให้เห็นแล้ว ก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน ประเทศที่เขาไม่มีพื้นดินเขาถมทะเลเพื่อจะสร้างพื้นดินเพิ่ม แต่บ้านเรามีพื้นดินกลับปล่อยให้เป็นทะเล หรือจะรอให้มันหายไปจากแผนที่ประเทศไทยก่อนก็ไม่รู้นะ" ...เจ้าอาวาสวัดขุนสมุทรฯกล่าว "ทะเลรุก-แผ่นดินหด" ดูแล้ว "ร้ายไม่แพ้สตอมเซอจ" ลำพังเพียงชุมชน-องค์กรท้องถิ่น...คงยากจะรับมือได้ ระดับรัฐบาลคงต้องสนับสนุนจังหวัด...จึงจะพอสู้ !!!.
|
|
|
|
ความคิดเห็นของคุณกับบทความนี้
...
|
|
|
Knowledge Center |
|
|
knowledge
|
|
|
|
|
|
|
|
|