กว่าจะประสบความสำเร็จเช่นนี้ ผู้บริหารต้องศึกษารูปแบบการพัฒนาตนเองเพื่อพัฒนางาน เพื่อให้สามารถจูงใจตนให้คนทำงาน ด้วยวิธีการดังต่อไปนี้คือศึกษา วิเคราะห์ตัวเอง พัฒนา เรียนรู้ และติดตามแผนที่แน่นอน ขั้นตอนของแผนภาวะผู้นำส่วนบุคคลของคุณรวมถึงการพัฒนาวิสัยทัศน์ การตั้งเป้าประสงค์ การพัฒนาความริเริ่ม ความมั่นใจในตัวเอง ความรับผิดชอบส่วนบุคคลภาพลักษณ์ที่ดี และการจัดระเบียบตัวเอง การกำจัดการผัดวันประกันพรุ่ง การศึกษา การขยายจุดแข็งของคุณ รูปแบบของภาวะผู้นํา คุณลักษณะความ สามารถ และทักษะผู้นํา การใช้ความสามารถและทักษะเหล่านี้อย่างมีประสิทธิผล ผู้นําจะทําให้สิ่งต่าง ๆ ลุล่วงไปในองค์การอย่างผิดธรรมดา มีความสามารถและทักษะภาวะผู้นําที่สําคัญห้าประเภทซึ่งได้แก่
1. ทักษะเชิงมโนทัศน์(conceptual)มีความจําเป็นเพื่อวิเคราะห์สถานการณ์และทําให้เกิดแนวความคิด การพัฒนาทักษะเชิงมโนทัศน์เกี่ยวข้องกับการวางตัวบุคคลในสถานการณ์ที่เขาอาจเผชิญในฐานะผู้นํา สิ่งเหล่านี้ได้แก่ทักษะการคิดซึ่งพัฒนาได้ยากกว่าทักษะทางเทคนิค อย่างไรก็ตามการใช้ "เกมการคิด (think games)" เพื่อแก้ปัญหาพยากรณ์เหตุการณ์ และตัดสินใจทําให้เราเรียนรู้ได้ง่ายขึ้น การมีวิสัยทัศน์ เป็นนักกระตุ้น กล้าตัดสินใจ ตรงไปตรงมา มีความสร้างสรรค์มีความกล้าหาญ เป็นนักเสี่ยง มีพันธะ มีความแน่วแน่และไม่ย่นย่อ มีความรู้สึกต่อความรีบด่วนและความริเริ่มติดตามจนจบ เป็นเจ้านายแห่งการเปลี่ยนแปลง ความฉลาด และความต้องการที่จะนำทักษะเชิงเทคนิครวมถึงการคัดเลือกพนักงาน มีความสามารถ เป็นนักสื่อความหมาย จัดการเวลา ตั้งเป้า ประสงค์และวางแผน ก่อให้เกิดความสำเร็จ ตอบสนองต่อความล้มเหลว และนำปัจเจกบุคคลและกลุ่ม
2. ทักษะเชิงเทคนิค (technical) เกี่ยวข้องกับ "การกระทํา (doing)" การปรับปรุงในทักษะเชิงเทคนิคอาจเกิดขึ้นกับการฝึกฝนในการพูดในที่สาธารณะ การบริหารเวลา และการใช้ระเบียบวิธีการประชุม ทักษะเชิงเทคนิคเป็นทักษะที่ได้มาง่ายที่สุด
3. ทักษะเชิงมโนทัศน์เทคนิคคุณสมบัติของภาวะผู้นําประเภทนี้อยู่ระหว่างทักษะเชิงมโนทัศน์และทักษะเชิงเทคนิค ความฉลาด ความสามารถในการแก้ปัญหา การตัดสินใจ ความรอบรู้ในการมอบอำนาจ เป็นนักฉวยโอกาส ยืนยันในความเป็นเลิศ ให้ผู้ใต้บังคับบัญชารับผิดชอบ แสดงความสนใจและความสามารถกว้าง ๆ
4. ทักษะเชิงมนุษยสัมพันธ์(human relations) มีความจําเป็นเพื่อเข้าใจและทํางานร่วมกับคนอื่น ทักษะเชิงมนุษยสัมพันธ์สัมพันธ์กับความสามารถในการทํางานร่วมกับคนอื่น ผู้นําควรได้รับการฝึกฝนในการทํางานกับคนอื่นภายในกลุ่มอย่างมีประสิทธิผล คน คือ รากฐานของกลุ่มทั้งหลาย ผู้นําสามารถติดต่อกับสมาชิกอย่างมีประสิทธิผล รวมถึงความซื่อสัตย์และบูรณาการ ความไวต่อความรู้สึก ความร่วมมือ ความยืดหยุ่น การสนับสนุน ความมั่นใจในตัวเอง ความรับผิดชอบการพึ่งพาตัวเอง และวุฒิภาวะทางอารมณ์ มีความสุขจากการทำงาน การเป็นผู้รับใช้ การเป็นตัวอย่าง ให้พบได้และพบเห็นได้ แสดงให้เห็นความมั่นใจในคน และการใช้อำนาจอย่างฉลาด
5. ทักษะเทคนิคมนุษยสัมพันธ์โดยทั่วไป ทักษะเชิงเทคนิค คือ ทักษะภาวะผู้นําที่ง่ายที่สุดในการพัฒนาและรักษาเอาไว้ ทักษะเชิงมโนทัศน์มีความยากลําบากในการเรียนรู้มากกว่าทักษะเชิงเทคนิค ทักษะเชิงมนุษยสัมพันธ์ คือ สิ่งจําเป็นสําหรับผู้นําทั้งหลาย มันไม่ได้ยากต่อการเรียนรู้ แต่มีแนวโน้มที่ผู้นำจะลืมทักษะเชิงมนุษย์สัมพันธ์เมื่อตกอยู่ภายใต้ความกดดันเพื่อทำกิจกรรมให้สำเร็จ ทักษะแต่ละประเภทมีความสำคัญต่องานทั้งหมดผู้นำบางคนเก่งในทักษะประเภทหนึ่งมากกว่าอีกประเภทหนึ่ง ผู้นำจะต้องมองเห็นความเฉลียวฉลาดและความสามารถของตัวเองและของสมาชิกเพื่อทำให้ผลิตภาพของกลุ่มบรรลุผลสูงสุด การประเมินสมาชิกอย่างแม่นยำทำให้ผู้นำสามารถจับคู่ทักษะของสมาชิกกับทักษะที่จำเป็นต่อการทำงาน
และผู้บริหารใช้เทคนิคในการจูงใจครูด้วยวิธี D-R-I-V-E ดังนี้
D Development การพัฒนาและฝึกอบรมเป็นวิธีการหนึ่งที่สามารถจูงใจครูให้ทำงานได้ คงไม่มีครูคนไหนอยากที่จะทำงานกับผู้บริหารที่ไม่เคยคิดที่จะส่งเสริมหรือ สนับสนุนให้พวกเค้ามีความรู้และความสามารถที่เพิ่มขึ้น ขอให้ผู้บริหารตระหนักไว้เสมอว่า ไม่ต้องกลัวครูจะเก่งหรือดีกว่าตนเอง แบบว่ากลัวครูจะเลื่อยขาเก้าอี้ จนเป็นเหตุให้ผู้บริหารไม่สนใจที่จะพัฒนาครูเลย ทั้งนี้การพัฒนาครูนั้นมีหลากหลายวิธีที่ผู้บริหารสามารถทำได้ เช่น *การสอนงาน (Coaching) : เพื่อให้ครูเข้าใจวิธีการ และขอบเขตหน้าที่งานที่ต้องรับผิดชอบ *การส่งครูเข้าฝึกอบรมกับหน่วยงานภายนอก (In House and Public Training) : เพื่อส่งเสริมให้ครูมีความรู้ ความเข้าใจมากขึ้น*การให้คำปรึกษาแนะนำ (Consulting) : เพื่อช่วยครูในการหาแนวทางแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น*การโยกย้ายสับเปลี่ยนงาน (Job Rotation) : เพื่อส่งเสริมให้ครูเกิดทักษะที่หลากหลาย (Multi-Skill) มากขึ้น
R Relationการสร้างสัมพันธภาพที่ดีกับและครูเป็นสิ่งที่หัวหน้างานไม่ควรเพิกเฉย เพราะสัมพันธภาพที่ดีจะทำให้ครูอุทิศและตั้งใจในการทำงานให้กับผู้บริหารอย่างจริงใจมิใช่การบังคับ ทั้งนี้วิธีการในการเสริมสร้างให้คุณเองมีสัมพันธภาพที่ดีกับครู เช่น การพาครูไปเลี้ยงอาหารกลางวันหรืออาหารเย็นเนื่องในโอกาสพิเศษซึ่งอาจจะ เป็นเลี้ยงวันเกิดเลี้ยงครูกรณีที่ได้รับการเลื่อนตำแหน่ง..หรือการเริ่มต้นทักทายครูก่อน ..หรือการถามเรื่องอื่น ๆ กับครูบ้างที่ไม่ใช่เรื่องงาน ..หรือการซื้อของฝากหรือของเล็ก ๆน้อย ๆให้ครูซึ่งไม่จำเป็นต้องรอให้ถึงวัน/โอกาสพิเศษ ..หรือการรับฟังและเสนอแนะแนวทางแก้ไขปัญหาของครูที่ไม่ใช่ปัญหาจากการทำงาน ..หรือการสร้างอารมณ์ขันกับครูการสร้างรอยยิ้มและเสียงหัวเราะกับครูบ้าง
I - Individual Motivation ครูแต่ละคนมีหลากหลายสไตล์ บางคนเงียบไม่ชอบแสดงออก บางคนชอบเอะอะโวยวาย บางคนคิดมาก บางคนขี้น้อยใจ ดังนั้นในฐานะผู้บริหารจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องวิเคราะห์ครูแต่ ละคนว่าพวกเค้ามีนิสัย บุคลิกลักษณะและความต้องการอย่างไร แต่ละคนจะมีแบบฉบับเฉพาะที่แตกต่างกันไป การจูงใจครูจึงย่อมต้องแตกต่างกันไปตามลักษณะนิสัยของแต่ละคน จงอย่าใช้วิธีการใดวิธีการหนึ่งกับครูหลาย ๆ คนที่มีความต่างกัน เช่น หากพบว่าครูชอบที่จะแสดงความคิดสร้างสรรค์ผู้บริหารควรจะมอบหมายงาน ที่ส่งเสริมให้พวกเค้าได้ใช้ความคิดและสามารถนำเสนอแนวคิดต่างๆ กับผู้บริหารได้ หรือหากครูเป็นคนชอบโวยวายเมื่อมีความคิดเห็นไม่ตรงกัน ในฐานะผู้บริหารควรจะสงบนิ่งและพูดคุยกับครูอย่างมีเหตุผลเพื่อจูงใจ ให้ครูเห็นด้วยกับ ผู้บริหาร
V - Verbal Communicationคุณรู้ไหมว่าคำพูดเปรียบเสมือนดาบสองคมที่ส่งผลทั้งด้านบวกและด้านลบกับตัว คุณเองในฐานะของผู้บริหาร บางครั้งการไม่พูดหรือนิ่งเฉย จะดูดีกว่าการพูดออกไป โดยเฉพาะคำพูดในทางลบที่อยากให้คุณจงหลีกเลี่ยง ได้แก่ คำพูดที่ประชดประชันเหน็บแนม คำพูดที่ออกคำสั่งโดยไม่มีเหตุผลคำพูดดูถูกความสามารถของครูคำพูดที่ปัด ความรับผิดชอบหรือโยนความผิดให้กับครูคำพูดที่นินทาครูลับหลังคำต่อว่าครูต่อหน้าเพื่อนร่วมงานหรือต่อ หน้าผู้อื่น จงพยายามเลือกใช้คำพูดทางบวกที่สร้างสรรค์และจูงใจครูให้อยากทำงานให้กับผู้บริหาร เช่น พูดชดเชยเมื่อครูทำงานสำเร็จพูดให้กำลังใจเมื่อครูวิตกกังวลหรือ เผชิญปัญหาพูดกล่าวแสดงความขอบคุณเมื่อครูทำงานให้พูดเสริมกำลังใจถึง ความเชื่อมั่นว่าครูสามารถทำงานนั้น ๆ ได้สำเร็จ
E - Environment Arrangementสภาพแวดล้อมในการทำงานเป็นสิ่งหนึ่งที่สามารถจูงใจให้ครูอยากทำงาน เพื่อมิให้ครูรู้สึกจำเจหรือเบื่อหน่ายกับสภาพแวดล้อมแบบเดิม ๆ พบว่ามีหลากหลายวิธีที่คุณสามารถเลือกใช้เพื่อสภาพแวดล้อมหรือบรรยากาศที่ดี ในการทำงาน เช่น การปรับเปลี่ยนรูปโฉมออฟฟิศใหม่ ไม่ว่าเป็นการจัดวางโต๊ะ เก้าอี้ใหม่..หรือการจัดหาอุปกรณ์อำนวยความสะดวกในการทำงานต่าง ๆ ให้พร้อมในการทำงาน..หรือการอนุญาตให้ครูเปิดเพลงเบา ๆ ฟังเพื่อคลายความตึงเครียดในการทำงาน..หรือการสร้างทีมงานให้เป็นทีมแห่ง การเรียนรู้เพื่อให้เกิดบรรยากาศในการเรียนรู้อย่างต่อเนื่องไม่ว่าจะเป็น การจัดตั้งทีมงานนักอ่านขึ้นโดยการมอบหมายให้ครูอ่านหนังสือที่เกี่ยวข้องกับงานของตนเองและนำมาเล่าให้เพื่อนร่วมงานฟัง ..หรือการจัดประชุมร่วมกันอาจเป็นเดือนละครั้งหรือสองครั้งตามความเหมาะสม เพื่อสร้างบรรยากาศในการทำงานเป็นทีมร่วมกันทั้งนี้คุณอาจใช้เวทีของการ ประชุมเพื่อแจ้งให้ครูรับทราบถึงนโยบายของโรงเรียนภารกิจหน้าที่ของทีมงาน และการให้ครูมีส่วนร่วมเสนอไอเดียใหม่ ๆเพื่อปรับปรุงระบบงานให้ดีขึ้น
ดังนั้นขอให้ผู้บริหารเริ่มสำรวจตัวเองนับแต่ตอนนี้ว่าได้ใส่ใจที่จะหาวิธี จูงใจครูให้ทำงานมากน้อยแค่ไหน ผู้บริหารที่มีทั้งศาสตร์ในการบริหารคนและศาสตร์ในการบริหารงานนั้นมักจะ เป็นผู้บริหารที่ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน ได้รับการยอมรับและความเคารพศรัทธาจากครูด้วยความจริงใจ