จุดเด่นของเราที่ผ่านHAรอบที่แล้วก็คือการช่วยกันดูแลคนไข้จากสาขาวิชาชีพต่างๆที่ช่วยเน้นบทบาทที่โดดเด่นของแต่ละสาขาวิชาชีพโดยไม่จำเป็นต้องไปดูพร้อมกันแต่สื่อสารกันด้วยการเขียนProgress noteถึงกัน ส่งผลให้เกิดการRound ward โดยแพทย์ พยาบาลทันตแพทย์ สุขภาพจิต เวชปฏิบัติครอบครัว กายภาพ เภสัชซึ่งขอให้การทำแบบนี้ยังคงอยู่หากจุดไหนตกหล่นไปบ้างก็ให้รีบดำเนินการตามเดิมนะครับ
และเมื่อดูแลเป็นทีมสหสาขาวิชาชีพแบบนี้แล้วก็มีการสุ่มเพื่อดูว่าการทำงานเป็นทีมในการดูแลผู้ป่วย มีการดูแลที่ครอบคลุมจริงไหมก็เลือกผู้ป่วยบางรายที่ซับซ้อนหรือมีโอกาสผิดพลาดมากมาทำการทบทวนเรียกว่าการทบทวนขณะดูแลผู้ป่วยหรือที่เรียกว่า Grand round ที่ทำทุกวันพุธบ่ายโดยทีมสหสาขาวิชาชีพครบทีม โดยการใช้แนวทาง 3CTHER+HELP
และเมื่อมีการดูแลผู้ป่วยไปแล้วและพบว่าเกิดภาวะแทรกซ้อนที่ไม่พึงประสงค์หรือผู้ป่วยเสียชีวิตไม่ว่าจากเหตุผลกลใดก็ตามเราก็จะนำผู้ป่วยรายนั้นมาทำการทบทวนเหตุการณ์สำคัญ เรียกว่า Dead case conference & Clinical case conference ซึ่งกำหนดไว้เดือนละ 2 ราย(แต่ถ้าเสียชีวิตเดิน 2 รายก็ทำทุกราย)ถ้าไม่มีเสียชีวิตก็นำรายที่มีปัญหาในการดูแลมาทำสลับกันไปของตึกชาย+ERกับตึกหญิง+LRเพื่อสรุปบทเรียนนำมาปรับปรุงแนวทางที่กำหนดไว้รายละเอียดส่วนใหญ่ถูกบันทึกไว้ในสมุดบันทึกการประชุมของPCT ถ้านำเอาแนวทางที่ตกลงกันไว้มาลงในเว็บน่าจะกระจายข่าวสารได้เร็วขึ้น มากขึ้น
และเมื่อมีข่าวทางหน้าหนังสือพิมพ์กรณีเกิดความผิดพลาดหรือภาวะแทรกซ้อนในการรักษาของโรงพยาบาลอื่นๆที่ตกเป็นข่าวเราก็จะเอามาเป็นบทเรียนเปรียบเทียบกับของโรงพยาบาลเราว่าเรามีโอกาสเกิดแบบนี้ไหมถ้ามี เราจะวางระบบป้องกันอย่างไร ถ้าไม่มีแน่ใจได้ว่าเพราะอะไรและระบบที่วางไว้มีการปฏิบัติจริงหรือไม่เช่นกรณีที่มีการทำฟันเด็กแล้วเกิดสภาพเจ้าชายนิทราทางทันตกรรมก็นำเอามาพิจารณาในระบบของทันตกรรมก็ทำให้มีระบบการดูแลคนไข้ขณะทำฟันร่วมกับการวางระบบดูแลหากเกิดการหยุดหายใจในห้องทันตกรรมจะมีทีมในการเข้าไปช่วยฟื้นคืนชีพและมีการซ้อมแผนช่วยฟื้นคืนชีพในห้องทันตกรรมด้วยเป็นการใช้บทเรียนจากความผิดพลาด(Lesson learned)ของผู้อื่น
และเมื่อมีรายงานความเสี่ยงของโรงพยาบาลที่เป็นความเสี่ยงจากการรักษาพยาบาลซึ่งเป็นความเสี่ยงทางคลินิกเราก็จะนำมาเป็นบทเรียนความผิดพลาดด้วยเช่นกัน เช่นเคยมีผู้ป่วยอุบัติเหตุมอเตอร์ไซด์ สลบไม่ไม่ทราบว่านานเท่าไหร่แต่มารู้สึกตัวดีที่โรงพยาบาล ตรวจร่างกายปกติ แพทย์จะให้นอนสังเกตอาการแต่ผู้ป่วยไม่ยอม แพทย์จึงให้ไปสังเกตอาการที่บ้านพอวันรุ่งขึ้นเสียชีวิตที่บ้านด้วยเรื่องเลือดคั่งในสมองแต่ไม่มีเรื่องวร้องเรียนโรงพยาบาลเนื่องจากโรงพยาบาลได้พยายามให้นอนโรงพยาบาลแล้วแต่ผู้ป่วยไม่ยอมนอนจากเรื่องนี้ทางองค์กรแพทย์และห้องฉุกเฉินจึงได้กำหนดเป็นแนวทางในการรับผู้ป่วยนอนโรงพยาบาลหากมีอุบัติเหตุสลบจะแนะนำให้ผู้ป่วยนอนสังเกตอาการในโรงพยาบาลหรือหากไม่ยอมนอนจริงๆหลังจากได้เอธิบายแล้วก็มีการแนะนำญาติในเรื่องการสังเกตอาการทางสมองและจัดทำใบสรุปคำแนะนำสำหรับสังเกตอาการทางสมองให้ไปด้วยเผื่อลืมที่แพทย์ได้อธิบายให้ฟังหรืออีกกรณีหนึ่งทราบว่าโรงพยาบาลข้างเคียงมีคนไข้เด็กท้องร่วมเสียชีวิตจากมาครั้งแรกให้ยากลับบ้าน มาอีกครั้งยังไม่ดีขึ้นเจอแพทย์อีกคนก็ให้ยากลับบ้านพอมาครั้งที่สามเด็กช็อคต้องเข้าICUและเสียชีวิตในวันรุ่งขึ้นจนมีเรื่องร้องเรียนกัน กับอีกกรณีหนึ่งเป็นของโรงพยาบาลบ้านตากเองพระรูปหนึ่งมาโรงพยาบาลด้วยปวดศีรษะแพทย์ตรวจไม่พบอาการผิดปกติทางสมองจึงให้ยาไปทานกลับวัดวันรุ่งขึ้นมาอีกด้วยเรื่องปวดหัวเหมือนเดิม แพทยืตรวจก็ปกติอีกให้ยาไปมานกลับวัดพอตอนเย็นมาด้วยเรื่องชักไม่รุ้สึกตัว แพทย์ได้ใส่ท่อหายใจดูแลเบื้องต้นแล้วส่งไปรักษาต่อในจังหวัดพอไปโรงพยาบาลจังหวัดได้สักพักก็รุ้สึกตัวและโชคดีที่ไม่เสียชีวิตแต่ศรัทธาญาติโยมก็ไม่พอใจโรงพยาบาลว่าคนไข้เป็นขนาดนี้ทำไมไม่ให้นอนโรงพยาบาลมาตั้ง 2 รอบแล้ว เกือบจะมีการเดินขบวนแต่เราได้ไปชี้แจงพูดคุยก่อนรวมทั้งพระปลอดภัยท่านได้บอกศรัทธาญาติโยมไปว่าท่านไม่ยอมนอนโรงพยาบาลเองและญาติสายตรงที่เฝ้าก็บอกว่าทางโรงพยาบาลและแพทย์ดูแลอย่างดีแล้วเหตุการณ์เลยสงบ จาก 2 ประเด็นตัวอย่างนี้ทำให้ได้แนวทางในการรับผู้ป่วนนอนโรงพยาบาลคือถ้ามาด้วยโรคเดิมหรืออาการเดิมเป็นครั้งที่สองต่อเนื่องกันให้รับผู้ป่วยไว้นอนโรงพยาบาลโดยแพทย์ต้องเป็นผู้บอกผู้ป่วยเองโดยไม่ต้องรอให้ผู้ป่วยร้องขอ
นอกจากนี้ยังเกิดสิ่งที่เรียกว่านวัตกรรมขึ้นในการดูแลความปลอดภัยของผู้ป่วย เช่นจากข่าวเด็กเล็กตกลงมาถูกแขวนคอกับเตียง ทางหอผู้ป่วยได้นำเอาผ้าปูเตียงมาทำเป็นอ้อมกอดแม่หรือหอผู้ป่วยชายก็ทำเป็นผ้าคลุมราวกั้นเตียงเพื่อกันเด็กตกและรอดราวกั้นเตียงหรือห้องผ่าตัดจัดทำผ้าวางเครื่องมือผ่าตัดโดยทำเป็นช่องวางที่มีชื่อและจำนวนของเครื่องมืออย่างเห็นได้ชัดเจนเพื่อกันการลืมเครื่องมือไว้ในท้องผู้ป่วย หรือห้องคลอดเห็นว่าการส่งต่อเด็กแรกเกิดอาจเกิดภาวะเด็กตัวเย็นได้ขณะส่งต่อก็เลยจัดทำผ้าห่มอุ่นไอรัก ขึ้นมาสำหรับห่อตัวเด็กขณะส่งต่อไปรักษาโรงพยาบาลอื่นเป็นต้น
หมายเหตุบันทึกนี้เขียนเพื่อชี้ประเด็นในการทำงานประจำที่ทำกันอยู่ให้ทีมงานของโรงพยาบาลบ้านตากอ่านเพื่อเตรียมตัวก่อนประเมินHAเนื่องจากหลายคนพอถูกถามก็จะนึกถึงสิ่งที่ทำไม่ออกกลายเป็นตอบไม่ได้ ผู้ประเมินก็เลยตีความว่าไม่ได้ทำไป น่าจะเป็นอย่างที่Snowden เขียนเป็นกฎข้อที่ 3 ไว้ว่า รู้มากกว่าที่พูดได้เขียนได้
ช่วงนี้ทีมงานของโรงพยาบาลบ้านตากก็เตรียมตัวรับการประเมินHAรอบสองอยู่วันนี้ทีมPCTก็นัดพูดคุยกัน พอดีผมไปบรรยายที่พิษณุโลกกลับมาก็เกือบจะเลิกกันแล้วเขาก็ถามผมว่าน่าจะตอบแบบไหนผมก็ยกตัวอย่างและเล่าให้เขาฟังซึ่งเป็นสิ่งที่ททีมงานทำมาอยู่แล้ว
เมื่อประมาณ 6 เดือนก่อนเรามีคนไข้เด็กชายอายุ 7 ปีเป็นโรคสมองพิการแต่กำเนิดมาด้วยเรื่องไข้สูง ไอ มีเสมหะหอบเหนื่อยได้รับการวินิจฉัยเป็นโรคปอดบวมเด็กไม่สามารถสื่อสารพูดคุยกับคนอื่นรู้เรื่องยกเว้นพี่สาวของเด็กที่อายุ 10 ปี ทำให้พี่สาวต้องมาคอยเฝ้าน้องชายตลอดและต้องขาดโรงเรียนผู้ป่วยรายนี้ได้รับการทำกายภาพบำบัดด้วยการเคาะปอดจากนักกายภาพบำบัดมีการประเมินพัฒนาการโดยพยาบาลเด็ก และทางพยาบาลสุขภาพจิตได้เข้าไปประเมินครอบครัวทำให้ได้ข้อมูลเพิ่มเติมว่าเด็กทั้งสองคนอยู่กับตายายที่อายุ 70 กว่าแล้ว ส่วนแม่กับพ่อแยกทางกัน ไม่รู้ว่าพ่ออยู่ที่ไหนแม่มีสามีใหม่และพบว่าแม่เพิ่งเสียชีวิตเมื่อ 2 เดือนก่อนด้วยโรคเอดส์และเด็กผู้หญิงเคยถูกลวนลามทางเพศจากพ่อน้าจากคำบอกล่าของเพื่อนบ้านเมื่อได้ข้อมูลดังกล่าวทีมดูแลผู้ป่วยก็ได้มีการประสานกับทางโรงเรียน ทาง อบต.ทางประชาสงเคราะห์จังหวัดเพื่อให้การช่วยเหลือครอบครัวเป็นการช่วยเหลือทางสังคมแก่เด็กทั้งสองคนและตายายที่สูงอายุเช่นมีจักยานให้ขี่ไปโรงเรียนเพื่อช่วงพักกลางวันจะได้กลับมาดูแลน้องที่บ้านได้ได้เงินสงเคราะห์จากอบต.ทั้งผู้ป่วยและตายายได้ทุนการศึกษาจากโรงเรียนและเงินช่วยเหลือจากประชาสงเคราะห์จังหวัดและขณะอยู่โรงพยาบาลก็ได้สอนแนะนำตายายกับพี่สาวในการดูแลผู้ป่วยการช่วยกระตุ้นพัฒนาการของผู้ป่วยการดูแลเพื่อไม่ให้เกิดการสำลักอาหารจนเกิดเป็นปอดบวมมาอีกพร้อมกันนี้เมื่อจำหน่ายกลับบ้านก็มีทีมHome health care ตามไปดูร่วมกับทีมงานของสถานีอนามัยเพื่อให้การดูแลต่อเนื่องและประเมินสภาพที่บ้านเพื่อจะได้ให้คำแนะนำที่ตรงกับวิถีชีวิตของผู้ป่วยพบว่าเด็กได้รับการดูแลที่บ้านดีขึ้นและไม่ได้ป่วยเป็นปอดบวมมาอีกในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมาและพี่สาวก็ได้ไปเรียนหนังสือได้มากขึ้น
จากตัวอย่างนี้จะชี้ให้เห็นถึงการดูแลแบบผสมผสานโดยทีมแพทย์พยาบาล สุขภาพจิต กายภาพบำบัด สังคมสงเคราะห์ ทีมชุมชนและดูทั้งร่างกาย(ปอดบวม)จิตใจ(จากการช่วยประคับประคองสภาพจิตใจของผู้ป่วย พี่สาวและตายายทำให้พี่สาวรอดพ้นจากการล่วงละเมิดทางเพศ) ทางสังคม(ช่วยเรื่องความเป็นอยู่รายได้และขอความร่วมมือจากชุมชนช่วยกันดูแลเด็กทั้งสองคนด้วย)และเชาว์ปัญญา(ให้พี่สาวได้รู้วิธีการดูแลและกระตุ้นพัฒนาการของน้อง)เป็นต้น
ในการตอบคำถามหรือเล่าเรื่องให้ผู้เยี่ยมสำรวจคุณภาพทราบนั้นควรจะเล่าให้เห็นถึงสิ่งที่เราทำโดยเฉพาะการที่เราพยายามทำแบบผสมผสานและองค์รวม(ซึ่งเป็นพันธกิจวิสัยทัศน์ของโรงพยาบาล)และชี้ให้เห็นการเรียนรู้และพัฒนาคุณภาพอย่างต่อเนื่องโดยมีนวัตกรรมตามรอยและวัดผลคุณภาพทั้งนี้มีการเชื่อมการดูแลผู้ป่วยด้วยทีมโรงพยาบาลและทีมในชุมชนเข้าหากันด้วยทีมHome health care
นอกจากนี้ทีมHome health care ยังเป็นตัวช่วยประเมินความเข้าใจและความถูกต้องในการแนะนำของเราให้กับผู้ป่วยว่ากลับไปบ้านแล้วเขาทำได้ถูกต้องหรือไม่กับติดตามดูว่าคำแนะนำของแพทย์และพยาบาลในโรงพยาบาลที่ให้คนไข้กับญาติไปนั้นเหมาะกับวิถีชีวิตหรือความเป็นอยู่(Life style)ของคนไข้หรือไม่ ถ้าไม่เหมาะสมจะได้ปรับปรุงให้เหมาะกับเขารวมทั้งเป็นการสรางความมั่นใจให้ทีมสถานีอนามัยในพื้นที่ที่จะดูแลติดตามเยี่ยมบ้านผู้ป่วยต่อไป
ในส่วนของการดูแลเป็นทีมสหสาขาวิชาชีพนั้นเป็นเรื่องปกติที่เราช่วยกันดูทุกวิชาชีพอยู่แล้วและจะมีการติดตามว่าทำได้ครอบคลุมตาม3CTHER+HELPหรือไม่ผ่านทางการทำGrand roundกับCase conference
การทำงานเป็นทีมสหสาขาวิชาชีพในโรงพยาบาลบ้านตาก
น่าจะเป็นอย่างที่Snowden เขียนเป็นกฎข้อที่ 3 ไว้ว่า รู้มากกว่าที่พูดได้เขียนได้
จุดเด่นของเราที่ผ่านHAรอบที่แล้วก็คือการช่วยกันดูแลคนไข้จากสาขาวิชาชีพต่างๆที่ช่วยเน้นบทบาทที่โดดเด่นของแต่ละสาขาวิชาชีพโดยไม่จำเป็นต้องไปดูพร้อมกันแต่สื่อสารกันด้วยการเขียนProgress noteถึงกัน ส่งผลให้เกิดการRound ward โดยแพทย์ พยาบาลทันตแพทย์ สุขภาพจิต เวชปฏิบัติครอบครัว กายภาพ เภสัชซึ่งขอให้การทำแบบนี้ยังคงอยู่หากจุดไหนตกหล่นไปบ้างก็ให้รีบดำเนินการตามเดิมนะครับ
และเมื่อดูแลเป็นทีมสหสาขาวิชาชีพแบบนี้แล้วก็มีการสุ่มเพื่อดูว่าการทำงานเป็นทีมในการดูแลผู้ป่วย มีการดูแลที่ครอบคลุมจริงไหมก็เลือกผู้ป่วยบางรายที่ซับซ้อนหรือมีโอกาสผิดพลาดมากมาทำการทบทวนเรียกว่าการทบทวนขณะดูแลผู้ป่วยหรือที่เรียกว่า Grand round ที่ทำทุกวันพุธบ่ายโดยทีมสหสาขาวิชาชีพครบทีม โดยการใช้แนวทาง 3CTHER+HELP
และเมื่อมีการดูแลผู้ป่วยไปแล้วและพบว่าเกิดภาวะแทรกซ้อนที่ไม่พึงประสงค์หรือผู้ป่วยเสียชีวิตไม่ว่าจากเหตุผลกลใดก็ตามเราก็จะนำผู้ป่วยรายนั้นมาทำการทบทวนเหตุการณ์สำคัญ เรียกว่า Dead case conference & Clinical case conference ซึ่งกำหนดไว้เดือนละ 2 ราย(แต่ถ้าเสียชีวิตเดิน 2 รายก็ทำทุกราย)ถ้าไม่มีเสียชีวิตก็นำรายที่มีปัญหาในการดูแลมาทำสลับกันไปของตึกชาย+ERกับตึกหญิง+LRเพื่อสรุปบทเรียนนำมาปรับปรุงแนวทางที่กำหนดไว้รายละเอียดส่วนใหญ่ถูกบันทึกไว้ในสมุดบันทึกการประชุมของPCT ถ้านำเอาแนวทางที่ตกลงกันไว้มาลงในเว็บน่าจะกระจายข่าวสารได้เร็วขึ้น มากขึ้น
และเมื่อมีข่าวทางหน้าหนังสือพิมพ์กรณีเกิดความผิดพลาดหรือภาวะแทรกซ้อนในการรักษาของโรงพยาบาลอื่นๆที่ตกเป็นข่าวเราก็จะเอามาเป็นบทเรียนเปรียบเทียบกับของโรงพยาบาลเราว่าเรามีโอกาสเกิดแบบนี้ไหมถ้ามี เราจะวางระบบป้องกันอย่างไร ถ้าไม่มีแน่ใจได้ว่าเพราะอะไรและระบบที่วางไว้มีการปฏิบัติจริงหรือไม่เช่นกรณีที่มีการทำฟันเด็กแล้วเกิดสภาพเจ้าชายนิทราทางทันตกรรมก็นำเอามาพิจารณาในระบบของทันตกรรมก็ทำให้มีระบบการดูแลคนไข้ขณะทำฟันร่วมกับการวางระบบดูแลหากเกิดการหยุดหายใจในห้องทันตกรรมจะมีทีมในการเข้าไปช่วยฟื้นคืนชีพและมีการซ้อมแผนช่วยฟื้นคืนชีพในห้องทันตกรรมด้วยเป็นการใช้บทเรียนจากความผิดพลาด(Lesson learned)ของผู้อื่น
และเมื่อมีรายงานความเสี่ยงของโรงพยาบาลที่เป็นความเสี่ยงจากการรักษาพยาบาลซึ่งเป็นความเสี่ยงทางคลินิกเราก็จะนำมาเป็นบทเรียนความผิดพลาดด้วยเช่นกัน เช่นเคยมีผู้ป่วยอุบัติเหตุมอเตอร์ไซด์ สลบไม่ไม่ทราบว่านานเท่าไหร่แต่มารู้สึกตัวดีที่โรงพยาบาล ตรวจร่างกายปกติ แพทย์จะให้นอนสังเกตอาการแต่ผู้ป่วยไม่ยอม แพทย์จึงให้ไปสังเกตอาการที่บ้านพอวันรุ่งขึ้นเสียชีวิตที่บ้านด้วยเรื่องเลือดคั่งในสมองแต่ไม่มีเรื่องวร้องเรียนโรงพยาบาลเนื่องจากโรงพยาบาลได้พยายามให้นอนโรงพยาบาลแล้วแต่ผู้ป่วยไม่ยอมนอนจากเรื่องนี้ทางองค์กรแพทย์และห้องฉุกเฉินจึงได้กำหนดเป็นแนวทางในการรับผู้ป่วยนอนโรงพยาบาลหากมีอุบัติเหตุสลบจะแนะนำให้ผู้ป่วยนอนสังเกตอาการในโรงพยาบาลหรือหากไม่ยอมนอนจริงๆหลังจากได้เอธิบายแล้วก็มีการแนะนำญาติในเรื่องการสังเกตอาการทางสมองและจัดทำใบสรุปคำแนะนำสำหรับสังเกตอาการทางสมองให้ไปด้วยเผื่อลืมที่แพทย์ได้อธิบายให้ฟังหรืออีกกรณีหนึ่งทราบว่าโรงพยาบาลข้างเคียงมีคนไข้เด็กท้องร่วมเสียชีวิตจากมาครั้งแรกให้ยากลับบ้าน มาอีกครั้งยังไม่ดีขึ้นเจอแพทย์อีกคนก็ให้ยากลับบ้านพอมาครั้งที่สามเด็กช็อคต้องเข้าICUและเสียชีวิตในวันรุ่งขึ้นจนมีเรื่องร้องเรียนกัน กับอีกกรณีหนึ่งเป็นของโรงพยาบาลบ้านตากเองพระรูปหนึ่งมาโรงพยาบาลด้วยปวดศีรษะแพทย์ตรวจไม่พบอาการผิดปกติทางสมองจึงให้ยาไปทานกลับวัดวันรุ่งขึ้นมาอีกด้วยเรื่องปวดหัวเหมือนเดิม แพทยืตรวจก็ปกติอีกให้ยาไปมานกลับวัดพอตอนเย็นมาด้วยเรื่องชักไม่รุ้สึกตัว แพทย์ได้ใส่ท่อหายใจดูแลเบื้องต้นแล้วส่งไปรักษาต่อในจังหวัดพอไปโรงพยาบาลจังหวัดได้สักพักก็รุ้สึกตัวและโชคดีที่ไม่เสียชีวิตแต่ศรัทธาญาติโยมก็ไม่พอใจโรงพยาบาลว่าคนไข้เป็นขนาดนี้ทำไมไม่ให้นอนโรงพยาบาลมาตั้ง 2 รอบแล้ว เกือบจะมีการเดินขบวนแต่เราได้ไปชี้แจงพูดคุยก่อนรวมทั้งพระปลอดภัยท่านได้บอกศรัทธาญาติโยมไปว่าท่านไม่ยอมนอนโรงพยาบาลเองและญาติสายตรงที่เฝ้าก็บอกว่าทางโรงพยาบาลและแพทย์ดูแลอย่างดีแล้วเหตุการณ์เลยสงบ จาก 2 ประเด็นตัวอย่างนี้ทำให้ได้แนวทางในการรับผู้ป่วนนอนโรงพยาบาลคือถ้ามาด้วยโรคเดิมหรืออาการเดิมเป็นครั้งที่สองต่อเนื่องกันให้รับผู้ป่วยไว้นอนโรงพยาบาลโดยแพทย์ต้องเป็นผู้บอกผู้ป่วยเองโดยไม่ต้องรอให้ผู้ป่วยร้องขอ
นอกจากนี้ยังเกิดสิ่งที่เรียกว่านวัตกรรมขึ้นในการดูแลความปลอดภัยของผู้ป่วย เช่นจากข่าวเด็กเล็กตกลงมาถูกแขวนคอกับเตียง ทางหอผู้ป่วยได้นำเอาผ้าปูเตียงมาทำเป็นอ้อมกอดแม่หรือหอผู้ป่วยชายก็ทำเป็นผ้าคลุมราวกั้นเตียงเพื่อกันเด็กตกและรอดราวกั้นเตียงหรือห้องผ่าตัดจัดทำผ้าวางเครื่องมือผ่าตัดโดยทำเป็นช่องวางที่มีชื่อและจำนวนของเครื่องมืออย่างเห็นได้ชัดเจนเพื่อกันการลืมเครื่องมือไว้ในท้องผู้ป่วย หรือห้องคลอดเห็นว่าการส่งต่อเด็กแรกเกิดอาจเกิดภาวะเด็กตัวเย็นได้ขณะส่งต่อก็เลยจัดทำผ้าห่มอุ่นไอรัก ขึ้นมาสำหรับห่อตัวเด็กขณะส่งต่อไปรักษาโรงพยาบาลอื่นเป็นต้น
หมายเหตุบันทึกนี้เขียนเพื่อชี้ประเด็นในการทำงานประจำที่ทำกันอยู่ให้ทีมงานของโรงพยาบาลบ้านตากอ่านเพื่อเตรียมตัวก่อนประเมินHAเนื่องจากหลายคนพอถูกถามก็จะนึกถึงสิ่งที่ทำไม่ออกกลายเป็นตอบไม่ได้ ผู้ประเมินก็เลยตีความว่าไม่ได้ทำไป น่าจะเป็นอย่างที่Snowden เขียนเป็นกฎข้อที่ 3 ไว้ว่า รู้มากกว่าที่พูดได้เขียนได้
ช่วงนี้ทีมงานของโรงพยาบาลบ้านตากก็เตรียมตัวรับการประเมินHAรอบสองอยู่วันนี้ทีมPCTก็นัดพูดคุยกัน พอดีผมไปบรรยายที่พิษณุโลกกลับมาก็เกือบจะเลิกกันแล้วเขาก็ถามผมว่าน่าจะตอบแบบไหนผมก็ยกตัวอย่างและเล่าให้เขาฟังซึ่งเป็นสิ่งที่ททีมงานทำมาอยู่แล้ว
เมื่อประมาณ 6 เดือนก่อนเรามีคนไข้เด็กชายอายุ 7 ปีเป็นโรคสมองพิการแต่กำเนิดมาด้วยเรื่องไข้สูง ไอ มีเสมหะหอบเหนื่อยได้รับการวินิจฉัยเป็นโรคปอดบวมเด็กไม่สามารถสื่อสารพูดคุยกับคนอื่นรู้เรื่องยกเว้นพี่สาวของเด็กที่อายุ 10 ปี ทำให้พี่สาวต้องมาคอยเฝ้าน้องชายตลอดและต้องขาดโรงเรียนผู้ป่วยรายนี้ได้รับการทำกายภาพบำบัดด้วยการเคาะปอดจากนักกายภาพบำบัดมีการประเมินพัฒนาการโดยพยาบาลเด็ก และทางพยาบาลสุขภาพจิตได้เข้าไปประเมินครอบครัวทำให้ได้ข้อมูลเพิ่มเติมว่าเด็กทั้งสองคนอยู่กับตายายที่อายุ 70 กว่าแล้ว ส่วนแม่กับพ่อแยกทางกัน ไม่รู้ว่าพ่ออยู่ที่ไหนแม่มีสามีใหม่และพบว่าแม่เพิ่งเสียชีวิตเมื่อ 2 เดือนก่อนด้วยโรคเอดส์และเด็กผู้หญิงเคยถูกลวนลามทางเพศจากพ่อน้าจากคำบอกล่าของเพื่อนบ้านเมื่อได้ข้อมูลดังกล่าวทีมดูแลผู้ป่วยก็ได้มีการประสานกับทางโรงเรียน ทาง อบต.ทางประชาสงเคราะห์จังหวัดเพื่อให้การช่วยเหลือครอบครัวเป็นการช่วยเหลือทางสังคมแก่เด็กทั้งสองคนและตายายที่สูงอายุเช่นมีจักยานให้ขี่ไปโรงเรียนเพื่อช่วงพักกลางวันจะได้กลับมาดูแลน้องที่บ้านได้ได้เงินสงเคราะห์จากอบต.ทั้งผู้ป่วยและตายายได้ทุนการศึกษาจากโรงเรียนและเงินช่วยเหลือจากประชาสงเคราะห์จังหวัดและขณะอยู่โรงพยาบาลก็ได้สอนแนะนำตายายกับพี่สาวในการดูแลผู้ป่วยการช่วยกระตุ้นพัฒนาการของผู้ป่วยการดูแลเพื่อไม่ให้เกิดการสำลักอาหารจนเกิดเป็นปอดบวมมาอีกพร้อมกันนี้เมื่อจำหน่ายกลับบ้านก็มีทีมHome health care ตามไปดูร่วมกับทีมงานของสถานีอนามัยเพื่อให้การดูแลต่อเนื่องและประเมินสภาพที่บ้านเพื่อจะได้ให้คำแนะนำที่ตรงกับวิถีชีวิตของผู้ป่วยพบว่าเด็กได้รับการดูแลที่บ้านดีขึ้นและไม่ได้ป่วยเป็นปอดบวมมาอีกในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมาและพี่สาวก็ได้ไปเรียนหนังสือได้มากขึ้น
จากตัวอย่างนี้จะชี้ให้เห็นถึงการดูแลแบบผสมผสานโดยทีมแพทย์พยาบาล สุขภาพจิต กายภาพบำบัด สังคมสงเคราะห์ ทีมชุมชนและดูทั้งร่างกาย(ปอดบวม)จิตใจ(จากการช่วยประคับประคองสภาพจิตใจของผู้ป่วย พี่สาวและตายายทำให้พี่สาวรอดพ้นจากการล่วงละเมิดทางเพศ) ทางสังคม(ช่วยเรื่องความเป็นอยู่รายได้และขอความร่วมมือจากชุมชนช่วยกันดูแลเด็กทั้งสองคนด้วย)และเชาว์ปัญญา(ให้พี่สาวได้รู้วิธีการดูแลและกระตุ้นพัฒนาการของน้อง)เป็นต้น
ในการตอบคำถามหรือเล่าเรื่องให้ผู้เยี่ยมสำรวจคุณภาพทราบนั้นควรจะเล่าให้เห็นถึงสิ่งที่เราทำโดยเฉพาะการที่เราพยายามทำแบบผสมผสานและองค์รวม(ซึ่งเป็นพันธกิจวิสัยทัศน์ของโรงพยาบาล)และชี้ให้เห็นการเรียนรู้และพัฒนาคุณภาพอย่างต่อเนื่องโดยมีนวัตกรรมตามรอยและวัดผลคุณภาพทั้งนี้มีการเชื่อมการดูแลผู้ป่วยด้วยทีมโรงพยาบาลและทีมในชุมชนเข้าหากันด้วยทีมHome health care
นอกจากนี้ทีมHome health care ยังเป็นตัวช่วยประเมินความเข้าใจและความถูกต้องในการแนะนำของเราให้กับผู้ป่วยว่ากลับไปบ้านแล้วเขาทำได้ถูกต้องหรือไม่กับติดตามดูว่าคำแนะนำของแพทย์และพยาบาลในโรงพยาบาลที่ให้คนไข้กับญาติไปนั้นเหมาะกับวิถีชีวิตหรือความเป็นอยู่(Life style)ของคนไข้หรือไม่ ถ้าไม่เหมาะสมจะได้ปรับปรุงให้เหมาะกับเขารวมทั้งเป็นการสรางความมั่นใจให้ทีมสถานีอนามัยในพื้นที่ที่จะดูแลติดตามเยี่ยมบ้านผู้ป่วยต่อไป
ในส่วนของการดูแลเป็นทีมสหสาขาวิชาชีพนั้นเป็นเรื่องปกติที่เราช่วยกันดูทุกวิชาชีพอยู่แล้วและจะมีการติดตามว่าทำได้ครอบคลุมตาม3CTHER+HELPหรือไม่ผ่านทางการทำGrand roundกับCase conference
การทำงานเป็นทีมสหสาขาวิชาชีพในโรงพยาบาลบ้านตาก
น่าจะเป็นอย่างที่Snowden เขียนเป็นกฎข้อที่ 3 ไว้ว่า รู้มากกว่าที่พูดได้เขียนได้
จุดเด่นของเราที่ผ่านHAรอบที่แล้วก็คือการช่วยกันดูแลคนไข้จากสาขาวิชาชีพต่างๆที่ช่วยเน้นบทบาทที่โดดเด่นของแต่ละสาขาวิชาชีพโดยไม่จำเป็นต้องไปดูพร้อมกันแต่สื่อสารกันด้วยการเขียนProgress noteถึงกัน ส่งผลให้เกิดการRound ward โดยแพทย์ พยาบาลทันตแพทย์ สุขภาพจิต เวชปฏิบัติครอบครัว กายภาพ เภสัชซึ่งขอให้การทำแบบนี้ยังคงอยู่หากจุดไหนตกหล่นไปบ้างก็ให้รีบดำเนินการตามเดิมนะครับ
และเมื่อดูแลเป็นทีมสหสาขาวิชาชีพแบบนี้แล้วก็มีการสุ่มเพื่อดูว่าการทำงานเป็นทีมในการดูแลผู้ป่วย มีการดูแลที่ครอบคลุมจริงไหมก็เลือกผู้ป่วยบางรายที่ซับซ้อนหรือมีโอกาสผิดพลาดมากมาทำการทบทวนเรียกว่าการทบทวนขณะดูแลผู้ป่วยหรือที่เรียกว่า Grand round ที่ทำทุกวันพุธบ่ายโดยทีมสหสาขาวิชาชีพครบทีม โดยการใช้แนวทาง 3CTHER+HELP