ปรกติธรรมดานี่ สองสามปีต่อเนื่องที่ผ่านมา วันนี้น้ำที่ทุ่งนาหนองใหญ่ติดท้ายเรือนตูข้านี่ น้ำจะเอ่อท่วมปริ่มสูงขึ้นมาแทบจะล้นนองถนนคนเดินนั่นเลยทีเดียว แต่ฤดูนาปีนี้ วันนี้แผ่นดินนาหนองใหญ่กลับยังแห้งผากไม่มีน้ำ แห้งเป็นฝุ่นดินระแหงอยู่เลย
"พวกเฮาต้องรวมตัวรวมพลังกัน เพื่อไปยื่นเรื่องขอรับความช่วยเหลือ.......ไม่งั้นพวกเฮาเคยอยู่แบบไหน ก็จะเป็นแบบนั้นไม่มีอะไรดีขึ้นล่ะ"
ท่าน"จิตอิสระ" พระลูกวัดผู้ใส่ใจต่อสารทุกข์สุกดิบของญาติโยมกล่าวขึ้นหลังฉันจังหันเช้าเสร็จสรรพ ข้าวทุกคำน้ำทุกกลืนที่คณะศรัทธาสาธุชนนำไปใส่บาตรทำบุญเป็นตัวกระตุ้นให้พระรูปนี้ตระหนักถึงความเดือดร้อนของหมู่ญาติโยมเป็นยิ่งนัก บ้านกับวัดเป็นของคู่กันอยู่ด้วยกันมาตลอด หากข้างใดข้างหนึ่งมีความเดือดร้อนย่อมส่งผลกระทบต่ออีกฝ่ายข้างหนึ่งอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้แน่นอน และเวลานี้ที่เป็นและเห็นอยู่นี่คือการขาดแคลนน้ำสำหรับทำนาของชาวบ้าน แล้งไม่มีน้ำจากฟ้าประทานมาให้เมื่อชาวนาไม่ได้ทำนาข้าวก็จะไม่มีกิน ชาวนาไม่มีข้าวกินชาววัดอย่างพระแลเณรก็จะพลอยอด ลำบากไปด้วย อ๊ะ.....อย่ากระนั้นเลยสิ่งใดอันใดพอจะผ่อนเบาทุเลาแรงช่วยกันได้ พระอย่างท่านจิตเป็นต้องเสนอแนะแนวคิดเพื่อเข้าไปร่วมขจัดปัดเป่าทุกข์ของชาวบ้านล่ะ
" ไม่ใช่เรื่องของพระ ไม่น่าจะเข้ามายุ่งเกี่ยวด้วยหรอก"
หลายคำ หลายปากที่เป็นคำกระแนะกระแหนต่อการล้วงลูกเข้าไปจัดการต่อกรณีปัญหาให้กับชาวบ้านโดยท่านจิตอิสระ ก็เป็นเพียงหลายคำหลายปากจากส่วนของหมู่คณะผู้นำทางการของหมู่บ้านเป็นต้นว่าผู้ใหญ่บ้าน ผู้ช่วยหรือ อบต.บางคนเท่านั้น แต่ก็ยังมีอีกหลายๆปากหลายๆคำที่บอกว่าดีแล้วที่พระท่านยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ
"ผู้นำหมู่บ้านของพวกเรา ก็ซำ ล่อฝ้ายนี่"
เพราะเหตุแห่งผู้นำ "ซำล่อฝ้าย" ** เลยทำให้ทางฝ่ายพระผู้บิณฑบาตโปรดสัตว์นิ่งทนดูเหตุแห่งการติดขัด ลำบากของญาติโยมไม่ได้ ทนไม่ไหวพระอย่างท่านจิตต้องพลอยอึดอัดขัดข้องไปด้วย ข้าวทุกคำน้ำทุกกลืนที่ตกลงไปในกระเพาะอาหารของพระแลเณรคือแรงงานของหมู่ชาวนาญาติโยมผู้อุปัฏฐากศาสนา ไม่ได้อะไรที่พอจะผ่อนเบาแรงชาวบ้านได้พระต้องช่วย ท่านจิตอิสระประนมมือยกไหว้นิ้วหัวแม่มือทั้งคู่ชนชิดติดหว่างหัวคิ้วทั้งสอง แล้วเลื่อนบาตรข้าวไปทางซ้ายมือ เณรน้อยเข้ามาประคองอุ้มบาตรรับออกไป ยามเช้าในวันปรกติที่ไม่ใช่วันพระผู้มาทำบุญใส่บาตรส่วนใหญ่ก็จะเป็นญาติโยมขาประจำที่เป็นหมู่ญาติๆนั่นแหละและก็จะป็นผู้หญิงซะส่วนมาก อ๊ะ....แอ้ม .ม.ม......หลังพระบอกกล่าวเรื่องให้ชาวบ้านมารวมตัวกันเพื่อยื่นเรื่องขอรับความช่วยเหลือ หมู่คณะญาติโยมที่นั่งรวมตัวกันอยู่พักชั้นล่างลงมาจากชั้นของหมู่พระเณรที่นั่งฉันอยู่ก็พากันพูดคุยซุบซิบกันอึงอลไป เรื่องนาแล้งขาดน้ำสำหรับหว่านข้าวกล้า
"นั่น ล่ะอาจารย์เอ้ย เฮ็ดจังใด๋ก็ขอให้เฮ็ดช่วยชาวบ้านแนเด้อ ขอให้มีน้ำตกกล้าก่อนเด้อ"
"มาโล้ด.......ให้พวกโยมที่ฟังเหตุอยู่นี่ล่ะไปเว้ากัน บอกกันเอิ้นชาวบ้าน เอิ้นพวกผู้นำมาเว้ากันประชุมกัน แล้วก็ลงลายชื่อพิมพ์หนังสือส่งเรื่องไป มีอยู่คนดี คนเก่งแล้วเขาก็เป็นผู้กล้าที่จะนำพาเหตุแห่งความเดือดร้อนไปให้พวกมีอำนาจ มาช่วยเหลือบ้านเฮา ไปบอกไปเอิ้นกันมาหลายๆ"
พวกคณะศรัทธาพากันฮือฮา กับคำพูดของพระเกรียวกราว และก็พากันลงความเห็นว่าต้องเอา ต้องทำอย่างที่พระชี้แนะนั่นแหละ เพื่อนาจะได้มีน้ำสำหรับทำนา......ไปๆพวกเฮาไปเอิ้นกัน ไปบอกกันมาเว้ากัน ประชุมกันทั้งชาวบ้านและผู้นำพูดกันตกลงกันจะได้ลงลายมือชื่อส่งให้พระ ท่านจะได้มอบหนังสือลายมือของพวกเราให้กับเขาผู้นั้น (คนดี เก่ง กล้า) ไปเดินเรื่องกับผู้มีอำนาจให้มาช่วยเหลือพวกเราชาวนา จะได้มีน้ำทำนามีข้าวกินในปีนี้
" ซาธุ.....อาจารย์เอ้ยอย่างใด๋ๆก็ฝากทางพระนี่แหละให้ช่วยเหลือพวกเฮาจะได้เฮ็ดนากิน เด้ออาจารย์เด้อ"
หลังพวกชาวบ้านพากันกลับเข้าหมู่บ้านไป ท่านจิตอิสระก้มลงกราบพระประธานแบบเบ็ญจางคประดิษฐ์
" ซาธุ.......ข้าแต่พระองค์ผู้ประเสริฐ์แล้ว เลิศแล้วในทางธรรม กรรมอันใดที่ข้าพระองค์ได้กระทำลงไป สำหรับคนหมู่ผู้ทุกข์ยากทั้งกายวาจาก็ดี กรรมทั้งหลายเหล่านั้นข้าพระองค์ยินดีน้อมรับโดยดุษณี ทุกประการ.......ซาธุ"
กราบเรียบร้อยแล้ว ท่านจิตลุกขึ้นเดินไปยังระเบียงศาลา
"ข้าวเหลือเยอะเด้อ มื้อนี้เอาโปรยข้ามรั้วให้ไก่และหมาชาวบ้านด้วยเณร"
แผ่นดินแห้ง ใจพระก็แห้งด้วย.
ปล."ซำล่อฝ้าย" หมายถึง มีค่า มีกำลังน้อยนิด อ่อนแอปวกเปียก ต่อกรกับใครไม่ไหว.
|