หน้าแรก เขียนใบสมัครงาน ลงโฆษณางาน ค้นหาใบสมัครงาน คู่มือการใช้งาน Menu

สนใจลงโฆษณา โทร. 02-275-1900, 02-612-4900, 038-395000

space
   ค้นบ่อย : หางานบัญชี, หางานธุรการ, หางานจัดซื้อ, หางานผู้จัดการ, หางานขับรถ, หางานบุคคล, หางานคลังสินค้า, หางานครู, หางานวิศวกร, หางานเขียนแบบ, หางานคีย์ข้อมูล, หางานการตลาด, หางานโรงแรม, หางานสิ่งแวดล้อม, หางานคอมพิวเตอร์, หางาน Programmer, หางานประชาสัมพันธ์, หางานช่าง, หางานสถาปนิก
เรื่อง ด็อกเตอร์ นักดนตรี ผู้หญิง ไทยแลนด์
เขียนโดย นายศุภชัย รัววิชา

Rated: vote
by 136 users

คุณคิดอย่างไรกับเรื่องนี้?

 




" ดร.กะทิ"
บางครั้งในชีวิตของคนทุกคนก็ไม่สามารถเลือกทำในสิ่งที่ตนเองชอบได้เพราะมีความจำเป็นหลายสาเหตุและยิ่งการเดินทางบนถนนดนตรียิ่งเป็นเรื่องยากที่หลายๆคนมองว่าเป็นอาชีพที่ไม่มั่นคงโดยเฉพาะ " ผู้หญิง " และครั้งนี้เราจะพาคุณไปรู้จักกับผู้หญิงคน หนึ่ง เธอเป็นหนึ่งในคณะกรรมการ Grammy Awards และที่สำคัญเธอเป็น คนไทย และแม้เธอจะจบการศึกษาระดับ Doctor of Law และทำงานไม่เกี่ยวกับดนตรีเลย แต่เธอก็ยังรักในเสียงเพลงและไม่ทิ้งมัน หลายๆ คนในวงการดนตรีเรียกเธอว่า " ดร.กะทิ " ซึ่งชื่อนี้เธอได้มาจากชาว 89 FM Pirate Radio ตั้งให้ตอนเธอกลับมากรุงเทพฯ ปี 1996 ชีวิตของเธอกว่าจะถึงวันนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เลย และครั้งนี้เธอจะให้เกียรติมาเล่าประสบการณ์และแง่คิดให้เราฟัง


" เริ่มต้นพี่ไปเรียนที่อังกฤษ อยู่โรงเรียนประจำก็เริ่มมีครูสอนกีต้าร์ folk song แล้วก็มี classmate คนหนึ่งมาจาก Brazil นั่นเป็นครั้งแรกที่พี่ได้ชิมรสชาติเพลง " Bossa Nova " เธอเล่าว่าตอนนั้นเธอยังไม่รู้ทฤษฎีดนตรี แถมยังจับคอร์ดกีต้าร์ก็ไม่เป็น แต่เธอบอกกับเราว่าเธอโชคดีมากเพราะช่วงนั้นเป็นยุค 60's ที่อังกฤษเป็นยุคที่ดนตรีเข้มข้นที่สุด ยุคของ The Beatles, Led Zeppelin, Rolling Stones etc.


"หลังจากที่ได้ฟังเพลง Bossa Nova เป็นครั้งแรก ก็มีเด็กอเมริกันผู้หญิง 2 คน ซึ่งมาเรียนต่อที่โรงเรียนที่พี่เรียนอยู่เล่นเพลงของ James Taylor ตอนนั้นคนอังกฤษยังไม่รู้จัก James Taylor เลย แล้วก็ฝีมือกีต้าร์ของ James Taylor ไม่ธรรมดาเลย หลังจากนั้นพี่ก็เล่นกีต้าร์ folk song แต่ก็ไม่ได้จริงจังอะไร เล่นเป็นงานอดิเรก แต่ความที่พี่เรียนกีต้าร์ได้เร็วมาก คือ พอจับกีต้าร์ก็คลั่งเลย แล้วซ้อมหนักมากเลย ตอนนั้นอายุแค่ 12-13 จากนั้นเธอได้มีโอกาสเล่นตามงานการกุศล และเริ่มเล่น Concert ตามงานที่อังกฤษเกือบทุกอาทิตย์ นี่คือจุดเริ่มต้นของเธอ

ต่อมาทางบ้านได้ส่งเธอไปเรียนทางด้าน Interior Design ที่อเมริกา แต่ในใจเธอก็ยังรักดนตรีอยู่ และเมื่อเธอเรียนจบ เธอจึงตัดสินใจไปเรียนกีต้าร์อย่างจริงจัง ที่ Boston " พี่ได้ยินชื่อโรงเรียน Berklee College of Music ซึ่งเป็นโรงเรียนเดียวในยุคนั้นที่ไม่สอนดนตรี Classic เพราะถ้าเราจะเรียนกีต้าร์ Classical มันก็ไม่ใช่ตัวเรา " จากนั้นเธอก็ได้สอบเข้า Berklee แต่ก่อนที่เธอจะสอบเข้านั้นเธอบอกว่า " ที่นี่ไม่มีกฎเกณฑ์มากนักใครๆ ก็เข้าได้ ไม่รู้อะไรเลยก็เข้าได้ พี่เนี้ยะเป็นตัวอย่าง อ่านโน๊ตก็ไม่ออก เล่นก็ไม่ค่อยเป็น กีต้าร์ก็ไม่มี วันแรกที่เข้าเรียนก็มีแค่กีต้าร์ Classic สายเอ็น แต่มีรุ่นพี่คนหนึ่งเขาปี 4 แล้ว ชื่อ อ. โป๊ป พาพี่ไปซื้อกีต้าร์ไฟฟ้าเพื่อเอามาใช้เรียนที่ Berklee นั้นคือ Gibson ES 175 แกก็ช่างเลือกนะ เพราะเหมาะกับพี่มากมันเป็นกีต้าร์คอเล็ก ตัวก็ไม่ใหญ่มากและมี Cut Away นี่คือกีต้าร์ไฟฟ้าตัวแรกของพี่ และคือจุดเริ่มของพี่ทุกอย่างเริ่มจากศูนย์ "


ที่ Berklee ในยุคนั้นเป็นยุคที่ดีที่สุดสำหรับการเรียนกีต้าร์ Jazz เพราะมีครูดีๆหลายคนและนักดนตรีรุ่นพี่รุ่นน้องที่จบออกมาก็เป็นนักดนตรีระดับโลกทั้งนั้น และการที่เธอได้เริ่มเล่น Jazz ก็เพราะกลุ่มเพื่อนๆที่นั้น คือพวกเขาฟังอะไรก็ฟังตามเขา ก็เริ่มขอยืมแผ่นเสียงจากเพื่อนมาฟัง พอเริ่มรู้จักใครมากขึ้นก็เริ่มรู้จักนักดนตรีที่มาทำงานด้วย ยุคนั้นคือยุค ECM Records ซึ่งเป็นค่ายเพลงที่ไม่ธรรมดาเลย การเริ่มฟัง Jazz ของเธอไม่ได้เริ่มจากการฟัง Bebop แต่เริ่มจากยุค ECM เช่น Gary Burton , Ralph Towner เป็นต้น


เธอได้เล่าถึงจุดสำคัญของชีวิตเธอว่า " จุดสำคัญที่สุดของพี่เรื่องแรกคือเพื่อนฝูง ยุคนั้นเพื่อนสนิทก็มี Jaco Pastorius , John Scofield ,Bill Frisell , Mike และ Leni Stern และก็อีกหลายๆคน และอีกอย่างคีอพี่ได้เรียนกับมือกีต้าร์สุดยอดแห่งยุคเช่น Pat Metheny, Mick Goodrick และยังได้เรียนคอร์สสำคัญๆที่นั้นที่บางวิชาอาจจะเรียกว่าถ้าไม่ได้เรียนก็เหมือนว่าไม่ได้มาที่Berklee เลยทีเดียว เช่น คอร์สของ Herb Pomeroy ( "Line & Writing" , "Writing in the style of Duke Ellington เป็นต้น " ) วิธีการซ้อมกีต้าร์ของเธอก็คือ " ต้องขยันมากๆหรือต้องอยู่กับมันเลยก็ว่าได้ และซ้อมตามที่เรียนมา " อีกสิ่งหนึ่งที่เธอเน้นมากๆตลอดเวลาก็คือ " อย่าบ้าทฤษฎี แต่ให้ใช้หูเล่น และเล่นให้เพราะไว้ก่อน"


หลังจากที่เธอเรียนจบที่ Berklee เธอบอกกับเราว่า " ทุกสิ่งทุกอย่างมันคือ ชีวิตที่ไม่จริงเลย " สิ่งที่เธอพูดถึงก็คือ การที่ได้เรียนดนตรีมาซ้อมมาอย่างหนักแต่ไม่ได้เล่นอาชีพเลยซักครั้งนอกจากจะเล่นกับเพื่อนๆหรือได้เล่นกับครูเท่านั้นเอง เธอก็ได้นั่งคิดและผลลัพธ์ที่ออกมาก็คือ เธอคิดว่ามันไม่มีอนาคตแน่ๆ เพราะเพื่อนแต่ละคนที่จบมาก็ฝีมือระดับโลก แล้วฝีมืออย่างเราจะไปแข่งกับเขาได้หรือ? และนี่คือสิ่งที่เธอเน้นกับเราโดยใช้ตัวอย่างจากเธอ " เพราะเมื่อตอนที่เธอจบมาเธอไม่รู้อะไรเลยนอกจากทฤษฎี " ดังนั้นเมื่อได้รับปริญญามาเธอไม่สามารถทำอะไรได้เลยและเธอยังบอกอีกว่า " วันที่แท้จริงของชีวิตนักดนตรี อาจจะเป็นวันที่คุณจะเรียนจบหรือไม่จบไม่รู้แต่วันนั้นคือวันที่คุณต้องได้เล่นดนตรีสดนั้นเอง " ทุกสิ่งทุกอย่างคือภาคปฎิบัติโดยเฉพาะเรื่องของศิลปะ


ชีวิตของเธอเมื่อเรียนจบจาก Berklee ก็ไม่ได้ทำงานเกี่ยวกับดนตรีเลยหรือแม้แต่กีต้าร์เธอก็ไม่ได้จับเลยนานถึง 15 ปี ชีวิตของเธอหันเหไปทำงานกับบริษัท Night Spot ในรุ่นแรกๆ พอทำซักพักเธอก็เริ่มเบื่อก็เลยอยากหางานอย่างอื่นทำและอยากหาประสบการณ์เพิ่มเติมในวงการบันเทิง ดังนั้นเธอจึงตัดสินใจไป L.A เพราะที่นั้นคือ สถานที่ที่ท้าทายและให้ประสบการณ์มากที่สุด เธอเริ่มจากการทำงานที่ธนาคาร ต่อด้วยบริษัทหนัง Indy และ TV Productionโดยทำงานเป็นผู้ช่วยทนายความคอยดูแลทางด้านสัญญา แต่พอทำไประยะหนึ่งก็เริ่มอิ่มตัว และประจวบกับที่ L.A เกิดแผ่นดินไหวรุนแรงครั้งใหญ่ ในปี 1994 เหตุการณ์เหล่านี้ทำให้เธอคิดว่า ชีวิตคนเราช่างสั้น ทำไมเราไม่หาทำอะไรที่ตัวเองชอบและมีความสุข ดังนั้นเธอจึงตัดสินใจกลับมาเมืองไทย แต่ก่อนกลับได้เริ่มจับกีต้าร์ขึ้นมาซ้อมอีกครั้งและเรียน Private lesson กับ JOE DIORIO ที่ M.I. (Musician's Institute), Hollywood. เพื่อจะยึดเป็นอาชีพ


หลังจากเธอกลับมาเมืองไทยและยึดอาชีพนักดนตรี เธอกล่าวว่า อุปสรรคที่ได้เจอกับนักดนตรีไทยเยอะมาก คือ นักดนตรีไทยมีอีโก้สูง บ้างก็เล่นก็ไม่ได้อ่านโน๊ตก็ไม่ออกแต่อาศัยว่าอายุมากกว่า เหมือนว่าใช้ระบบอาวุโสเข้ามาข่ม และสิ่งที่ทำให้นักดนตรีไทยไม่สามารถไปถึงอินเตอร์ได้หรือไม่ได้เล่นกับนักดนตรีเก่งๆจากเมืองนอกได้ก็เพราะ " ไม่มีความอดทน ชอบเอาสบายไว้ก่อน เวลาเมามีให้ตลอดเวลาแต่เวลาซ้อมกลับไม่มี " เธอกล่าว


" ทุกครั้งที่ไปเล่นกับนักดนตรีคนอื่นๆจะโดนดูถูกอย่างมาก แต่พี่ก็จะสู้ เพราะพี่หน้าหนาและก็ต้องอดทนอย่างมาก และอาจเพราะพี่จบปริญญาเอก จึงทำให้คนอื่นดูถูกพี่น้อยลง ทุกครั้งที่พี่หิ้วกระเป๋าพร้อมโน๊ตเพลงที่พี่นำมาเรียบเรียงใหม่ ไปให้นักดนตรีJazz ตามร้านเล่นกัน ก็ไม่มีใครเล่นได้ " และนี่คือสิ่งที่เธอคอยเน้นกับเราอีกอย่างก็คือ " นักดนตรีต้องอ่านโน๊ตได้ เพราะนักดนตรีต้อง Jam ถ้าเราไปเจอเพลงที่เราไม่คุ้นแต่มีโน๊ตให้แต่กลับอ่านไม่ได้ มันก็ไม่มีความหมายใดๆทั้งสิ้น "


เธอยังให้แง่คิดเกี่ยวกับอาชีพทางนักดนตรีระหว่างคำว่า " ครู กับ อาจารย์ " ว่ามันแตกต่างกันอย่างไร " ศิลปะ …. ถ้าเราจะเป็นศิลปินเราจะเป็นครู แต่ ถ้า… เราเป็นนักวิชาการเราจะเป็นอาจารย์ "
เพราะฉะนั้น ศิลปิน คือ ภาคปฏิบัติ อาจารย์ คือ ภาคทฤษฎี และถ้าเราเลือกที่จะเป็นศิลปินแล้ว " You have to be on stage " เพราะฟีตแบคจากการเล่นคือหัวใจของเราเลย และถ้าหากว่าเราอยากจะให้ทุกคนนับถือจุดแรกตัวเราเองจะต้องเป็นศิลปินก่อน แล้วคนก็จะค่อยๆปลาบปลื้มเราที่ละคนๆ แล้วเขาก็จะศรัทธาในตัวเรา แต่ของพวกนี้ต้องใช้เวลาและความอดทนอย่างมาก และท้ายที่สุดคือเงินทอง และชื่อเสียง ทั้งหมดจะตามมาหาเราเอง


หลังจากนั้นเราก็ย้อนถามเกี่ยวกับการก่อตั้งวง ka-Ti Brazilian Jazz Band ว่ามีที่มาอย่างไร เราก็ได้คำตอบว่า ในช่วงแรกมีเพียง 2คน ก็คือเธอกับมือกีต้าร์อีกคนหนึ่ง ก็เริ่มจากการเล่นตามงานบ้างครั้งก็ได้ค่าตอบแทน บ้างครั้งก็ฟรี แล้วก็ค่อยๆเล่นไปเรื่อยๆ จากวงเล็กๆก็เริ่มมีคนโน้นคนนี้เข้ามาเล่น ก็เริ่มมีคนจ้างเล่นโดยมีค่าตอบแทน ทั้งหมดก็ค่อยๆขึ้นมาทีละก้าว ปัจจุบันก็ก่อตั้งมา 4ปีได้แล้ว ทุกอย่างก็เริ่มลงตัวเป็นรูปเป็นร่างมากขึ้นอย่างที่เห็นในตอนนี้


ปัจจุบัน ka-Ti Brazilian Jazz Band เล่นประจำที่โรงแรม Marriott Resort & Spaและมี concert เฉพาะกลุ่มบ้างครั้ง และอีกไม่นานพี่กะทิก็กำลังจะไปศึกษาต่อทางด้านดนตรีและกำลังจะมีconcert ก่อนจะไปเร็วๆนี้
ที่ Emporium Music Festival, เสาร์ที่ 18 มกราคม 2546


อุปกรณ์ที่พี่กะทิใช้
Gibson รุ่น Chet Atkins
George Benson GB 10
Takamine (Custom Made) NP - 65C

หากอยากพูดคุยกับพี่กะทิติดต่อได้ที่ : [email protected] หรือ
www.katijazz.com

 

บทความนี้ จาก http://www.guitarthai.com/interview/interviewdetail.asp?paraID=47




ความคิดเห็นของคุณกับบทความนี้ ...

 

user_icon

Knowledge Center
knowledge center
knowledge

star

ข้อคิดดีๆในการใช้ชีวิต
 
เรื่องน่ารู้ตามหมวดหมู่
• การแพทย์
• ความรู้ทั่วไป
• เรื่องของผู้หญิง
• กีฬา
• ข่าวและสื่อ

และอื่น ๆ อีกมาก

  ค้นหาเรื่องที่คุณสนใจ
ระบุ keyword
 
True vision

TV Icon

TV Interview

หลากเรื่องราวทางธุรกิจ แง่มุมของผู้บริหาร จากบริษัทชั้นนำต่างๆ

dot
HR Corner
สัมภาษณ์คัดเลือกผู้สมัครงานอย่างไร? ให้ตรงสเป็ค
https://www.jobpub.com/new_images/play.gif
 
The Seeds of Innovation นวัตกรรมใหม่แห่งการพัฒนาบุคลากร
https://www.jobpub.com/new_images/play.gif
 
การสร้างความแตกต่าง ให้เหนือคู่แข่ง
คุณมกร พฤฒิโฆสิต
https://www.jobpub.com/new_images/play.gif
dot

https://www.jobpub.com/new_images/playall_b.gif

 

หางานบ่อย : คนไม่มีวุฒิ saleจานแกรมมี่ บ้านบึง ชลบุรี บริษัท advance วุฒิม6 กรุงเทพมหp สมบูร กะกลางคืน เชียงราย คนขับรถนายหญิง tale sates รับสมัครงานแม่บ้านโตโยต้าสำโรง แม่บ้านแถวลาดพร้าวรามคำแหง งานขายต่างประเทศ งานธนาคารเชียงราย งานทั่วไปในสระบุรี โรงงานcanon ฝึกงาน even รัชดา ไม่จำกัดวุฒิการศึกษา เค หางาน สระบุรี บ.กันตนา วุฒิ ปวส เทคนิคโลหะ sale xm6Tkou เด็คโก้ ผู้จัดการ+QA/QC พนักงานขายทัตตกรรม สมัครงานข้าราชการวุฒิม.6 epo pputu โรงไฟฟ้าชลบุรีใหม่ ปากเกร้ด กราฟฟิกเวดดิ้ง วุฒิ ม.6 ทำงาน จ.-ศ. รฏยฟยฝ ไกเนติค พราะราม 4 bn QA Tester เจ้าหน้าที่บัญชีเขตลาดกระบัง ธุีการบึงกุ่ม RGb ฝ่ายผลิต โรงงาน จ.สมุทรปราการ พนักงานขับรถในเขตลาดพร้าว ย่านห้วยขวางดินแดง ช่างปั้น QA,QC กลางคืน พัทยา ผู้จัดการฝายผลิต ฝึกงาน จีน โรงเรียนสัตติราษ เจ้าหน้าที่ธุรการ โรงเรียน บริษัท ซีพี-เมจิ jssr