ค้นบ่อย
:
หางานบัญชี,
หางานธุรการ,
หางานจัดซื้อ,
หางานผู้จัดการ,
หางานขับรถ,
หางานบุคคล,
หางานคลังสินค้า,
หางานครู,
หางานวิศวกร,
หางานเขียนแบบ,
หางานคีย์ข้อมูล,
หางานการตลาด,
หางานโรงแรม,
หางานสิ่งแวดล้อม,
หางานคอมพิวเตอร์,
หางาน Programmer,
หางานประชาสัมพันธ์,
หางานช่าง,
หางานสถาปนิก |
เรื่อง
The Thaksin Effect วันเวลา"ที่ดี"กลับมาแล้ว ?
เขียนโดย อัญธิกา ปุนริบูรณ์
|
Rated:
by 10 users |
|
|
|
|
The Thaksin Effect วันเวลา"ที่ดี"กลับมาแล้ว ? > ฝีมือการบริหารเศรษฐกิจของรัฐบาลชุดปัจจุบัน >หากดูจากตัวเลขจีดีพีอย่างเดียว > ก็นับว่าประสบความสำเร็จสูงมาก > สื่อต่างชาติก็ยกย่องให้เป็นดาวเด่นของภูมิภาคเลยทีเดียว > เพราะในสิ้นปีเศรษฐกิจก็คงจะเติบโตถึง 6 เปอร์เซ็นต์ > ตามที่นายกรัฐมนตรีสั่งเอาไว้ ซึ่งเป็นตัวเลขสูงที่สุดในเอเชีย > เป็นรองก็เพียงจีนเท่านั้น > > ส่วนตลาดหุ้นก็เติบโตถึง 67 เปอร์เซ็นต์ มูลค่าการซื้อขายต่อวัน 6 > หมื่นล้านบาท มากกว่ายุคทองก่อนปี 2540 และภาวะหุ้นก็จะถูก "เฆี่ยน" > ให้วิ่งเป็นกระทิงดุไปอย่างนี้จนกว่าการเลือกตั้งครั้งหน้าจะเสร็จสิ้น > และหากในปีหน้าเศรษฐกิจโตถึง 8 เปอร์เซ็นต์ >ก็เชื่อว่าการเลือกตั้งในต้นปี > 2548 จะทำให้พรรคไทยรักไทยได้รับคะแนนถล่มทลายอย่างไม่ต้องสงสัย > > ความสำเร็จของนโยบายเศรษฐกิจที่ถูกขนานนามว่า "ทักษิโณมิกส์" > นั้นได้รับการกล่าวขวัญถึงมาก > > "ทักษิโณมิกส์" ก็คือนโยบายเศรษฐกิจแบบทักษิณ หรือนโยบายประชานิยม >อันได้แก่ > การกระตุ้นเศรษฐกิจระดับรากหญ้า > การกระตุ้นการบริโภคภายในโดยรัฐอัดฉีดงบประมาณเข้าไป ผ่านโครงการต่างๆ > ที่เป็นการ "ปล่อยสินเชื่อ" แก่ระดับรากหญ้า ไม่ว่าจะเป็นกองทุนหมู่บ้าน > ธนาคารคนจน การสร้างโครงการเอื้ออาทรต่างๆ > ขึ้นมาเพื่อให้เกิดการซื้อและใช้จ่ายสินค้า > > ส่วนคนชั้นกลางก็ได้รับการเอาใจใส่ดูแลจากรัฐด้วยการ > ให้มีบัตรเครดิตกันได้ง่ายๆ เพื่อให้มีเงินไปจับจ่ายใช้สอยง่ายๆ >สร้างแรงซื้อในระบบ > > เมื่อเร็วๆ นี้นิตยสารไทม์ ก็ได้ให้ความสนใจ > เขียนรายงานเกี่ยวกับเศรษฐกิจไทย > ใช้ชื่อเรื่องว่า "The Thaksin Effect" ถ้าแปลง่ายๆ ตรงตัว ก็คือ > "ผลกระทบจากทักษิณ" แล้วก็ตามด้วยหัวรองลงไปว่า "ทักษิณ" > กำลังปฏิวัติเศรษฐกิจหรือกำลังสร้างฟองสบู่รอบใหม่ > > ในรายงานนี้ผู้เขียน ไม่ได้สรุปว่า "ทักษิโณมิกส์" ดีหรือไม่ดี > หากแต่นำเสนอข้อมูลทั้งสองด้าน >ทั้งด้านที่เห็นด้วยและด้านที่แสดงความห่วงใย > > ฉากแรกของรายงานนี้ ผู้เขียนเริ่มจากการสัมภาษณ์ "วัชรี" >ที่ปรึกษาด้านไอที > วัย 28 ปี เธอผู้นี้กำลังนั่งละเลียดกาแฟอยู่ในร้าน "สตาร์บัคส์" >ย่านหลังสวน > ย่านหรูหราของคนกรุงเทพฯ แอนดรูว์ เพอร์ริน ผู้เขียนรายงานชิ้นนี้บอกว่า > วัชรีกำลังเล่าให้เขาฟังอย่างตื่นเต้นเกี่ยวกับชีวิตใหม่ของเธอ >เธอบอกเขาว่า > >เดือนที่แล้วเพิ่งซื้อรถคันใหม่และกำลังจะซื้ออพาร์ตเมนต์หลังใหม่ในย่านหลังสวนนี่แหละ > และอีกไม่นานเธอกำลังจะก่อตั้งบริษัทที่ปรึกษาด้านไอทีเป็นของตนเอง > > ดอกเบี้ยต่ำๆ >ถูกๆที่ธนาคารของรัฐถูกสั่งให้ปล่อยสินเชื่อให้กับประชาชนอย่างง่ายๆ > ทำให้วัชรีสามารถซื้อรถใหม่ และกำลังจะซื้ออพาร์ตเมนต์ใหม่ได้ >ในขณะที่เมื่อ 18 เดือนที่แล้ว >เธอแทบไม่มีปัญญาแม้แต่จะซื้อกาแฟของสตาร์บัคส์สักแก้ว > > "ในช่วงวิกฤตปี 2540 ไม่คิดว่าชีวิตตัวเองจะฟื้นกลับมาได้อีก > แต่ขณะนี้วันเวลาที่ดีๆ กลับมาแล้ว ต้องขอบคุณนายกฯ ทักษิณ" วัชรีว่า > > สิ่งที่ "วัชรี" บรรยายว่า ชีวิตของเธอดีขึ้น ก็คือ > > 1. เธอยื่นขอเงินกู้สินเชื่อส่วนบุคคลจากธนาคาร >เพื่อมาชำระหนี้บัตรเครดิต > 2. จากนั้นเธอก็ใช้บัตรเครดิตอีกใบไปซื้อรถยนต์ > 3. เธอกำลังยื่นขอเงินกู้เพื่อซื้ออพาร์ตเมนต์... > > แน่นอน เราๆ ท่านๆ คนชั้นกลางหรือไม่กลาง >ขณะนี้การมีบัตรเครดิตในยุคนี้ง่ายดายมาก > หลายคนเปิดกระเป๋าสตางค์ดูก็จะพบว่าตัวเองมีบัตรเครดิตถึง 4 ใบ > บางใบก็แทบไม่ได้ใช้เลย แถมเวลาจะคืน ทางธนาคารก็ไม่ยอมให้คืน > บอกว่าถือไว้เถอะ จะยกเว้นค่าธรรมเนียมรายปีให้ > ลูกค้าบางรายก็เหนื่อยที่จะตื้อคืนบัตรก็เลยยอมให้บัตรเครดิต 4 ใบ > เป็นภาระอยู่ในกระเป๋า > > สิ่งที่วัชรีทำ คือกู้สินเชื่อส่วนบุคคลมาชำระหนี้บัตรเครดิตใบหนึ่ง > และใช้บัตรเครดิตอีกใบไปซื้อรถยนต์ >เป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างกว้างขวาง > และก็ลามไปถึงรากหญ้าด้วย > >นั่นก็คือชาวบ้านไม่น้อยนำเงินกู้ที่ได้จากกองทุนหมู่บ้านไปชำระหนี้นอกระบบที่ > ดอกเบี้ยสูง ที่เหลือก็นำไปใช้จ่ายเพื่อบริโภค เช่น ซื้อมือถือ > มิได้นำไปเพื่อเป็นทุนสร้างงานตั้งตัว > > สิ่งนี้ปรากฏอยู่ในรายงานของสภาพัฒน์อยู่แล้ว ไปหาอ่านกันได้ > วัชรีก็เป็นอย่างเช่นคนไทยส่วนใหญ่ คือเห็นว่าขณะนี้ "เวลาดีๆ > และเคลิบเคลิ้มหรรษา" ได้กลับมาแล้ว และก็ "กระโจน" > ใส่มันอย่างไม่มียับยั้งชั่งใจ วัชรีไม่ได้คิดหรอกว่า > เงินกู้ซื้อบ้านที่ดอกเบี้ยต่ำในขณะนี้ มันจะไม่ต่ำอยู่อย่างนั้น > หากแต่จะขยับขึ้นได้ในอนาคต > นั่นหมายความว่าภาระการผ่อนส่งต่องวดจะสูงขึ้นเกินความสามารถของเธอ > เช่นเดียวกับราคาอพาร์ตเมนต์ที่เธอซ ื้อไว้ก็อาจจะตกต่ำลงได้ >แต่ก็ช่างเถอะ > "คนไทย" ประเภท "วัชรี" ไม่แคร์หรอก จะไปคิดอะไรมาก คิดอะไรยาวๆ > ไม่ใช่วิสัยคนไทยส่วนใหญ่อยู่แล้ว และก็อีกนั่นล่ะ > คนไทยประเภทวัชรีก็คงไม่รู้ว่านักลงทุนอสังหาฯที่เป็นชาวต่างชาติ > ที่เคยเข้ามากว้านซื้ออสังหาฯ ราคาถูกๆ ช่วงปี 2540 > ในขณะนี้กำลังปล่อยสินค้าในมือออกมาขายเพราะราคามันถึงจุดสูงสุดแล้ว > "มันเป็นตลาดของการเก็งกำไร" นักลงทุนอสังหาฯ ต่างชาติรายนี้บอก > > "คนไทย" ประเภท "วัชรี" ไม่ได้คิดและไม่ยอมคิดหรอกว่า > หนี้ที่เธอกู้ยืมจากแบงก์รัฐมานั้น หากวันใดที่เศรษฐกิจถดถอยลง > เธอได้รับเงินเดือนลดลงหรือตกงานและไม่มีเงินจ่ายหนี้ > มันก็หมายถึงว่าแบงก์จะเกิดหนี้เสียอันมหาศาล และในที่สุด "รัฐบาล" > ก็จะนำเอาเงินภาษีของประชาชนทุกคนมา "อุ้ม" แบงก์แห่งนั้น > อย่างที่เกิดขึ้นให้เห็นแล้วตั้งแต่ปี 2540 > ซึ่งจนถึงขณะนี้รัฐบาลก็ยังไม่สามารถสะสางปัญหานี้ให้สะเด็ดน้ำได้ > ที่มันน่าเสียใจคือ ประชาชนคนอื่นๆ ที่ มัธยัสถ์อดออม มีวินัย > รู้จักรอคอยและอดทนไม่ใช้จ่ายเกินตัว เพื่อให้ประเทศชาติมีความยั่งยืน > ไม่ตกเป็นภาระแก่ลูกหลาน กลับพลอยต้องมารับภาระและรับกรรมในสิ่งที่ > "คนไทยประเภทวัชรี" ก่อขึ้น >นั่นก็คือเงินภาษีของพวกเขาแทนที่จะได้ไปสร้างประโยชน์ให้กับสังคมส่วนอื่นๆ > ที่ยังขาดแคลนอยู่มาก ก็กลับต้องถูกลงโทษด้วยการ "จ่ายหนี้" แทน "วัชรี" > แต่จะมาว่า "วัชรี" ฝ่ายเดียวได้อย่างไร สุดท้ายผู้ต้องถูกตำหนิ > ก็คือรัฐบาลที่ใช้นโยบาย "ตกเบ็ด" ประชาชนนั่นเอง > > แต่ก็นั่นล่ะ จะมาเอาอะไรกับสังคมไทย ซึ่งเป็นสังคมที่อ่านหนังสือ >"วันละ 3 > บรรทัด" ซึ่งคงไม่มีประเทศไหนมาทำแชมป์ไปกว่านี้ได้อีกแล้ว > สังคมอ่านหนังสือน้อย ก็คือสังคมที่ "ขี้เกียจคิด" > ไม่สามารถคิดอย่างเป็นเหตุเป็นผล สังคมไทยนั้นจริงๆ >ไม่ใช่สังคมที่ไม่รู้หนังสือ ไม่ใช่สังคมที่อ่านไม่ออกเขียนไม่ได้ > การเป็นสังคม "อ่านหนังสือวันละ 3 บรรทัด" > จึงไม่เกี่ยวกับอัตราการไม่รู้หนังสือ แต่มันเกียวกับทัศนคติ > วัฒนธรรมและมุมมองของคน และที่น่าตกใจก็คือ กลุ่มคน "ไม่อ่านหนังสือ" >นั้น > เป็นคนที่ค่อนข้างจะมีการศึกษา เสียด้วย สังคมที่ไม่อ่านหนังสือนั้น > "เจริญยาก" ไม่ว่าประเทศนั้นจะมีอัตราเติบโตทางเศรษฐกิจสูงปานใดก็ตาม > คนไทยมองภาพเศรษฐกิจในขณะนี้ในลักษณะ "จิ๊กซอว์ที่ต่อไม่ครบ" > และอาจเป็นความตั้งใจทีไม่อยากมอง "ให้ครบ" > เพราะอยากดูเพียงด้านเดียวหรือซีกเดียวอันเป็นด้านดีของเศรษฐกิจ ดังนั้น > เมื่อต่อจิ๊กซอว์ไประยะหนึ่ง แล้วเห็นลางๆ > ว่าภาพนั้นมันสวยเป็นดอกกุหลาบสีบานเย็นครึ่งดอก สดสวยเบ่งบาน > หยดน้ำค้างพรม > > ก็หยุดต่อจิ๊กซอว์ไว้แค่นั้น ไม่ยอมนำอีก 2-3 ชิ้นที่เหลือมาใส่ให้ครบ > โดยหารู้ไม่ว่าอีก 2-3 ชิ้นนั้น > มันมีภาพหนอนเจาะไชกัดกินกลีบกุหลาบแหว่งไปครึ่งดอก > เมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน ธนาคารแห่งประเทศไทย > ออกมาแสดงความเป็นห่วงหนี้ภาคครัวเรือนที่เพิ่มขึ้น 20 เปอร์เซ็นต์ >กล่าวคือ > จาก 6.9 หมื่นบาทต่อครัวเรือนในปี 2544 เพิ่มเป็น 8.2 หมื่นบาทในปี 2545 > และในปี 2546 มีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้นอีก > ซึ่งเป็นเพราะมีการบริโภคมากขึ้นเนื่องจากดอกเบี้ยต่ำและสินเชื่อหาง่าย > รวมทั้งเกิดจากโครงการประชานิยมของรัฐบาล > ขณะนี้รัฐบาลเกาหลีใต้ ที่ครั้งหนึ่งเคยภาคภูมิใจว่า >เศรษฐกิจฟื้นเร็วกว่าประเทศอื่นในเอเชียหลังจากพิษต้มยำกุ้ง > และสามารถใช้หนี้ไอเอ็มเอฟได้ก่อนใคร > ก็กำลังประสบปัญหาอย่างหนักจากการที่ประชาชนเป็นหนี้บัตรเครดิต > ที่ประชาชนใช้จ่ายเกินตัว โดยมีหนี้ถึง 4.2 ล้านล้านบาท >และก็ลักษณะเดียวกับไทยคือ > แต่ละคนในวัยทำงานมีบัตรเครดิตมากถึง 4 ใบ > อีกข่าวหนึ่งในวันเดียวกันนั้น บอกว่าพอเศรษฐกิจเริ่มฟื้น คนไทยก็ >"เมาหนัก" > และคอสูง ดวดเหล้านอกรวมกันเป็นมูลค่า 2 หมื่นล้านบาท > เป็นภาพที่สะท้อนให้เห็นว่า คนไทยกำลังอยู่ในช่วง "เคลิบเคลิ้มหรรษา" > และมีความสุขจริงๆ โดยมิพักต้องหยุดคิดว่า "ความหรรษา" >นี้จะมีปัญหาตามมาหรือไม่ > กระแสความนิยม "ประชานิยม" แรงมากจริงๆ "สังคมคนไทยประเภทวัชรี" > ไม่พร้อมจะยอมรับฟังเสียงทัดทานใดๆ > พร้อมจะเทเสียงเชียร์รัฐบาลอย่างเต็มกำลัง > เหมือนที่ครั้งหนึ่งคนอเมริกันเชียร์บุช ให้ถล่มอิรัก > กว่าจะรู้ตัวนั้นก็พบว่า > "ค่าใช้จ่าย" ที่คนอเมริกันต้องจ่ายเป็นค่า "ปลดปล่อยชาวอิรัก" > นั้นสูงมากกว่า 1 แสนล้านดอลลาร์แล้ว >ต่อเมื่อผลปรากฏออกมาอย่างนี้แล้วเท่านั้น จึงทำให้คนอเมริกัน "ได้คิด" > > หากรัฐบาลจัดการไม่ดี ไม่ยอมตรวจสอบอาการและแก้ปัญหาแต่เนิ่นๆ >จะทำให้หนี้ > "ประชานิยม" เป็นมะเร็ง >ที่จะถูกตรวจพบก็ต่อเมื่ออาการเข้าสู่ขั้นสุดท้ายแล้วเท่านั้น
|
|
|
|
ความคิดเห็นของคุณกับบทความนี้
...
|
|
|
Knowledge Center |
|
|
knowledge
|
|
|
|
|
|
|
|
|