หน้าแรก เขียนใบสมัครงาน ลงโฆษณางาน ค้นหาใบสมัครงาน คู่มือการใช้งาน Menu

สนใจลงโฆษณา โทร. 02-275-1900, 02-612-4900, 038-395000

space
   ค้นบ่อย : หางานบัญชี, หางานธุรการ, หางานจัดซื้อ, หางานผู้จัดการ, หางานขับรถ, หางานบุคคล, หางานคลังสินค้า, หางานครู, หางานวิศวกร, หางานเขียนแบบ, หางานคีย์ข้อมูล, หางานการตลาด, หางานโรงแรม, หางานสิ่งแวดล้อม, หางานคอมพิวเตอร์, หางาน Programmer, หางานประชาสัมพันธ์, หางานช่าง, หางานสถาปนิก
เรื่อง ตามหาความจริงแห่งชีวิต
เขียนโดย บุญเสริม บุญเจริญผล

Rated: vote
by 38 users

คุณคิดอย่างไรกับเรื่องนี้?

 




ตามหาความจริงแห่งชีวิต

ความพยายามของคนคนหนึ่ง ที่พยายามทั้งชีวิต เพื่อตามหาความจริง

บันทึกของ ดร. บุญเสริม บุญเจริญผล

หนึ่ง

คุณทวีศักดิ์เงยหน้าขึ้นดูพี่ทรงอย่างจ้องเอาจริง ผมไม่ทราบว่าเขาคิดอะไรกับพี่ทรง แต่ก็คงไม่กล้าทำอันตราย น่าจะคิดขอบคุณมากกว่า เพราะถ้าไม่ได้พี่ทรงไปขัดขวางไว้ป่านนี้ลูกน้องกำนันก๊งคงฆ่าตายไปตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว นอกจากรอดตายแล้ว พี่ทรงยังจัดการให้คุณอาภากับคุณอาภรณ์ตามมาเป็นแฟนคุณทวีศักดิ์อีกด้วย

ผมบอกพี่ทรงว่า “เขาแค่เป็นเพื่อนรู้ใจกัน เป็นเมียไม่ได้นะ เด็กสมัยใหม่เรียกว่า เป็นกิ๊กกันนะ ” พี่ทรงตอบว่า “ แหมเล่นภาษาวันรุ่นเสียด้วย ไม่เป็นไรหรอก เราหาเมียให้เขาไม่ได้ เราก็หากิ๊กให้เขามองกันเล่นแก้เหงาดีกว่าปล่อยให้เดียวดาย ดูคุณอาภากับอาภรณ์ไม่สนใจเราเลย ช่างเถอะ… เราต้องการให้เธอทั้งสองสนใจทวีศักดิ์มากกว่า ไม่น้อยใจหรอก”

ในวันเดียวกันนั้นเอง พี่ทรงนำพระพุทธรูปปางลีลาเหมือนกับที่พุทธมณฑล มาประดิษฐานที่สวนสันติสุขด้วย เด็กๆสามสิบคนในสังคมสันติสุขที่เราช่วยกันอุปถัมภ์ไว้ได้กราบไหว้บูชา พระพุทธรูปองค์นี้สีน้ำตาลก้ามปู โตเท่าคนจริง มีลักษณะงามสมส่วน เพราะพี่ทรงคุมการปั้นแบบ ถ้าสังเกตให้ดีจะทราบว่า ไม่เห็นพระพุทธรูปปางลีลาที่ไหนสวยเท่านี้ ที่ตั้งขายกันอยู่ที่เสาชิงช้าไม่มีทางเทียบได้ ผมอยากให้พระพุทธรูปองค์นี้เป็นต้นแบบหล่อเผยแพร่กันไป

ไม่นานนัก สักสามเดือน คุณอาภรณ์คลอดลูกออกมา ผมเรียนให้พี่ทรงทราบเรื่องนี้ พี่ทรงบอกว่ามันเป็นไปได้อย่างไร เร็วนัก ผมชี้แจงว่า คุณอาภรณ์ท้องมาก่อนที่จะมาอยู่กับคุณทวีศักดิ์ พี่ทรงหัวเราะบอกว่านึกว่าเกิดมหัศจรรย์วัวเป็นเมียควายแล้วมีลูกออกมาได้

“กฎแห่งกรรมมีจริงนะ บุญเสริม พี่ได้เห็นทันตาเลย” พี่ทรงกล่าวหลักธรรมสำคัญให้ผมฟังที่บริษัท เอเชีย บุคส์

“เห็นอะไรทันตาครับ ให้ผมทราบบ้าง”

“คือ พ่อตาของพี่ป่วยหนัก พี่ก็คิดว่าท่านตายแน่ ก็เลยให้ท่านทำบุญใหญ่ คือ ขอเงินท่านมาสร้างพระพุทธรูปกลางแจ้งไว้ที่สังคมสันติสุขสักองค์ ให้คนกราบไหว้บูชา และปล่อยวัวควายที่เขาจะฆ่า คืนนั้นควายกำลังจะถูกฆ่าที่โรงฆ่าสัตว์ บุญเสริมช่วยพาพี่ไปไถ่ชีวิตออกมา และพี่ซื้อวัวตัวเมียสองตัวที่รอคิวเชือดในวันต่อมา ให้เป็นเพื่อนควาย ” พี่ทรงหมายถึงควายที่ท่านตั้งชื่อว่าทวีศักดิ์ และวัวตัวเมียสองตัว อาภากับอาภรณ์

“แล้วท่านหายป่วยไหมครับ?”

“หายซิ ! หายเลย หายอย่างไม่น่าจะเป็นได้ พี่คิดว่ากุศลแห่งการสร้างพระและช่วยชีวิตวัวควาย โดยเงินของพ่อตา ทำให้พ่อตาหายป่วยอย่างเฉียบพลัน” พี่ทรงใช้คำว่าเฉียบพลันแสดงถึงทันที

ผมก็ยังไม่ค่อยเชื่ออยู่ดี “อาจบังเอิญก็ได้นะครับ”

“ไม่บังเอิญหรอก…บุญเสริม ที่พี่ให้พ่อตาทำบุญครั้งนี้พี่คิดว่า คิดว่าตายแน่ๆ ไหนๆจะตายก็ให้เป็นการทำบุญครั้งสุดท้ายก่อนตาย แต่ท่านกลับหายอย่างไม่น่าเชื่อ หายวันนั้นเอง วันที่เรานำทวีศักดิ์ออกจากโรงฆ่าสัตว์ ตอนนี้พ่ออยู่ที่บ้านสบายเลย … นี่แหละพี่ถึงเชื่อว่ากฎแห่งกรรมมีจริงนะ ทุกเรื่องที่เกิดขึ้นล้วนแต่มีเหตุผลที่มา ไม่ใช่เกิดเอง”

“ผมไม่ทราบว่ากฎแห่งกรรมจริงหรือเปล่า ก็อยากให้มันมีจริงๆนะครับ โลกนี้จะได้มีแต่คนทำความดี ไม่มีใครกล้าทำชั่ว มนุษย์และสัตว์จะมีแต่ความสุขน่าอยู่มากเลย”

“เชื่อเถอะ… บุญเสริม ไม่ขาดทุนหรอก การทำความดี แม้ว่าจะไม่ได้ผลดีตอบแทน ก็ทำให้เพื่อนมนุษย์และสัตว์มีความสุข เราเห็นเขามีความสุข เราก็สุขใจ”

“เรื่องนั้นมันตื้นครับพี่ ประเด็นสำคัญอยู่ที่ใครเป็นคนบันทึกความดีความชั่วของเรา ใครเป็นคนตอบแทนผลความดีความชั่วของเรา หรือสมองเรามันบันทึก ถ้าสมองบันทึกความรุ้สึกนึกคิดจิตใจของเรา เมื่อเราตายไป สมองเสียไปแล้ว ข้อมูลที่ถูกบันทึกก็หายไป ก็ไม่มีอะไรจะเกี่ยวข้องกับชาติหน้า”

“พี่ว่า… ไม่มีใครบันทึก สมองก็ไม่ได้บันทึก พลังแห่งการคิด การพูด การทำ ถูกบันทึกเข้าไปกับพลังอะไรสักอย่างในธรรมชาติ มันไม่ได้อาศัยสมองนะ คือพลังงานแห่งการกระทำได้ถูกบันทึกอยู่ในพลังงานอีกรูปหนึ่ง”

“แต่ยังไม่เคยมีปรากฏการณ์ที่พลังงานถูกบันทึกอยู่กับพลังงานนะครับ” ผมแสดงความเห็น

“แล้วคอมพิวเตอร์ล่ะ เก็บข้อมูลได้ยังไง?”

“มันก็เก็บโดยอาศัยการเรียงตัวของแม่เหล็กในลักษณะต่างๆอยู่ในแผ่น ไม่ได้เก็บอยู่กับพลังงานใดๆ หากมันเก็บความจำอยู่ในพลังงานได้ โดยไม่อาศัยวัตถุเลย คอมพิวเตอร์จะทำงานโดยไม่เสียเวลาเลยแม้แต่น้อย แต่ขณะนี้การทำงานของคอมพิวเตอร์ต้องเสียเวลาคอย”

“เชื่อว่า…ในอนาคตเราคงทำได้ ที่ให้พลังงานอย่างหนึ่งสามารถเก็บอยู่กับพลังงานอีกอย่างได้ เราจะอธิบายกฎแห่งกรรมได้ชัดเจน”

“ครับ มันก็ไม่แน่เหมือนกัน วันหนึ่งมนุษย์อาจค้นคว้าไปถึง เมื่อถึงวันนั้น คนก็พลอยเข้าใจไปด้วยว่า การกระทำใดๆ ต้องรับผลแห่งการกระทำ”

คืนวันสุดสัปดาห์ ผมอยู่ที่สังคมสันติสุข นั่งแหงนหน้ามองพระพุทธรูปกลางแจ้งที่พี่ทรงจัดสร้างมา มีแสงไฟฟ้าพอมองเห็นได้ ช่างงามจริง ได้เห็นได้กราบก็มีความสุข ผมประณมมือยกขึ้นแตะหน้าผาก แล้วตั้งจิตอธิษฐานว่า ขอให้กฎแห่งกรรมแสดงผลเร็วๆด้วยเถิด ขอกฎแห่งกรรมโปรดแสดงว่าผู้ทำดีได้รับผลดีเร็วๆ และผู้ทำชั่วได้รับผลร้ายทันตาเห็นเถิด เจ้าประคู้น!!! ส่วนกรรมเก่าในชาติก่อนๆ ขอให้หยุดพักชำระหนี้สักสามปีเถิด พักเอาไว้ชำระหนี้พร้อมเกษตรกรไทยก็ได้ เพื่อจะได้เข้าใจได้ง่ายว่า กฎแห่งกรรมมีจริง

 

สอง

หมู่บ้านหมูสี อยู่ไม่ไกลจากอำเภอปากช่อง นครราชสีมา เป็นหมู่บ้านเชิงเขาใหญ่ ประชาชนที่นั่นมีอาชีพเพาะปลูกพืชไร่ข้าวโพด และ มันสำปะหลัง ทำสวนผลไม้บ้าง เช่น ขนุน น้อยหน่า แต่ก็ไม่มากเท่าพืชไร่ เช้าวันนั้นอากาศหนาว ผมชอบ เพราะมันไม่เฉอะแฉะ พี่ทรงให้คุณต้อขับรถพาท่านกับผมไปที่หมู่บ้านนี้ พี่ทรงบอกว่าจะให้ผมดูอะไร ช่วยกันหาความจริงหน่อย

เมื่อเรามาถึงบ้านหมูสี พี่ทรงบอกให้คุณต้อยอดสารถีขับรถเลี้ยวลดไปตามทางเล็กๆ จนถึงคฤหาสน์หลังโต ใครหนอช่างร่ำรวยมาปลูกบ้านอยู่ในที่สวยงามอย่างนี้ น่าอิจฉานะ

“เจ้าของบ้านลงมารับแล้ว นั่นไง บุญเสริม หลวงพ่อเจ้าของบ้าน”

“บ้านของหลวงพ่อหรือครับ พระมีบ้านใหญ่โตได้หรือ?” ผมชักมีความรู้สึกแปลกๆกับพระองค์นี้

เราสามคนทักทายกับพระเจ้าของบ้าน กล่าวสรรเสริญกันตามธรรมเนียมแล้วก็รับประทานอาหารกลางวันที่เราเตรียมมาจากกรุงเทพฯ หลวงพ่อให้โยมคนหนึ่งนำอาหารออกมาสมทบกับอาหารของเรา เป็นอาหารที่ดีมาก อาหารสำเร็จรูปและผลไม้หลายอย่างมาจากต่างประเทศ จึงนับเป็นลาภปากอย่างยิ่งของเรา เมื่ออิ่มดีแล้ว สันดานอยากรู้อยากเห็นของผมก็ผุดขึ้นมา ลองเลียบเคียงถามความเป็นมาเป็นไปของหลวงพ่อ พี่ทรงพอใจมาก อยากให้ผมฟังเรื่องลึกลับต่างๆจากปากหลวงพ่อเอง

หลวงพ่อองค์นี้ชื่ออะไรผมจำไม่ได้ มาจากวัดใด ก็จำไม่ได้อีก แต่ท่านว่าอยู่ที่วัดทางธนบุรี ก็ที่กรุงเทพฯนั่นแหละ ทุกสัปดาห์ท่านจะให้ลูกศิษย์ขับรถมาส่งที่บ้านหลังนี้ ค้างอยู่คืนหนึ่งก็กลับ เมื่อมาถึงพักเหนื่อยแล้ว ท่านจะเดินเข้าป่าไปตามลำพังคนเดียว เข้าไปที่บริเวณเขาใหญ่ เข้าไปทำสมาธิที่นั่นให้จิตแก่กล้า เพราะที่ป่านั้นสงบ เป็นธรรมชาติดี และจิตใจต้องเข้มแข็ง ไม่กลัวผี ไม่กลัวสัตว์ร้าย สำหรับบ้านที่เป็นบ้านของท่าน ตั้งอยู่ในสวนโปร่งๆ เนื้อที่ประมาณ 150 ไร่ ท่านซื้อมาจากชาวไร่ที่นั่น ที่จริงก็ผิดกฎหมาย เพราะเป็นที่ สปก. ซึ่งซื้อขายกันไม่ได้ แต่ชาวไร่ สปก. หลายรายก็เปลี่ยนทรัพย์สินให้เป็นหนี้ เปลี่ยนที่ให้เป็นเงิน ชาวกรุงเทพฯที่อยากได้ที่ดินดีราคาถูกก็มาซื้อกันไว้มากมาย ในตอนนั้นก็ไม่เกิดเป็นความผิด ท่านบอกว่า การที่ท่านซื้อที่ดินไว้มาก ก็เพื่อป้องกันมิให้ชาวบ้านมาอยู่ใกล้ส่งเสียงรบกวน และเอาไว้เดินออกกำลังกายบ้าง ปักกลดสงบใจบ้าง ให้โยมมาฝึกจิตบ้าง

หลวงพ่อเล่าว่า ท่านมักต้องไปเรียนธรรมะกับหลวงพ่อในป่า คือหลวงพ่อใหญ่ เวลาจะไปก็มีการส่งจิตมานัดกันก่อน ซึ่งมักจะนัดกันว่าจะพบกันในป่าไม่ลึกนัก เมื่อถึงเวลาหลวงพ่อใหญ่ก็มาพบ บอกว่าจับสิ่งของไว้ให้มั่นนะ แล้วหลวงพ่อก็หมดสติไป ตื่นขึ้นมาก็อยู่ในที่ใหม่แล้ว ที่ใหม่ที่หลวงพ่อไปนั้น เป็นที่ไหนไม่ทราบ อากาศสบาย เหมือนตอนเช้าก่อนพระอาทิตย์ขึ้นเล็กน้อย มีแสงพอเห็นกันได้สบาย ไม่มืดไม่สว่างมาก รู้สึกว่าเป็นเหมือนสวรรค์ เทียนที่จุดบูชาพระมีเปลวนิ่ง ไม่ไหวส่ายเปลวเทียนไปมาเหมือนในโลกมนุษย์

คนที่อยู่ในนั้น มีทั้งอาจารย์และลูกศิษย์ อาจารย์เป็นพระก็มี ฆราวาสก็มี รวมสองสามคน ฝ่ายลูกศิษย์ก็มีทั้งพระสงฆ์และฆราวาส รวม 5-6 คน มีคนไทยสองคนทั้งหลวงพ่อด้วย นอกนั้นเป็นฝรั่งอเมริกาคนหนึ่ง จีนแผ่นดินใหญ่คนหนึ่ง สิขิมคนหนึ่ง และมีคนอื่นอีก ผมจำไม่ได้ ทุกวันมีการสอนธรรมะ และทำสมาธิ อยู่ที่นั่นไม่ต้องกินอาหาร ไม่หิวเลย หลวงพอเคยนำวิทยุและกล้องถ่ายรูปไปถ่ายภาพ เพื่อมาอวดคนอื่น แต่ก็รับวิทยุไม่ได้ ถ่ายรูปมาล้างแล้วก็ไม่ติด ตอนที่ท่านเล่าให้ ผมฟัง ท่านยังไม่จบการศึกษาในป่า ต้องสอบอีกครั้งเป็นครั้งสุดท้าย

“ผมไปกับหลวงพ่อด้วยคนนะครับ ผมอยากเห็นจังเลย” ผมทำวาจาอ้อนขอตามไปดูด้วย

“ไม่ได้หรอก ไปไม่ได้ ต้องให้ทางในดงเขาเชิญมา ” หลวงพ่อตอบ

“ก็ฝากให้หลวงพ่อบอกท่านในดงด้วยนะครับ ว่าผมอยากไปอยู่ด้วย”

“เดี๋ยวไปแล้วไม่ได้กลับนะ”

“ก็ดีซีครับ น่าอยู่ออก มีความสุขยังกับสวรรค์ ผมชอบ” ผมนึกว่า ขอให้แน่จริงเถอะน่า เรื่องอยากรู้ระบบของชีวิต เราน่ะใจถึงอยู่แล้ว ใครจะแน่กับเราในเรื่องนี้บ้าง

บ่ายแก่ๆแต่ยังไม่เย็น หลวงพ่อออกไปป่าแล้ว ผมอยู่กับพี่ทรงเพียงสองคน

“เรื่องที่หลวงพ่อเล่ามานั้น จริงหรือโกหกครับพี่ทรง” ผมถามพี่ทรงโดยทราบว่าไม่มีหลวงพ่ออยู่ด้วย

“พี่ก็ไม่รู้นะ บุญเสริมว่ายังไงล่ะ?”

“สนุกดีครับ ดูเหมือนเคยลงเรื่องนี้ในหนังสือพิมพ์แล้ว ผมคิดว่าไม่น่าจะจริง แต่ผมก็ไม่ปฏิเสธทั้งหมด ทุกอย่างมันเป็นได้ทั้งนั้น”

พี่ทรงทำตากระพริบ เหมือนใช้ความคิด แล้วพูดต่อ “พี่เคยเห็นท่านเสกใบไม้เป็นปลานะ”

ผมก็ปล่อยทีเด็ดไปบ้าง “ไม่ยากนะครับ ผมก็เสกกระดาษเป็นกุ้งเป็นปลาได้หมด”

“ เหรอ !” พี่ทรงตอบ ไม่ทราบว่าพี่ทรงคิดอย่างไร อาจนึกว่าผมทะลึ่งมากกว่า เพราะเสกกระดาษธนบัตรให้เป็นอะไรก็ได้หลายอย่าง ในใจผมคิดว่าพระองค์นั้นหลอกพี่ทรงหรือเปล่า การเล่นกลนั้นไม่มีทางจับได้ง่าย มีแขกอินเดียเล่าให้ผมฟังถึงเรื่องท่านสะบักบานสามารถเรียกนาฬิกาข้อมือราคาแพงมาจากอากาศ แขกอินเดียคนนั้นคุยต่อว่า ถ้าให้เขาอยู่ด้วย เขาสามารถทำให้นาฬิกาที่ท่านสะบักบานเสกมานั้น เข้ามาอยู่ในกระเป๋าเขาได้ การเล่นกลนั้นมีชั้นเชิงลึกซึ้งจับยาก นอกจากคนที่เรียนมาด้วยกัน แต่นั่นไม่ใช้เรื่องที่พี่ทรงกับผมตามหาความจริง เรากำลังตามหาว่า ใครจะทำหรือสอนให้เราทราบว่า ชีวิตนี้มีกลไกแห่งการรับกรรมได้อย่างไร และ ตายแล้วจะเป็นอย่างไรต่อไป การใช้เหตุใช้ผลคิดเอาตามตรรกะ คงไม่มีทางทำให้เรารู้จริงได้

“ผมว่าพี่อย่าสนใจพระองค์นี้เลย ท่านไม่ได้ให้สิ่งที่เราอยากรู้ คือไม่สามารถทำให้เราทราบว่า ระบบชีวิตเป็นอย่างไร”

“พี่ก็อาศัยท่านเป็นกำลังใจ เวลามีทุกข์ท่านก็เสกเป่าให้ ก็ดูปัญหาปลอดโปร่งดี” พี่ทรงตอบ ไม่ทราบว่าท่านไม่พอใจผมหรือเปล่า “เรื่องระบบชีวิต เป็นเรื่องที่เราสองคนอยากรู้มาก ทำไมเซ็ลที่เป็นแขนจึงสามารถสร้างเซ็ลที่เป็นมือได้ ทำไมเซ็ลที่เป็นมือ จึงสร้างเซ็ลที่เป็นนิ้วได้ ทำไมคุณสมบัติทางร่างกายจิตใจของคนและสัตว์ จึงถูกกำหนดมาเป็นคุณสมบัติเฉพาะ แต่ละคนมีข้อแตกต่าง โดยเฉพาะนิสัย และความแข็งแรงของร่างกายของแต่ละคนก็ต่างกัน แล้วมันเกี่ยวอะไรกับโชควาสนา มันมีอำนาจอะไรกำกับกลไกของชีวิตอยู่ ที่ว่ามานี้ เป็นเรื่องควรรู้ทั้งนั้น”

“ใช่ครับ นั่นคือเรื่องที่เราอยากรู้ คนทั้งหลายเขาไม่อยากรู้กันหรอก หรือว่าเราบ้า และเรื่องนี้หลวงพ่อองค์นั้นก็ไม่บอกให้เราทราบได้ ผมก็เลยเฉยๆกับความวิเศษของท่าน ถ้าท่านทำให้ผมรู้ได้จริง ผมจึงนับถือ ผมดื้อมากใช้ไหมครับ?”

“คงไม่หรอก” พี่ทรงใช้คำว่า “คง” บ่อยๆเมื่อคุยกับผม “บุญเสริมชอบคิด ดีแล้ว พี่ว่าถูกแล้วละ เราเชื่อตามโดยเราไม่รู้ คงไม่ดีนัก”

หลายปีต่อมา หนังสือพิมพ์รายวันลงว่า มีโลงแก้วอยู่ในสวนรกร้างแห่งหนึ่งทางฝั่งธนบุรี มีศพพระแห้งอยู่ข้างในโลงนั้น ก็ศพของหลวงพ่อที่เล่ามานี้แหละ ท่านสั่งลูกศิษย์ผู้ใกล้ชิดว่าเมื่อท่านมรณภาพ(ตาย)แล้ว ก็ให้นำศพใส่โลงแก้วไว้ในสวนสวรรค์ของท่าน ครั้นนานๆไป ลูกศิษย์ก็ลืมหลวงพ่อ ไม่มาดูสวน ไม่มากราบไหว้ สวนจึงรกร้าง เป็นไปตามกฎแห่งความไม่แน่นอน สวนสวรรค์นั้น ท่านเคยชวนพี่ทรงไปดู พี่ทรงก็ชวนผมไปดู ผมก็ไม่เคยไปดูสักที พี่ทรงบอกว่า หลวงพ่อสร้างไว้เป็นที่ทำสมาธิ หลวงพ่อว่า มีลานทองแดงและจานรับพลังงานจากท้องฟ้า ถ้าทำสมาธิที่นี่ จิตใจจะดีมาก

ข่าวนั้น แม้ไม่นานนัก และไม่มีใครรู้ที่มาที่ไปกี่คนนัก สำหรับเราก็มีประเด็นวิจารณ์กันพอควร ในที่สุดก็สรุปว่า เมื่อท่านไม่สามารถให้คำอธิบายเรื่องที่เราสนใจได้ เราก็ควรหยุดคิดถึงความมหัศจรรย์ของท่าน ถ้าท่านแน่จริง ก็ขอให้ท่านมาสอนอะไรดีๆให้เราทราบบ้าง

นี่ไม่ใช่คำท้าหรอกนะ แต่เป็นการฝากตัวขอเป็นลูกศิษย์แบบยะโสที่สุด

 

สาม

วันหนึ่งเราคุยกันถึงเรื่องรัศมีที่ออกจากร่างกายคน พี่ทรงบอกว่ามีอาจารย์ฆราวาส(ฆราวาส : คนที่ไม่ใช่พระ)ท่านหนึ่ง มีกล้องถ่ายรังสีที่ออกจากตัวคน อยู่ที่โรงแรมแถวถนนรัชดาภิเษก พี่ทรงนัดให้ผมไปพบ แล้วพากันถ่ายรูป รัศมีที่ออกมาในรูปถ่ายเป็นสีเขียวบ้าง แดงบ้าง ม่วงบ้าง เหลืองบ้าง สรุปก็คือ สีรุ้งนั่นแหละ ม่วง-คราม-น้ำเงิน-เขียว-เหลือง-แสด-แดง ผสมปนเปกัน รัศมีของพี่ทรงกับของผมต่างกันบ้าง อาจารย์เจ้าของกล้องวิเศษอธิบายนิสัยใจคอของพี่ทรงกับของผม ซึ่งแตกต่างกันมากพอควร เมื่อถามถึงราคาค่าถ่ายรูป พี่ทรงบอกว่าไม่ต้องถาม ท่านจ่ายให้ ภาพละ 500 บาทเสร็จแล้วพี่ทรงชวนผมไปดื่มของเหลวที่ห้องโถงโรงแรมนั้น

ผมดื่มกาแฟพี่ทรงดื่มน้ำส้ม เมื่อซดกันคนละจิบหรือคนละอึกแล้ว พี่ทรงก็ถามว่า “บุญเสริมเห็นเป็นอย่างไร เรื่องรัศมีของคน”

“พี่ครับ ผมพอทราบมาบ้างจากประสพการณ์ของตัวเอง คนเรามีแสงรัศมีรอบตัว ถ้าพี่ให้คนนั่งมีฉากขาวอยู่ข้างหลัง แล้วเรามองอยู่ข้างหน้า มองให้ดีๆ ใจนิ่งๆมีสมาธิ พอจิตนิ่งจะเห็นแสงสีขาวนวลรอบๆกาย มองต่อไปอีก ถ้าจิตนิ่งดี สีรอบกายจะเปลี่ยนเป็นสีแดง ต่อไปจะเปลี่ยนเป็นสีเหลืองอ่อน”

“โอ๊ะ! วิเศษจริงๆ ไม่ต้องใช้กล้อง” พี่ทรงอุทาน

“ไม่วิเศษครับ ใครๆก็ทำได้ แสงที่เราเห็น คือแสงสะท้อนจากร่างกาย ก็มีครบทุกสีแหละเหมือนกับเราเอาแสงสีขาวที่ให้ความสว่างอยู่มาแยก มันก็เป็นสีรุ้ง ถ้าเราตั้งใจดูมันก็เห็นสะท้อนออกมารอบๆตัวคน ถ้าจิตนิ่งดีอีก ก็สามารถรับแสงสีอื่นๆได้อีก”

“เฉพาะคนหรือที่มีรัศมี”

“หมูหมาแมวปลา มีหมดครับ แม้แต่ดินสอปากกาก็มี ก็มันแสงสะท้อนจากดวงอาทิตย์หรือดวงไฟ ถ้ากลางคืนดับไฟหมด ก็ไม่มีรัศมีนี้แล้ว ฉะนั้นถ้ามีใครบอกว่า เขาเห็นรัศมีออกจากกายพี่ พี่ก็อย่าตกใจนะครับ ตอบเขาไปว่า คุณก็มีรัศมีสวยนะ”

 

หลังจากนั้น พี่ทรงก็ไม่ได้พบกับผมอีกนาน เวลาเจอกันทีต่างก็ทักกันว่า “โอ้โฮ! แก่ชรากันไปบานเลยนะ” พี่ทรงขอเวลาผมและเพื่อนพ้องว่า ขอเก็บตัวเงียบๆทำสมาธิอย่างเอาเป็นเอาตายตลอดเวลา ไม่ออกไปไหนโดยไม่จำเป็น ส่วนผมก็ฝึกของผมไป ต่างสัญญากันว่า ถ้าใครรู้อะไรดี ก็ต้องบอกอีกฝ่ายให้รู้บ้าง

 

สี่

พี่ทรงเก็บตัวเงียบอยู่ที่ไหนไม่ทราบ ผมเรียนพี่ทรงว่า ควรบอกเบอร์โทรศัพท์ให้ผมทราบบ้าง เผื่อว่าผมตายไปก่อนจะได้โทรบอกพี่ได้ พี่ทรงตอบว่า ไม่เป็นไรหรอก โทรไปที่บ้านนั่นแหละ แล้วลูกเขาจะติดต่อเอง บางทีผมคิดถึงพี่ทรง ผมก็โทรไปที่บริษัท เอเชียบุคส์ ของ คุณวินัย สุทธาโรจน์ ซึ่งเป็นสหายรักคนสนิทแบบคอหอยลูกกระเดือกกัน ผมถามพนักงานว่า พี่ทรงมาบ้างหรือเปล่า ก็ได้รับคำตอบว่า ไม่ค่อยได้มา จนกระทั่งวันหนึ่งหลังปีใหม่ 2547ราวสิบวัน เราได้พบกันโดยบังเอิญที่ร้านกาแฟไม่ไกลจากมหาวิทยาลัยเกริก ที่ทำงานของผม การดื่มกาแฟมื้อนี้ยาวนานหลายชั่วโมง แต่ก็ไม่ได้ดื่มกินอะไรกันมากนัก

“พี่ไดัค้นพบอะไรบ้าง?” ผมหมายถึงเรื่องของระบบชีวิต หรือสัจธรรมของชีวิต

“แล้วเสริมพบอะไรบ้างล่ะ เอามาแลกกัน”

“ผมก็ทราบอย่างที่พี่เคยพูดเสมอว่า ร่างกายนี้ไม่ใช่ของเรา”

“แล้วบุญเสริมเข้าใจไม้?” พี่ทรงจ้องหน้า ทายว่าผมจะตอบว่าอย่างไร

“เข้าใจครับพี่ ง่ายนิดเดียว มันจะเจ็บจะดี จะโต จะแก่ มันก็ว่าของมันเอง เราไม่มีทางบังคับควบคุมได้เลย ถ้ามันเป็นของเรา เราก็ต้องบังคับได้ เราเพียงแต่ช่วยให้มันอยู่ในสภาพที่พอทำงานได้เท่านั้น”

“ใช่แล้ว เราอาศัยมันอยู่ เราควรขอบคุณมัน ไม่ใช่เอาควันบุหรี่อัดให้มัน เอาเหล้าเบียร์ร้อนๆเทใส่เข้าไปให้มัน เนรคุณมัน มันไม่ชอบแน่ เมื่อมันถูกทำร้าย มันก็เสื่อมเร็ว เราก็เดือดร้อน”

“ถ้าเราไม่เป็นเจ้าของร่างกาย แล้วใครเป็นเจ้าของครับ”

“ก็ไม่รู้ จะว่าจิตใจเป็นเจ้าของร่างกาย ก็คงไม่ใช่ เพราะจิตใจซึ่งเป็นของเรา ถ้าจิตใจเป็นเจ้าของร่างกาย มันต้องบังคับร่างกายได้ ไม่ให้แก่ไม่ให้เจ็บไม่ให้ตาย”

“พี่คิดว่าจิตใจเป็นของเราหรือครับ?” ผมจับประเด็นถาม

“จากการฝึกสมาธิอย่างหนักนะ พี่สังเกตว่า จิตใจมันก็ไม่ใช่ของเรา เวลาเราคิด จะคิดโดยตั้งใจ หรือคิดขึ้นมาเองแบบใจลอย เราก็รู้สึกว่า นี่แหละเรา จิตนี่แหละคือเรา ก็นี่แหละเรา เราอยู่ตรงนี้ รู้สึกตัวอยู่ตรงนี้”

“แล้วพี่สังเกตหรือเปล่าว่า ความคิดนั้นมันคงอยู่ไปเรื่อยๆ หรือหายไปไหน?”

“เออ ! ….. โอโฮ้!… บุญเสริมถามยอดจริงๆ พี่ปิ๊งเลย” พี่ทรงแสดงความดีใจออกนอกหน้าอย่างที่ไม่มีใครได้เคยเห็นมาก่อนเลย

“ยังไงครับ ผมไม่เข้าใจ พี่ตื่นเต้นอะไรหรือครับ?”

“นี่บุญเสริมไม่รู้หรือแกล้งโง่”

“เวลาผมโง่ก็โง่สุดยอดแหละครับ”

“ เข้าใจเลย….. ทำไมไม่มีใครถามอย่างนี้มาก่อน”

“ผมเป็นคนแรกที่ถามอย่างนี้หรือครับ” ผมไม่เข้าใจจริง ดูพี่ทรงพูดวกวน ไม่เคยเห็นเป็นแบบนี้

“ใช่แล้ว….. เรารู้สึกว่า จิตใจนี้แหละคือตัวเรา ใครๆก็รู้สึกอย่างนี้ แต่จิตมันคิด แล้วก็หายไป แล้วก็คิดอีก แล้วก็หายไปอีก บางทีก็หยุดหายไปนาน เราก็ว่าตัวเราหายไป แล้วก็รู้สึกขึ้นใหม่อีก คิดใหม่อีก เรื่องที่คิดไปแล้ว ก็หายไป เรื่องที่เรารู้สึกดีใจเสียใจ เกิดขึ้นแล้วก็หายไป เราเก็บไว้ไม่ได้ จะคิดดีใจเสียใจให้เหมือนเดิมอีก ก็ไม่มีทางรู้สึกเหมือนเดิมได้ จิตใจจึงไม่มีเป็นตัวเป็นตนจริง จิตใจไม่เป็นตัวตนจริงๆ ถ้าเราว่าจิตใจคือตัวเราหรือชีวิตสูงสุดของเรา เมื่อจิตใจไม่มีความคงอยู่ เกิดขึ้นแล้วก็หายไป หายไปจริงๆ เราเองก็ไม่มีอยู่จริง เราเกิดขึ้นพร้อมจิตด้วยความรู้สึก แล้วก็หายไปด้วยความรู้สึกพร้อมจิต เราไม่มีอยู่จริง ตัวตนเราไม่มีอยู่จริง ไม่เพียงร่างกายเท่านั้น ที่ไม่ใช่ของเรา แม้แต่จิตใจก็ไม่มีเป็นเรา เราโง่เข้าใจผิดต่างหาก ความรู้สึกของเราเมื่อนาทีที่แล้ว ก็เป็นความรู้สึกคนละอันกับความรู้สึกขณะนี้ ฉะนั้นจึงสรุปได้ว่า สรุปได้ว่า ตัวเรานี้ คือ พลโทสมศักดิ์นี้ ไม่มีอยู่จริง พลโทสมศักดิ์ไม่มีวันตาย เพราะว่าไม่มีพลโทสมศักดิ์ที่จะตาย”

ผมตกใจงงไปหมด ไม่กล้าขัดจังหวะ กลัวจะเสียเนื้อความ พี่ทรงพูดเอาจริงเอาจัง แต่ในความจริงจังนั้น หน้าตาพี่ทรงสดชื่นที่สุด ใบหน้าอันเหี่ยวผอมตามวัยสดใสขึ้นมาเหมือนเด็กหนุ่มผอมๆคนหนึ่ง ผมหลับตานึกทบทวนตาม เกรงว่าเนื้อความสำคัญจะหายไป แล้วพี่ทรงก็พูดขึ้นอีก เหมือนจะสั่งเรื่องสำคัญ

“บุญเสริม เอาเรื่องนี้ เรื่องที่พี่เข้าใจนี้ ฝากบอกคุณวินัยเขาด้วยนะ เขาร่วมบำเพ็ญบารมีกับพี่มากเหลือเกิน ต้องตอบแทนบุญคุณเขา อย่าลืมนะ”

“ครับ…พี่ ผมรับอาสา” ผมยังหลับตาตอบ

“ความจริงที่ตามหามาทั้งชีวิต ก็แค่นี้เอง ลำบาก เสียเวลา เสียเงิน เสียใจ มากมาย ตามหาไปเท่าไรก็ไม่พบ ไม่ว่าในป่าในเขา พบแต่ความโกหก แท้จริงแล้ว ความจริงมันก็แสดงอยู่ในกระโหลกเล็กๆของเรานี่เอง ไม่ต้องเดินทางไปหาที่ไหนเลย” นี่เป็นข้อความสุดท้ายที่ผมได้ฟังพี่ทรงพูด สุดท้ายจริงๆ

ผมลืมตาขึ้น ไม่มีพลโทสมศักดิ์ เผ่านาค หรือพี่ทรงของผมนั่งอยู่แล้ว อ้าว! ก็เรานั่งอยู่คนเดียวนี่นา อะไรกันนี่??? !!!

 

………………………..




ความคิดเห็นของคุณกับบทความนี้ ...

 

user_icon

Knowledge Center
knowledge center
knowledge

star

เรื่องสำคัญที่ต้องใคร่ครวญในภาวะวิกฤต
 
เรื่องน่ารู้ตามหมวดหมู่
• การแพทย์
• ความรู้ทั่วไป
• เรื่องของผู้หญิง
• กีฬา
• ข่าวและสื่อ

และอื่น ๆ อีกมาก

  ค้นหาเรื่องที่คุณสนใจ
ระบุ keyword
 
True vision

TV Icon

TV Interview

หลากเรื่องราวทางธุรกิจ แง่มุมของผู้บริหาร จากบริษัทชั้นนำต่างๆ

dot
HR Corner
สัมภาษณ์คัดเลือกผู้สมัครงานอย่างไร? ให้ตรงสเป็ค
https://www.jobpub.com/new_images/play.gif
 
The Seeds of Innovation นวัตกรรมใหม่แห่งการพัฒนาบุคลากร
https://www.jobpub.com/new_images/play.gif
 
การสร้างความแตกต่าง ให้เหนือคู่แข่ง
คุณมกร พฤฒิโฆสิต
https://www.jobpub.com/new_images/play.gif
dot

https://www.jobpub.com/new_images/playall_b.gif

 

หางานบ่อย : เพพาล โทรคมนาตคม พนักงานเช็ค พนักงานสำนักงานลาดพร้าว สถาปนิก พลังงาน หางานปั้น พระรามเก้า madas ปวส.ฉะเชิงเทรา ยพยนร‘ยก Seacon Squre ช่างสำรว สนามบินสุวรรณภูมิ ลาดกระบัง วุฒิม.6 กรุงเทพมีนบุรี ธุรการนครปฐม-สมุทรสาคร เสริฟสีลม วาไรตี้โปรเกรส ปราสานงาน หางานธุรการแถวนาคนิวาส ลาดพร้าว122 หางาน วิศวกรนครราชสีมา งานบุคคลธุรการในนิคมบางปู แลบโรงพยาบาล ม3 พาสทาม ไทยรุ่ง ยูไนเต็ด วุฒิปวส.ราชบุรี โลก ตลิ่งชัน ปิ่นเกล้า รับเด็กเสริฟ ผับแถวสุขุมวิท สมัครในภาคใต้ คนขับรถชาวต่างชาติ ร้านถ่ายรูป พี่เลี้ยง ครู งานห้างในโคราช วุฒิ ปวช จตุจักร หางานเชียงใหม่ปี2555 125489 ตลิ่งชั งานบัญชี ลาซาน แท่นขุดเจาพ คนขับรถ บางเสาธง SALA Phuket จากญี่ปุ่น Sale สงขลา ทิปโก้ ช่างฝ้งไร้หนาม เจ้าหน้าที่จัดรายการ ตำแหน่งงานว่างบิ๊กซีปราจีนบุรี ครูฝึกดำน้ำ สัตหีบ ชลบุรี uuewttrt