หน้าแรก เขียนใบสมัครงาน ลงโฆษณางาน ค้นหาใบสมัครงาน คู่มือการใช้งาน Menu

สนใจลงโฆษณา โทร. 02-275-1900, 02-612-4900, 038-395000

space
   ค้นบ่อย : หางานบัญชี, หางานธุรการ, หางานจัดซื้อ, หางานผู้จัดการ, หางานขับรถ, หางานบุคคล, หางานคลังสินค้า, หางานครู, หางานวิศวกร, หางานเขียนแบบ, หางานคีย์ข้อมูล, หางานการตลาด, หางานโรงแรม, หางานสิ่งแวดล้อม, หางานคอมพิวเตอร์, หางาน Programmer, หางานประชาสัมพันธ์, หางานช่าง, หางานสถาปนิก
เรื่อง วัว
เขียนโดย เสกสรร อามตย์มนตรี

Rated: vote
by 19 users

คุณคิดอย่างไรกับเรื่องนี้?

 




> โคเนื้อกำแพงแสน เลี้ยงง่าย โตเร็ว ตลาดไม่ตัน “เนื่องจากประกอบธุรกิจลานมันเป็นอาชีพหลัก จึงมีความคิดว่ามันสำปะหลังที่มีอยู่น่าจะนำมาสร้างมูลค่าเพิ่มได้ และโดยปกติเราใช้เป็นอาหารสัตว์อยู่แล้ว หากเลี้ยงโคขุนเป็นอาชีพเสริมโดยใช้วัตถุดิบที่มีอย ก็น่าจะเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับมันสำปะหลังและยังเป็นการลดต้นทุนการผลิตได้อีกทางหนึ่งด้วย” นั่นคือคำพูดของ คุณสุกิจ วรรณปิยรัตน์ เจ้าของฟาร์มโคเนื้อ “วัฒนกิจฟาร์ม” ซึ่งเป็นฟาร์มโคขุนที่มากด้วย ประสบการณ์เลี้ยงโคกว่า 20 ปี เป็นฟาร์มที่เลี้ยงโคเนื้อกำแพงแสนเป็นสายพันธุ์หลัก เนื่องจากเป็นโคเนื้อที่ได้รับการปรับปรุงพันธุ์จากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน โดยการนำโคลูกผสมพันธุ์พื้นเมืองของไทยผสมกับโคเนื้อสายพันธุ์อเมริกันบราห์มัน เลือด 50:50 แล้วนำมาผสมกับโคเนื้อสายพันธุ์ชาโรเลห์ กลายเป็นโคลูกผสมสามสายเลือด ทีมงานสัตว์เศรษฐกิจ ได้มีโอกาสเดินทางไปที่จังหวัดชัยนาท เพื่อเข้าเยี่ยมชมฟาร์มโคเนื้อของ คุณสุกิจ วรรณปิยรัตน์ ตั้งอยู่ เลขที่ 78 หมู่ 5 ตำบลสุกเดือนห้า กิ่งอำเภอเนินขาม จังหวัดชัยนาท โทรศัพท์ 01-8581944 โดยมีคุณสุกิจคอยให้การต้อนรับอย่างเป็นกันเอง ก้าวแรกของการเข้าสัมผัสบริเวณภายในฟาร์ม สังเกตเห็นพื้นที่ส่วนหนึ่งเป็นลานมัน เนื่องจากคุณสุ-กิจรับซื้อมันสำปะหลังเป็นอาชีพหลัก แต่ด้วยความที่มีพื้นที่กว้างขวาง จึงแบ่งโซนไว้เพื่อทำฟาร์มเลี้ยงโคอยู่ในบริเวณใกล้ๆ กัน ประมาณ 200 ไร่ จัดทำเป็นโรงเรือนสำหรับเลี้ยงโค และโรงอาหารสำหรับใช้ในการเก็บอาหารและผสมอาหาร โดยโรงเรือนเลี้ยงโคสร้างด้วยเสาเหล็กและมุงหลังคาด้วยกระเบื้องอย่างแข็งแรง ขนาดความยาวประมาณ 60 เมตร กว้าง ประมาณ 10 เมตร แบ่งคอกย่อยเป็นล็อกๆ กว้าง ประมาณ 4 เมตร ยาว 10 เมตร ทำการปล่อยโคลงเป็นรุ่นๆ ตามขนาดและอายุของโค มีทั้งหมด 4 โรงเรือน แบ่งเป็นโรงเรือนโคแม่พันธุ์-พ่อพันธุ์ โรงเรือนโครุ่นหลังหย่านม และโรงเรือนโคขุน ส่วนโรงอาหารสร้างอยู่ในบริเวณใกล้กันโดยสร้างด้วยเสาไม้และมุงหลังคาสังกะสี กั้นเป็นช่องด้วยกำแพงคอนกรีต ขนาดความกว้างประมาณ 3 เมตร ยาว 5 เมตรจำนวน 5 ช่อง แบ่งไว้สำหรับใช้เก็บวัตถุดิบอาหารสัตว์ และอาหารที่ผสมเรียบร้อยแล้ว เพื่อเตรียมไปใช้สำหรับเลี้ยงโค คุณสุกิจเล่าให้ฟังว่าเคยทำไร่อ้อยมาก่อน จากนั้นได้เปลี่ยนมาประกอบธุรกิจลานมัน รับซื้อมันสำปะหลังจากเกษตรกร และจุดนี้เองที่เห็นว่ามันที่รับซื้อมามีจำนวนมาก น่านำมาเพิ่มมูลค่าได้ โดยเห็นว่าปกติเราใช้มันสำปะหลังมาแปรรูปเป็นอาหารเพื่อใช้เลี้ยงสัตว์อยู่แล้ว หากนำมาเลี้ยงโคเนื้อก็น่าจะเกิด้ประโยชน์ อีกทั้งยังมองว่าการเลี้ยงโคเนื้อน่าจะเป็นอาชีพที่สร้างรายได้เพิ่มขึ้นจากรายได้ปัจจุบัน ส่วนสาเหตุที่เลือกเลี้ยงโคเนื้อเนื่องจากมองว่าการเลี้ยงโคเนื้อมีค่าใช้จ่ายในการสร้างโรงเรือนและการจัดการน้อยกว่าการเลี้ยงไก่ และสุกร การป้องกันโรคและการดูแลก็ไม่ยุ่งยากนัก แต่หากเลี้ยงโคเนื้อยังพอมีประสบการณ์อยู่บ้าง และจะสามารถใช้วัตถุดิบที่มีอยู่เป็นอาหารสำหรับเลี้ยงโคได้อีกด้วย “ในระยะแรกได้ซื้อโคเนื้อพันธุ์พื้นเมืองและพันธุ์ลูกผสมบราห์มันจากเกษตรกรและตามตลาดนัดโค-กระบือ ในเขตจังหวัดชัยนาทมาเลี้ยง ประมาณ 30 กว่าตัว อายุโดยเฉลี่ยประมาณ 4 ปี คละเพศ มีทั้งโครุ่น และโคแม่พันธุ์ โดยคัดเลือกตัวที่มีความสมบูรณ์เหมาะกับความเป็นโคเนื้อมาเลี้ยง ซึ่งจะดูจากความสมบูรณ์ของกล้ามเนื้อขา เพราะมองว่าโคที่มีกล้ามเนื้อขาใหญ่ จะเป็นโคที่โตเร็ว และเน้นไปที่ลูกผสมชาโรเลห์ หรือลูกผสมบราห์มัน ไม่เน้นโคที่มีสายเลือดพื้นเมืองมากเกินไปเพราะโตช้า” คุณสุกิจเล่าต่อว่า หลังจากเลี้ยงโคเนื้อที่ซื้อมาชุดแรกได้ระยะหนึ่ง โคตัวเมียบางตัวก็เริ่มที่จะผสมพันธุ์ได้ ทางฟาร์มจึงได้ทำการขยายพันธุ์เพิ่มจำนวนโค โดยการนำน้ำเชื้อของโคสายพันธุ์ชาโรเลห์ จากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน มาทำการผสมเทียม ซึ่งหลังจากที่ผสมเทียมแล้วได้ลูกโคสามสายเลือด ซึ่งประกอบด้วยชาโลเลห์ 50% พื้นเมือง 25% และบราห์มัน 25% มีลักษณะคล้ายกับโคพันธุ์ชาโรเลห์ ลำตัวสีเหลืองครีม มีความสมบูรณ์พันธุ์ค่อนข้างสูง เมื่อเทียบอัตราการขุนกับลูกผสมบราห์มันพบว่ามีอัตราการเจริญเติบโตที่ดีกว่า เร็วกว่า และกำลังเป็นที่ต้องการของตลาด จึงได้ขยายพันธุ์เพิ่มจำนวนเรื่อยมา จนปัจจุบันในฟาร์มมีโคทั้งหมดประมาณ 200 กว่าตัว เป็นแม่พันธุ์ประมาณ 100 ตัว เป็นพ่อพันธุ์ 3 ตัว พันธุ์กำแพง แสนทั้งหมด ส่วนที่เหลือจะเป็นโครุ่นและโคขุน โดยมีประสบการณ์ในการเลี้ยงประมาณ 20 กว่าปี “จุดเด่นของโคกำแพงแสนคือเป็นโคที่มีอัตราการเจริญเติบโตเร็ว มีอัตราการแลกเนื้อดีกว่าโคลูกผสมบราห์มัน ทำให้สามารถผลิตส่งตลาดได้เร็วกว่า และเป็นที่ต้องการของตลาดมากกว่าอีกด้วย ตลอดเวลาช่วงการขุนโคกำแพงแสนจะไม่มีการหยุดชะงักการเจริญเติบโต สามารถเลี้ยงตั้งแต่เป็นลูกโคจนถึงจับขายได้เลย แต่หากเป็นโคลูกผสมบราห์มันจะมีจุดชะงักการเจริญเติบโต เช่นในช่วงน้ำหนักประมาณ 300 กว่ากิโลกรัม การเจริญเติบโตจะหยุดชะงัก ตัวจะอ้วนกลมขึ้น แต่โคพันธุ์กำแพงแสนการเจริญเติบโตของกล้ามเนื้อสามารถ ไปได้เรื่อยๆ จนถึง 550-600 กิโลกรัม” คุณสุกิจกล่าวยืนยัน คุณสุกิจเล่าต่อว่าทางฟาร์มจะคัดเลือกลูกโคที่เป็นผลผลิตจากฟาร์มที่มีลักษณะดีไว้ เพื่อใช้เป็นพ่อพันธุ์และแม่พันธุ์ มีเกณฑ์ในการคัดเลือกโดยดูจากลักษณะของโครงสร้างกล้ามเนื้อ และอัตราการเจริญเติบโตเป็นหลัก ขาและลำแข้งต้องตรงและโตเหมาะสมกับลำตัว ขาไม่เตี้ยสั้นผิดปกติ ลำ-ตัวยาว โคตัวผู้ที่จะใช้เป็นพ่อพันธุ์ต้องมีอัณฑะที่สมบูรณ์ทั้ง 2 ข้าง ใหญ่โตเสมอกัน ลึงค์ต้องไม่หย่อนยานจนเกินไป ซึ่งโดยปกติโคเนื้อที่มีลักษณะโครงสร้างของกล้ามเนื้อดีก็จะทำให้มีอัตราการเจริญที่ดีด้วย ทางฟาร์มจะเริ่มผสมพันธุ์แม่โคที่อายุ 2 ปี โดยจะใช้โคตัวผู้ปล่อยในฝูงช่วยในการเช็คสัด ซึ่งการปล่อยให้โคตัวผู้อยู่รวมในฝูงโคตัวเมียจะทำให้เราสามารถทราบว่าโคตัวไหนเป็นสัดได้ค่อนข้างจะแม่นยำอีกวิธีหนึ่ง เนื่องจากการแสดงอาการเป็นสัดของโคตัวเมีย ย่อมเป็นเครื่องบ่งชี้ว่าโคตัวนั้นพร้อมและยินยอมที่จะรับการผสมพันธุ์ ปกติการแสดงอาการเป็นสัดของโคจะอยู่ในระยะเวลาสั้นๆ ประมาณ 24 ชั่วโมง และหากโคเป็นสัดแล้วไม่ได้รับการผสม ก็จะกลับมาแสดงอาการเป็นสัดอีกภายใน 21 วันโดยเฉลี่ย ซึ่งเมื่อเราได้โคแม่พันธุ์ที่พร้อมที่จะผสมพันธุ์แล้ว เราจะนำแม่พันธุ์มาแยกเลี้ยงจากตัวอื่นเพื่อเตรียมรับการผสม โดยทางฟาร์มจะใช้วิธีการผสมพันธุ์แบบผสมจริง คือการให้โคพ่อพันธุ์ที่มีลักษณะดีตามเกณฑ์ที่มีอยู่ในฟาร์มขึ้นทับโคตัวเมียที่แสดงอาการเป็นสัด และส่วนหนึ่งจะใช้วิธีผสมเทียมสลับกัน เพื่อไม่ให้พ่อพันธุ์เสื่อมประสิทธิภาพเร็วเกินไป โดยน้ำเชื้อที่ทางฟาร์มนำมาใช้จะได้มาจากกรมปศุสัตว์และมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน หลังจากโคได้รับการผสมแล้วจะใช้เวลาตั้งท้องประมาณ 283 วัน เมื่อลูกโคคลอดออกมาแล้วเราจะให้ลูกโคได้รับนมน้ำเหลืองจากแม่ ซึ่งปกติลูกโคควรจะได้รับนมน้ำเหลืองจากแม่อย่างเพียงพอ โดยเฉพาะในช่วง 24 ชั่วโมงแรกเกิด เพื่อที่จะได้รับภูมิ- คุ้มกันจากแม่ที่ถ่ายทอดให้กับลูกได้ และเมื่อลูกโคมีอายุครบ 5 เดือนจึงจะเริ่มหย่านม และจะเริ่มทำวัคซีนเข็มแรก ซึ่งในการทำวัคซีนนั้น จะต้องทำให้เหมาะสมกับช่วงอายุของสัตว์ และทำตามกำหนดเวลาเป็นประจำ เพื่อให้สัตว์มีระดับภูมิคุ้มกันในระดับที่สูงอยู่เสมอ ซึ่งสัตว์จะใช้เวลาประมาณ 2 สัปดาห์ในการสร้างภูมิคุ้มกันหลังจากได้รับวัคซีน ทั้งนี้ การสร้างภูมิคุ้มกันให้ได้ผลดีนั้น สัตว์จะต้องมีร่างกายแข็งแรง สมบูรณ์ และได้รับอาหารที่มีคุณภาพ ซึ่งการทำวัคซีนจะต้องทำซ้ำทุกๆ 3 เดือนเพื่อเป็นการกระตุ้นภูมิคุ้มกัน โดยวัคซีนที่ทำจะเป็นวัคซีนป้องกันโรคปากและเท้าเปื่อยเพียงอย่างเดียง โดยดำเนินการไปพร้อมกับการถ่ายพยาธิ สำหรับอาหารที่ให้ก็จะเป็นอาหารข้น และให้อาหารหยาบผสมเพิ่มลงไป โดยมีอัตราส่วนในการให้ประมาณ 2-3% ของน้ำหนักตัว ซึ่งจะแบ่งให้เป็น 3 เวลา อาหารที่ใช้สำหรับเลี้ยงโคในฟาร์มจะเป็นอาหารที่ผสมเองทั้งหมด ทางฟาร์มจะใช้วัตถุดิบจากมันสำปะหลังที่มีอยู่ในลานมันมาผสมกับแหล่งโปรตีนที่ได้จาก กากงา กากนุ่น ส่วนแร่ธาตุเราจะผสมไดแคลเซี่ยมลงไป 10% พร้อมกับพรีมิกซ์ หากเป็นอาหารโครุ่นจะเสริมกากงาเพิ่มลงไปเพื่อเพิ่มโปรตีนทำให้โคมีการเจริญเติบโตเร็วขึ้น ทั้งนี้ทางฟาร์มจะให้อาหารหยาบเช่น ฟางข้าว หญ้าหมักเสริมไปด้วย และเมื่อโคมีน้ำหนัก ประมาณ 300 กิโลกรัมขึ้นไป จะเริ่มขุนโคโดยให้อาหารเต็มที่อีกประมาณ 10 เดือน ซึ่งโดยเฉลี่ยโคจะต้องมีน้ำหนักเพิ่มเดือนละประมาณ 25 กิโลกรัม และเมื่อโคขุนได้น้ำหนักประมาณ 550 กิโลกรัม หรือที่อายุประมาณ 20 เดือน ก็จะคัดขาย โดยส่วนใหญ่จะคัดขายเฉพาะโคตัวผู้ ส่วนโคตัวเมียจะคัดเลือกตัวที่มีลักษณะและมีอัตราการเจริญเติบโตดีไว้เป็นแม่พันธุ์ต่อไป ในส่วนของโคแม่ พันธุ์ทางฟาร์มจะเลี้ยงแบบธรรมชาติ คือปล่อยแปลงหญ้าเพื่อให้โคได้แทะเล็มหญ้าอาหารสัตว์ที่ปลูกไว้อย่างเต็มที่ โดยทางฟาร์มจะปลูกถั่วฮามาต้า และหญ้าซาตากัสไว้ในแปลง เนื่องจากทั้งสองชนิดนี้มีความทนทานต่อการเหยียบย่ำของโค และจะเสริมอาหารข้นให้เฉพาะในฤดูแล้งเท่านั้น สำหรับโคอุ้มท้องหรือโคเลี้ยงลูกก็จะให้เช่นเดียวกัน ในส่วนของโคขุนและโครุ่นจะเลี้ยงแบบยืนโรงให้อาหารในรางอาหารที่เตรียมไว้ ซึ่งบางครั้งมักจะมีปัญหาเรื่องข้อขา และกีบเท้าบ้าง จึงจำเป็นต้องให้อาหารแก่โคอย่างเพียงพอเพื่อที่จะไปเสริมสร้างในส่วนของกล้ามเนื้อข้อขา สำหรับราคาที่ขายกันอยู่ในปัจจุบันกิโลกรัมละ 108 บาท ทางฟาร์มจะขายที่สหกรณ์โคเนื้อของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์เป็นหลัก จะมีขายให้กับพ่อค้ารายย่อยบ้างในบางครั้ง ซึ่งต้นทุนการผลิตในแต่ละตัวจะไม่เท่ากันเนื่องจากโคมีขนาดต่างกัน บางตัวเล็ก บางตัวใหญ่ ทำให้โคแต่ละตัวกินอาหารไม่เท่ากัน “แนวโน้มการตลาดโคเนื้อในอนาคตก็ยังคงไปได้ดี เนื่องจากยังมีผู้ที่บริโภคเนื้อโคกันเป็นจำนวนมาก ซึ่งปัจจุบันก็มีไม่เพียงพออยู่แล้ว และเกษตรกรยังคงต้องการเลี้ยงโคขุนกันเยอะ ซึ่งโคขุนที่มีสายพันธุ์ชาโลเลห์ หรือพันธุ์กำแพงแสนก็ยังเป็นที่สนใจของเกษตรกร แต่ในบางครั้งก็มีปัญหาบ้าง เนื่องจากโคที่เลี้ยงโตไม่เท่ากัน หรือบางครั้งก็มีปัญหาโคล้นตลาดบ้าง ซึ่งมักเป็นไปตามวงรอบและกลไกของตลาด และปัญหาอีกประการหนึ่งคือ ธุรกิจการเลี้ยงโคเนื้อยังจำเป็นต้องขึ้นอยู่กับระบบของรัฐ เช่น กรณีการเคลื่อนย้ายโคมีขั้นตอนมากมาย เพื่อป้องกันปัญหาโรคระบาด และการควบคุมไม่ให้มีการแพร่ระบาดของโรคที่อาจแฝงตัวมาจากโคที่กำลังเคลื่อนย้าย ทำให้เกิดการล่าช้าในการขนส่งให้แก่ลูกค้า และในส่วนของเรื่องตลาดนัดค้าโค กระบือ ควรจะจัดให้เป็นระบบมากขึ้นเพราะหากไม่เป็นระบบอาจมีการแพร่ระบาดของโรคได้ง่าย” คุณสุกิจกล่าว สุดท้ายคุณสุกิจ ได้ฝากถึงผู้ที่เลี้ยงโคเนื้อและผู้ที่คิดจะเริ่มเลี้ยงโคเนื้อ ว่า ผู้ที่จะเลี้ยงโคเนื้อในระยะแรกควรศึกษาในเรื่องการลงทุนให้ดี และควรเริ่มจากเงินลงทุนที่ต่ำๆ ก่อน อย่าเพิ่งเริ่มใช้เงินลงทุนที่สูง และอย่าไปมองแต่แม่พันธุ์ที่มีราคาสูง ควรจะต้องมองว่าโคเนื้อคืออะไร และเมื่อเลี้ยงไปแล้วต้องการขายอะไร ทั้งนี้ โคเนื้อกำแพงแสนถือว่ามีอัตราการเจริญเติบโตเร็ว แต่ยังไม่ชัดเจนในเรื่องการคัดเลือกพ่อแม่พันธุ์คุณภาพดี เพื่อมาใช้เป็นพ่อแม่พันธุ์ ซึ่งเราไม่แน่ใจว่าจะไปเลือกที่ตรงไหน เพราะทุกคนบอกว่าพ่อแม่พันธุ์ที่ดีต้องมีลักษณะอ้วนๆ แต่ไม่ได้มีการทดสอบว่ามีประสิทธิภาพ ดีแค่ไหน เพราะหากเราคัดเลือกพ่อพันธุ์เอง บางตัวใช้งานได้ 10 ครั้ง บางตัวได้ 2 ครั้ง ไม่มีความแน่นอนเนื่องจากไม่ได้มีการทดสอบสายพันธุ์ แต่หากมีการทดสอบว่าตัวไหนมี ประสิทธิภาพที่ดี มีอัตราการเจริญเติบโตดี มีประสิทธิภาพของน้ำเชื้อดี เราก็สามารถไปซื้อมาใช้ได้เลยโดยไม่ต้องมาทดสอบเอง ทั้งนี้ผู้ที่จะเลี้ยงโคเนื้อจะต้องมีใจรักการเลี้ยงสัตว์ มีความขยัน อดทน ไม่ท้อแท้เมื่อเกิดปัญหา หมั่นแสวงหาความรู้เพิ่มเติมอยู่เสมอเพื่อที่จะนำมาปรับใช้ในฟาร์ม และที่สำคัญต้องมีเวลาดูแลและคลุกคลีกับโคในฟาร์มอยู่เสมอ เพื่อที่จะได้ทราบถึงปัญหา และหาทางแก้ไขได้ถูกต้องและทันท่วงที จาก ทีมงานสัตว์เศรษฐกิจ



ความคิดเห็นของคุณกับบทความนี้ ...

 

user_icon

Knowledge Center
knowledge center
knowledge

star

Blue Ocean Stategy
 
เรื่องน่ารู้ตามหมวดหมู่
• การแพทย์
• ความรู้ทั่วไป
• เรื่องของผู้หญิง
• กีฬา
• ข่าวและสื่อ

และอื่น ๆ อีกมาก

  ค้นหาเรื่องที่คุณสนใจ
ระบุ keyword
 
True vision

TV Icon

TV Interview

หลากเรื่องราวทางธุรกิจ แง่มุมของผู้บริหาร จากบริษัทชั้นนำต่างๆ

dot
HR Corner
สัมภาษณ์คัดเลือกผู้สมัครงานอย่างไร? ให้ตรงสเป็ค
https://www.jobpub.com/new_images/play.gif
 
The Seeds of Innovation นวัตกรรมใหม่แห่งการพัฒนาบุคลากร
https://www.jobpub.com/new_images/play.gif
 
การสร้างความแตกต่าง ให้เหนือคู่แข่ง
คุณมกร พฤฒิโฆสิต
https://www.jobpub.com/new_images/play.gif
dot

https://www.jobpub.com/new_images/playall_b.gif

 

หางานบ่อย : ขับรถใหญ่ Sesso เซ็นทรัลพระราม 2ช่างไฟฟ้า จัดเรียงสินค้า พนักงานวิจัยตลาด คนพิการในชลบุรี sevensuns ไทยไวนิล นิติกร ทนายความ g]-k ผู้ช่วย/ผู้จัดการผลิต ผู้ช่วยบริหารหน่วยงาน ฝั่งธนวุฒิม.6 rc พี่เลี้ยงเด็กพิการ หางานพลศึกษา ขายตู้น้ำดืม ผูจัดการฝ่ายบุคคล บัญชีบริษัทซัมซุงชลบุรี ดูแลการจ่ายน้ำมัน แบริ่ง สุขุมวิท107 งานปั้นไทย สวนหลวงวุฒิม3 หางานหัวหน้างาน งานผู้ช่วยพยาบาลวุฒิม.3 พนักงานขาย,วิศวกรขาย uch reto CP Fresh mart ๊กซีพะปแดง พนักงานธุรการจังหวัดชัยนาท โรงแรม สงขลา สมัครงานกับโรงแรมบันยันทรี งานธนาคาร วุฒิ ปวส.ลาดพร้าว หางานตำแหน่งธุรการแถวหาดใหญ่ kทหาร พนักงานขายกรุงเทพ รปภ. กรุงเทพบางเขน ผ้จัดการ หัวหน้างาน pc ประจำ home pro ธุรการ บุคคล สมุทรปราการ D.j. งานทั้งหมด ธุรการ จังหวัดภูเก็ต กิ่ิงแก้ว บัญชีคลังสินค้าสงขลา ขายจบปริญญาตรี ในเทศบาล กะ เย็ น ประกันคุณภาพ ศึกษา การ ลาดพร้าว,ห้วยขวาง