การฝึกหายใจ
หลักการ
ตามปกติคนทั่วไปจะหายใจตื้น ๆ โดยใช้กล้ามเนื้อหน้าอกเป็นหัก ทำให้ได้ออกซิเจนไปเลี้ยงรายกายน้อยกว่าที่ควร โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเวลาเครียด คนเราจะยิ่งหายใจถี่และตื้นมากขึ้นกว่าเดิม ทำให้เกิดอาการถอนหายใจเป็นระยะ ๆ เพื่อให้ได้ออกซิเจนมากขึ้น
การฝึกหายใจช้า ๆ ลึก ๆ โดยใช้กล้ามเนื้อกระบังลมบริเวณท้องจะช่วยให้ร่างกายได้อากาศเข้าสู่ปอดมากขึ้น เพ่มปริมาณออกซิเจนในเลือดและยังช่วยเพ่มความแข็งแกร่งแก่กล้ามเนื้อและลำไส้ด้วย การฝึกการหายใจอย่างถูกวิธี จะทำให้หัวใจเต้นช้าลง สมองแจ่มในเพราะได้ออกวิเจนมากขึ้นและการหายใจออกอย่างช้า ๆ จะทำให้รู้สึกว่าได้ปลอดปล่อยความเครียดออกไปจากตัวจนหมดสิ้น
วิธีการฝึก
นั่งในท่าที่สบาย หลับตาเอามือประสานไว้บริเวณท้อง ค่อย ๆ หายในเข้า พร้อมกับนับเลข 1 ถึง 4 เป็นจังหวะช้า ๆ 1.2.3.4 ให้มือรู้สึกว่าท้องพองออก
กลั้นหายใจเอาไว้ชั่วครู่ นับ 1 ถึง 4 เป็นจังหวะช้า ๆ เช่นเดียวกับเมื่อหายใจเข้า
ค่อย ๆ ผ่อนลมหายใจออก โดยนับ 1 ถึง 8 อย่างช้า ๆ 1..2..3..4..5.6..7..8.. พยายามไล่ลมหายใจออกมาให้หมด สังเกตว่าหน้าท้องแฟบลง
ทำซ้ำอีก โดยหายใจเข้าช้า ๆ กลั้นไว้ แล้วหายใจออกโดยช่วงที่หายใจออกให้นานกว่าช่วงที่หายใจเข้า
ข้อแนะนำ
การฝึกการหายใจ ควรทำติดต่อกันประมาณ 4-5 ครั้ง
ควรฝึกทุกครั้งที่รู้สึกเครียด รู้สึกโกรธ รู้สึกไม่สบายใจ หรือฝึกทุกครั้งที่นึกได้
ทุกครั้งที่หายใจออก ให้รู้สึกได้ว่าผลักดันความเครียดออกมาด้วยจนหมด เหลือไว้แต่ความรู้สึกโล่งสบายเท่านั้น
ในแต่ละวัน ควรฝึกการหายใจที่ถูกวิธีให้ได้ประมาณ 40 ครั้งแต่ไม่จำเป็นต้องทำติดต่อในคราวเดียวกัน
ผลดีจากการฝึก
ขณะฝึก
* อัตราการเผาผลาญอาหารในร่างกายลดลง
* อัตราการเต้นของหัวใจช้าลงเป็นปกติ
* อัตราการหายใจเป็นปกติ
* ความดันโลหิตเป็นปกติ
* ความตึงเครียดของกล้ามเนื้อลดลง
หลังการฝึก
* ใจเย็นขึ้น
* ควมวิตกังวลลดลง สบายใจมากขึ้น
* สมาธิดีขึ้น
* ความจำดีขึ้น
* ความสัมพันธ์กับผู้อื่นดีขึ้น
* สมองแจ่มใส คิดแก้ปัญหาต่างๆ ได้ดีขึ้นกว่าเดิม
คราวหน้าเรามาต่อกันในการทำสมาธินะครับ *****
วิทย์
|