อย่าเพิ่งรีบหยุดยา ถ้าไม่แน่ใจว่าหาย...
ขึ้นต้นแบบนี้ ไม่ได้หมายความว่าจะพูดถึงเรื่องสุขภาพ แต่เป็นความเปรียบที่ใช้ในการทำงานและการเรียน
เคยเป็นไหมครับ เวลาเริ่มต้นทำอะไรดีๆ เช่น ตั้งใจอ่านหนังสือเรียน คืนนี้อ่านได้ 2-3 หน้า คืนต่อไปขี้เกียจสุดๆ เลยหยุดอ่านไปเฉยๆ แล้วคืนต่อไปคงเดากันได้ว่าจะสานต่อการอ่านหนังสือเล่มนั้นยากเย็นเพียงใด
เมื่อเกิดความไม่ต่อเนื่องในเรื่องใด ย่อมจะสูญเปล่าเรี่ยวแรงและเวลาที่ทำไปในตอนต้น ชีวิตคนเราเป็นเช่นนี้บ่อยครับ คือเริ่มต้นทำอะไรดีๆ ไม่เท่าไหร่ ก็ละ เลิก วางมือกับสิ่งนั้นไปดื้อๆ ด้วยเหตุนี้โครงการดีๆ จึงไม่ก่อเกิดผลเพราะทำเหลาะๆ แหละๆ ครั้งสองครั้งก็ไม่ไหว ไม่เอาแล้ว
ก็เหมือนกินยารักษาโรคครับ รีบร้อนอยากให้หายไวๆ ทั้งที่เพิ่งกินยาไม่กี่มื้อ คิดว่าน่าจะปราบเชื้อโรคได้เรียบร้อย แท้จริงอาจจะยังอยู่ แต่หมดฤทธิ์ไปเท่านั้น ทางที่ดีอย่าเพิ่งด่วนสรุปว่าหายขาดครับ ต้องกินยาต่อครับ
เช่นเดียวกับงาน และเรื่องเรียน หากอยากเห็นตัวเองดีขึ้น เก่งขึ้น เป็นงานมากขึ้น ก็ควรหนักแน่น และเอาจริงเอาจัง ที่สำคัญควรพกพาความอดทนไว้เยอะๆ
...ต้องทุ่มเทพยายามอย่างต่อเนื่อง อย่าปล่อยให้ความหนืดเนือย ความเมื่อยล้าเกาะกุมอยู่ในใจ มิเช่นนั้นคงต้องพับโครงการดีๆ ของตัวเองเป็นร้อยๆ โครงการ
มีคำกล่าวที่ว่าการเริ่มต้นนั้นยากแล้ว แต่การสานต่อเรื่องที่เริ่มต้น กลับเป็นสิ่งที่ยากกว่า เพราะจิตใจคนเรามักเปลี่ยนแปลงสู่สิ่งใหม่เสมอ แต่การจะไปเริ่มต้นสิ่งใหม่ได้ ควรทำสิ่งที่วางไว้ให้สำเร็จลุล่วงก่อน
เมื่อลงทุนลงแรงทำสิ่งใดแล้ว อย่าเลิกเลยครับ! เสียดายเรี่ยวแรงทุ่มเทลงไป ยังไม่ได้ก่อเกิดผลอะไรเลย หากเราไม่สานต่อ
แม้มีสิ่งสนใจทำอีกเยอะแยะ แต่การเปลี่ยนความสนใจไปง่ายๆ เท่ากับปัดความรับผิดชอบต่อหน้าที่ อันควรกระทำ ณ ปัจจุบันไป สิ่งนี้เป็นเรื่องใหญ่หลวงครับเพราะเมื่อเวลาผ่านเลย ไม่มีใครกลับมาแก้ไขประวัติศาสตร์ส่วนนี้ของชีวิตที่ผ่านไปได้
ดังนั้น อย่าเพิ่งเลิกกินยา ถ้ายังไม่หายขาดครับ...
คมสัน วิเศษธร