Training survey (ทำไมไม่กำหนด NEED ให้เขา)
ฝ่ายพัฒนาบุคคลกร บางแห่งถูกแยกตัวออกมาจากฝ่ายทรัพยากรบุคคล มาตั้งตนดูแล รับผิดชอบด้านการฝึกอบรมโดยเฉพาะ มีอำนาจเบ็ดเสร็จ ในการที่จะให้ใคร อบรมเรื่องอะไร
ค่อนข้างมีอำนาจในมือ เรื่องการพัฒนาบุคลากร เพื่อให้มีทิศทาง ไปในทิศทางเดียวกันกับความต้องการขององค์กร
แต่เมื่อจะต้องทำแผนการฝึกอบรมทีไร จะต้องมีการสำรวจความต้องการในการฝึกอบรม (Training survey) แล้วสิ่งที่ได้รับกลับมานั้น ไม่แน่ใจว่า มันเป็น NEED หรือเป็น WANT กันแน่
ทำไม่ฝ่ายพัฒนาบุคลากรไม่กำหนดหลักสูตรการอบรมของแต่ละคนลงไปให้เขาหรือให้กับบุคลากรแต่ละคนในแต่ละหน่วยงาน เพราะทราบดีอยู่แล้วว่า NEED คือสิ่งที่จำเป็น หากขาดแล้ว จะไม่สามารถทำงานให้ดี สมบูรณ์แบบได้
แต่ WANT ที่แต่ละหน่วยงาน อยาก นั้น บางหลักสูตรไม่มีความจำเป็นในหน่วยงานเลย และไม่จำเป็นที่จะต้องรู้ แต่เป็นเพียงความอยาก ก็เลยระบุเป็นความต้องการในการอบรมไป
การดำเนินการดังกล่าวก่อให้เกิดการสูญเสีย เสียเปล่า บางครั้งการสูญเสียแบบนี้อาจรุนแรงมากกว่าเกิดของเสียในกระบวนการอีกด้วย เพราะเป็นสิ่งที่ลงทุนไปแล้วไม่ได้ก่อให้เกิดประโยชน์กลับมาเลย เพราะไม่เกี่ยวกับงาน
แล้วจะทำอย่างไร ...........................
ก็ต้องมีการสำรวจ Job ของแต่ละหน่วยงาน ว่าหน่วยงานนี้ มีลักษณะการทำงานอะไรบ้าง
เช่น แผนกประกอบ มีลักษณะการทำงานโดยหลักคือการประกอบชิ้นส่วน มีลักษณะงานที่เกี่ยวข้องคือ
1. การใช้เครื่องมือในการประกอบ
2. การดูแลบำรุงรักษาเครื่องมือเครื่องจักร
3. การประกอบชิ้นส่วนอย่างมีประสิทธิภาพ
4. การเชื่อมโลหะด้วยก๊าซ CO2
5. การใช้คอมพิวเตอร์เพื่อการทำรายงาน
เมื่อเรากำหนดได้ หรือทราบแล้วว่าในหน่วยงานมี JOB อะไรบ้างที่จำเป็น และพนักงานในหน่วยงานนั้นจำเป็นต้องรู้และเข้าใจเป็นอย่างดี เพราะถ้าไม่รู้แล้วจะทำให้เกิดปัญหาขึ้นในหน่วยงานอย่างแน่นอน
เมื่อได้ลักษณะงานทั้งหมดแล้วก็นำมาทำหลักสูตร และทดสอบพนักงานในสายวิชาที่เกี่ยวข้อง เพื่อจัดระดับความรู้ว่าผ่านหรือไม่ผ่าน เพื่อจัดให้มีการอบรมในเดือนต่อไปหรือปีต่อไป เพราะนี่คือ NEED ของหน่วยงานจริงๆ
ถ้าเราดำเนินการสำรวจ Job ทั้งหมดขององค์กรได้แล้ว ก็เอาส่วนของหลักสูตรที่เหมือนกัน มาจัดทำเป็นแผนในการอบรมประจำปีภายใน และหลักสูตรใดที่มีพนักงานจำเป็นต้องรู้ที่เป็นส่วนน้อย ก็อาจจัดส่งออกไปอบรมภายนอก
นี่ก็เป็น Training survey เพื่อหา Need ในการจัดการฝึกอบรมเช่นกัน และได้ตลอดไป ไม่ต้องให้หัวหน้าเขา Want มาหลอกเจ้าหน้าที่ฝึกอบรม แต่ก็อาจมีบ้างในบางหลักสูตร เพื่อเป็นการเสริมความรู้ทั่วๆไป ทำให้ค่าใช้จ่ายในการอบรมนั้นคุ้มค่ามากยิ่งขึ้น
เมื่อเราดำเนินการแล้วมีการบันทึกประวัติของแต่ละคนไว้ว่าใครผ่านการอบรมเรื่องใดไปบ้าง ยังไม่ผ่านเรื่องใดหรือหลักสูตรใด เก็บไว้เช่นเดียวกันกับการที่มีพนักงานใหม่เข้ามา อยู่ในส่วนไหน ต้องรู้เรื่องอะไร ต้องมีการอบรมในหลักสูตรใด เป็นข้อมูลของฝ่ายฝึกอบรมหรือฝ่ายพัฒนาบุคลากร
เมื่อฝ่ายพัฒนาบุคลากรทำงานเชิงรุกแบบนี้แล้ว สามารถระบุเป็นคนๆ ได้เลยว่าหลักสูตรที่จัดอบรมในคราวนี้ใครบ้างที่ต้องเข้ารับการฝึกอบรม ฝ่ายพัฒนาบุคลากรก็แจ้งรายชื่อลงไปให้หัวหน้าทราบเพื่อแจ้งให้พนักงานคนที่มีชื่อเข้ารับการอบรม โดยไม่ต้องให้หัวหน้าคัดเลือกพนักงานขึ้นมาอบรม เพราะบางโอกาสหัวหน้าก็มี พนักงานที่ต้องขึ้นอบรมเป็นอาชีพก็มี
การดำเนินการดังที่กล่าวมานี้พอเป็นสังเขป ในเรื่องการกำหนด Training need ที่ถูกต้อง แน่นอน 100% ไม่ต้องให้ใครมาเป็นผู้กำหนด เราในฐานะที่เป็นฝ่ายพัฒนาบุคคลากร ทำไมเราไม่กำหนด Training need ให้เขา เล่าครับ
Sanae boonpetch
November 22, 2009
[email protected]