คุณขา คุณขา เรื่องร้อนๆที่เวบบอร์ด The Sky Spirit ช่วงที่ผ่านมาก็ไม่พ้นเรื่อง แผลเป็น กับเรื่องขาลาย กับเรื่องปานแดงปานดำ ค่ะ
แผลเป็น
แผลเป็นที่เกิดขึ้นหลังจากอุบัติเหตุ หรือการผ่าตัดก็ตามมีสาเหตุมาจากปัจจัยต่างๆ หลายประการ เช่น
ความตึง , ความชอกช้ำของแผล การมีผิวหนังบางส่วนขาดหายไป
แผลที่ใช้เวลาในการรักษานานกว่าจะหายสนิท เกินกว่า 2 สัปดาห์ เช่นบาดแผลที่ไม่ได้ รับการเย็บแผล , บาดแผลสกปรกมีวัสดุแปลกปลอมค้างอยู่ในแผล เป็นต้น
ปัจจัยจากผิวหนังของผู้ป่วยเอง
แผลเป็น (ข้อมูลจาก
http://www.thaiderm.org)
แผลเป็นคืออะไร
การหายของแผล เป็นขบวนการซ่อนแซมที่สำคัญอย่างหนึ่งของร่างกาย แผลเป็นก็จะเป็นส่วนที่มาจากการหายของแผล แผลเป็นเหล่านี้อาจเกิดจากอุบัติเหตุ โรคบางชนิด เช่น สิว แผลจากการผ่าตัด โดยะรรมชาติแล้วแผลที่มีขนาดใหญ๋และใช้เวลานานในการหายโอกาสที่จะเป็นแผลเป็นจะมีมากขึ้น โดยแผลเป็นจะเห็นชัดในระยะแรกและค่อยๆ จางลง โดยใช้ระยะเวลาเป็นเดือนหรือปี การที่แผลเป็นจะเห็นได้ชัดหรือไม่ขึ้นกับสี ความเรียบ ความลึก ความยาวและความกว้างของแผลเป็นนั้นๆ ในคนที่อายุน้อยการซ่อมแซมมักจะดี ทำให้แผลเป็นที่เกิดขึ้นชัดเจนกว่าแผลเป็นในคนอายุมาก ผิวหนังบริเวณคางมักจะตึงกว่าบริเวณแก้มซึ่งมักจะทำให้เป็นแผลเป็นได้ง่ายขึ้น
การรักษาแผลเป็นทำอย่างไร
ในปัจจุบันเทคนิคทางการแพทย์เจริญก้าวหน้ามากในการทำแผลเป็นให้ดีขึ้น แต่ไม่ว่าจะใช้วิธีการใดก็ไม่มีทางที่จะทำแผลเป็นให้กลับมาเป็นผิวหนังปกติได้ เพียงแต่ทำให้ดูดีขึ้นและสังเกตเห็นได้น้อยลง สิ่งสำคัญคือ ปรึกษาแพทย์เพื่อหาวิธีการรักษาที่เหมาะสมที่สุดสำหรับแผลเป็นนั้น
วิธีการต่างๆ ในการรักษาแผลเป็น
การเปลี่ยนลักษณะแผลเป็นโดยการตัดเย็บ
วิธีนี้เหมาะสำหรับแผลเป็นที่กว้างมากหรือยาวมากในบริเวณที่สังเกตเห็นได้ชัด แผลเป็นที่กว้างและยาวสามารถถูกทำให้แคบขึ้นและสั้นลงได้โดยเทคนิคทางการผ่าตัดต่างๆ ซึ่งแพทย์ต้องดูทิศทางของแผลเป็นและทิศทางของกล้ามเนื้อภายใต้แผลเป็นนั้นๆ
การขัดหน้า
การขัดหน้าเป็นเทคนิคที่ค่อนข้างจะปลอดภัยและสามารถทำได้ด้วยเครื่องมือหหลายชนิดตั้งแต่เครื่องที่หัวทำด้วยกากเพชร ทายบางชนิด ไปจนถึงการใช้เลเซอร์ขัดหน้า การจะเลือกใช้เครื่องมือชนิดใดขึ้นอยู่กับความชำนาญของแพทย์ ชนิดของผิว และลักษณะของแผลเป็น เทคนิคนี้ใข้ได้ผลดีกับแผลเป็นจากสิว แผลเป็นจาอีสุกอีใส แผลเป็นจากรอยผ่าตัด กระชนิดลึกและรอยเหี่ยวย่น
การรักษาโดยวิธีนี้ แพทย์จะฉีดยาชาเฉพาะที่และยาช่วยผ่อนคลาย หลังทำผู้ป่วนสามารถกลับบ้านได้แต่ต้องพักอยู่บ้านประมาณ 1 สัปดาห์ แผลส่วนใหญ่จะแห้งภายใน 1 สัปดาห์ แผลส่วนใหญ่จะแห้งภายใน 1 สัปดาห์ และ 2 สัปดาห์ ต่อมาบริเวณที่ทำอาจดำและแดงได้เล็กน้อย ส่วนใหญ่จะหายไปภายใน 3 เดือน ผู้ได้รับการรักษาต้องพยายามเลี่ยงแสงแดดเป็นเวลา 3-6 เดือน
การฉีดคอลลาเจน
คอลลาเจนเป็นสารที่ผลิตจากโปรตีนของสัตว์ ใช้ฉีดเข้าไปในแผลเป็นเพื่อให้แผลเป็นเรียบขึ้น เหมาะสำหรับแผลเป็นที่เป็นมานานและ รักษาโดยวิธีอื่นแล้วไม่ค่อยได้ผล ผลข้างเคียงคือ ผู้ป่วยอาจแพ้ได้และผู้ป่วยต้องมาฉีดทุก 6-12 เดือน เนื่องจากคอลลาเจนที่ฉีดเข้าไปจะสลายได้
การรักษาโดยการปลูกหนังใหม่
เทคนิคนี้ทำโดยการผ่าตัดแผลเป็นออกและนำผิวหนังจากบริเวณอื่นมาใส่ลงไปแทนที่ ทำให้แผลเป็นเรียบขึ้น วิธีนี้เหมาะสำหรับแผลเป็นที่เป็นหลุมลึก
การรักษาโดยใช้สารเคมี
วิธีนี้เหมาะสำหรับแผลเป็นชนิดตื้นๆ สารเคมีที่ใช้มีหลายชนิดคือกรดไทรคลออาซิติก กรดอัลฟาไฮดรอกซี่และอื่นๆ การเลือกใช้ชนิดใดขึ้นอยู่กับระดับความลึกของแผลเป็น หลังทำผู้ป่วยจะรู้สึกแสบๆ เล็กน้อย จากนั้นบริเวณที่ทำจะดำและหลุดลอกออกภายใน 4-5 วัน หลังแผ่นดำหลุดออกบริเวณที่ถูกทำอาจดำหรือแดงเล็กน้อยและค่อยๆ จางหายไปในที่สุด ผู้ที่ได้รับการรักษาต้องหลีกเลี่ยงแสงแดดอย่างน้อย2-3 สัปดาห์
สรุป
ปัจจุบันวิทยาการทางการรักษาแผลเป็นก้าวหน้าขึ้น แผลเป็นต่างๆ จะดูดีขึ้นด้วยวิธีการรักษาต่างๆ ซึ่งค่อนข้างปลดดภัย โดยแพทย์จะเลือกให้เหมาะสมกับชนิดของแผลเป็นและชนิดของผิวพรรณในผู้ป่วยที่ต้องการรักษาแต่ละราย
อ่านข้อมูลเพิ่มเติมกันได้ที่นี่ค่ะ
ส่วนเรื่อง ปานแดง ปานดำ
(ข้อมูลจากจากhttp://www.bangkokhealth.com )
ปานแดง ปานดำ เป็นความผิดปกติแต่กำเนิดทั้ง 2 อย่างเป็นปัญหาที่นำมากล่าวร่วมกัน แต่ความจริงความผิดปกติทั้ง 2 อย่างนี้เป็นคนละเรื่องกันเลยกล่าวคือ ปานแดงเป็นความผิดปกติของเส้นเลือด ส่วนปานดำเป็นความผิดปกติของเซลล์สร้างสีของผิวหนัง หลักเกณฑ์ในการรักษาก็แตกต่างกันคือ ปานแดงหรือ Strawberry Hemargiona นั้นเป็นมาแต่กำเนิดและอาจหายเองได้หรือ ฝ่อตัวลงได้เองโดยไม่ต้องทำอะไร โดยทั่วไปเราจะดูอาการก่อนในขวบปีแรกหลังคลอด หลังจากนั้นมักจะฝ่อตัวลง เรามักจะเริ่มให้การรักษาหลังจากอายุ 5 ปี ในส่วนที่เหลือ ยกเว้นปานแดงบางตำแหน่ง เช่นบริเวณเปลือกตา , หรือมีเลือดออก เป็นต้น การรักษามีหลายวิธี ตั้งแต่การใช้เลเซอร์ชนิดที่เหมาะกับปานแดง ,การผ่าตัด หรือการฉีดยา
สำหรับปานดำ หรือปานสีน้ำเงิน อาจรักษาโดยใช้เลเซอร์สำหรับปานดำ , การผ่าตัด , การรักษาโดยใช้ความเย็น เป็นต้น
ข้อเสนอแนะสำหรับความผิดปกติในเรื่องนี้คือ การรักษาเรื่องปานแดงและปานดำนี้ เป็นความพิการที่มีมาแต่กำเนิด ที่สามารถรับการปรึกษา และรักษาได้ในโรงพยาบาลของรัฐ ซึ่งปัจจุบันมีหลายตำแหน่งที่มีเครื่องมือพร้อมในการรักษาอยู่แล้ว
สิวและฝ้า
พญ.รัศนี อัครพันธ์
สถาบันโรคผิวหนัง
คงไม่มีใครปรารถนาจะมีใบหน้าขรุขระเป็นโลกพระจันทร์ หรือกระดำกระด่าง เป็นขวานฟ้าหน้าดำ โดยเฉพาะผู้หญิงด้วยแล้ว ใครๆก็อยากมีใบหน้าเกลี้ยงเกลาด้วยกันทั้งนั้น
สิวและฝ้า นับเป็นตัวปัญหาใหญ่ทีทำให้ใบหน้าสวยๆของคุณผู้หญิพังอย่างไม่เป็นท่า สิวมักเป็นมากในวัยรุ่นและวัยหนุ่มสาวบางคนอาการของสิวจะไม่รุนแรงนัก แต่สิวในบางคนอาการจะรุนแรงและอักเสบมาก ที่สำคัญคือเมื่อสิวหายไปแล้วยังคงทิ้งร่องรอยไว้ให้ดูต่างหน้า บ้างก็เป็นแผลเป็น รอยดำ รอยบุ๋มหรือรอบนูน
บริเวณที่สิวชื่นชอบมากเป็นพิเศษก็คือ ใบหน้า หน้าอก และหลังซึ่งเป็นบริเวณที่มีต่อมไขมันอยู่เป็นจำนวนมาก โดยสิวสามารถเกิดได้จากหลายๆสาเหตุด้วยกัน อย่างเช่นเมื่อย่างเข้าสู่วัยรุ่นต่อมไขมันจะมีขนาดโตขึ้นและผลิตไขมันมากขึ้น การที่มีเชื้อ P. acnes เป็นจำนวนมากที่บริเวณรูขุมขน ซึ่งจะย่อยสลายไขมันทำให้เกิดการอุดตันของรูขุมขนและเกิดการอักเสบขึ้น นอกจากนี้ก็ยังมีปัจจัยอื่นๆ ที่กระตุ้นให้สิวกำเริบ เช่น การล้างหน้าด้วยสบู่บ่อยๆ หรือการใช้ยาสเตียรอยด์ วิตามินบางชนิด หรือฮอร์โมนเพศชาย รวมถึงการใช้เครื่องสำอางที่มีส่วนผสมของลาโนลินและขี้ผึ้ง เหล่านี้ล้วนเป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดสิวได้ทั้งสิ้น
ความเครียดก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดสิว เพราะความเครียดจะกระตุ้นให้ต่อมไขมันหลั่งไขมันออกมามากขึ้น หรือกลุ่มคนที่มีอาชีพที่ต้องสัมผัสกับอากาศร้อนเหงื่ออกมากหรือทำงานในโรงงานที่ต้องสัมผัสกับน้ำมัน ก็ล้วนทำให้เป็นได้มากขึ้นเช่นกัน
หากไม่อยากมีหน้าขรุขระเป็นโลกพระจันทร์เพราะสิว ก็ต้องพยายามเลี่ยงปัจจัยต่างๆที่กระตุ้นให้เกิดสิว ไม่ว่าจะเป็นการล้างและถูหน้าแรงๆ หรือนวดหน้า รวมถึงการบีบและแกะสิวหลีกเลี่ยงภาวะความเครียดและการนอนดึก ฯลฯ
หากเลี่ยงกันทุกวิถีทางแล้วก็ยังเป็นสิวก็ไม่ต้องกังวล เพราะยังมียารักษาสิวรอบำบัดอาการให้ท่านอยู่ ซึ่งยารักษาสิวมีทั้งยารับประทานและยาทา
ยาทาที่นิยมใช้มีอยู่ 3 กลุ่มใหญ่ๆ คือ ยาปฏิชีวนะประเภทคิริโทมัยซินนามิกและนลินดามัยซินนามิก เพื่อใช้ลดปริมาณ P.acnc ในรูขุมขน ส่วนเบนซอยล์เปอร์ออกไซด์นั้น นอกจากจะเป็นกลุ่มที่ช่วยลดปริมาณของ P.acnc ทีรูขุมขนแล้วยังช่วยละลายหัวสิวอีกด้วย แต่ยาทากลุ่มนี้มีหลายความเข้มข้นๆ ที่สูงจะทำให้เกิดการระคายเคืองได้ง่าย และกลุ่มสุดท้ายคือกรดวิตามินเอ ยากลุ่มนี้จะช่วยให้มีการหลุดลอกของหัวสิวใช้ได้ดีในสิวชนิดไม่อักเสบ
สำหรับ ยารับประทานก็มี 3 กลุ่มใหญ่ๆ เช่นกัน คือ ยาปฏิชีวนะ กรดวิตามินเอและฮอร์โมน แต่การใช้ควรอยู่ในความควบคุมของแพทย์เท่านั้น
ส่วนอาการของฝ้าจะไม่เกิดเป็นเม็ดหรืออักเสบเหมือนสิว แต่ฝ่าจะเป็นรอยน้ำตาลดำที่เกิดบนใบหน้า บริเวณแก้ม ปลายจมูก เหนือริมฝีปาก หน้าผากเหนือคิ้ว และอาจลามไปที่บริเวณคอและแขนด้านนอกที่ถูกแสงแดด การเกิดฝ้าจะพบในเพศหญิงมากกว่าเพศชาย และมักพบในหญิงวัยกลางคนอายุตั้งแต่ 30-40 ปีขึ้นไป
แสงแดดเป็นปัจจัยสำคัญที่สุดในการเกิดฝ้า โดยมีแสงอัลตร้าไวโอเลตชนิดเอ บี และแสงที่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าเป็นตัวกระตุ้นในการทำให้เกิดฝ้าสำหรับคนตั้งครรภ์หรือคนที่รับประทานยาคุมกำเนิดก็มีโอกาสเป็นฝ้าได้มาก เพราะฮอร์โมนจะมีส่วนในการทำให้เกิดฝ้า หรือการใช้สารเคมีบางอย่างรวมทั้งนำหอมที่มีอยู่ในเครื่องสำอางก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เกิดฝ้าขึ้นได้
การหลีกเลื่ยงการเกิดฝ้าสามารถทำได้ง่ายกว่าสิว เพียงแค่เลื่ยงการรับประทานยาคุมกำเนิดและการใช้เครื่องสำอางที่มีกลิ่นหอมมากเกินไป ที่สำคัญคือพยายามอยู่ห่างแดดในช่วงเวลา 10.00-15.00 น. หากเลี่ยงไม่ได้ก็ควรใช้ยาทากันแดดช่วย
การเลี่ยงไม่ให้เกิดฝ้าทำได้ง่าย แต่การรักษาฝ้านี่สิทำได้ยาก เพราะอาการฝ้าต้องรักษาด้วยยาเท่านั้น และยาที่รักษาก็ยังไม่มีชนิดใดเห็นผลได้ 100% เต็มเลย การรักษาจึงมักต้องใช้ยาหลายๆชนิดร่วมกัน เช่น
ไฮโดรควิโนน ยาลบรอยฝ้า จะออกฤทธิ์ยับยั้งการทำงานของเซลล์สร้างสี
กรดวิตามินเอ ออกฤทธิ์เร่งให้เซลล์ผิวหนังชั้นบนหลุดลอกออกเร็วขึ้น ใช้รักษาฝ้าได้ผลดี แต่การใช้ยาตัวนี้เป็นเวลานานจะทำให้หน้าบาง แดง ระคายเคืองและไวต่อสงแดดได้
ยาทาคอร์ติโคสเรียรอยด์ ออกฤทธิ์ยับยั้งการสร้างเม็ดสีของเซลล์สร้างสีทำให้ฝ้าจางได้ กรดเซลาอิดใช้ในการรักษาได้ผล แต่ต้องใช้เป็นเวลานานและอาจเกิดผลข้างเคียง คือแสบๆคันๆ
เนื่องด้วยผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้ ฉะนั้นการใช้ยาที่กล่าวมาแล้วทั้ง 4 ชนิดนี้จึงต้องอยู่ในความควบคุมดูแลของแพทย์
อย่างไรก็ดี สิงและฝ้าจะไม่ก่อปัญหาน่ารังคาญให้เลย หากท่านรู้จักที่จะป้องกันไว้ก่อนแล้วหน้าสวยๆของท่านก็จะได้ไม่ต้องพังอย่างไม่เป็นท่าด้วย
ปัญหาโรคผิวหนัง และความงาม อื่นๆ สามารถอ่านเพิ่มเติมที่นี่ค่ะ
หวังว่าคงได้รับประโยชน์และนำไปเป็นข้อมูลตัดสินใจในการรักษานะคะ
อย่างไรก็ตาม อย่าไปวิตกกังวลมากเกินไปค่ะ เพราะการสมัครเป็นพนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน (แอร์โฮสเตส/ สจ๊วต) นั้น คุณยังต้องผ่านกันอีกหลายด่านนะคะ ไม่ว่าจะเป็นการสัมภาษณ์ การว่ายน้ำ (สำหรับบางสายการบิน) การตรวจร่างกาย เป็นต้น
ถ้ามีความกังวลและอยากทำให้สวยงามเพื่อความสบายใจ (และมีกำลังทรัพย์) ก็ไปรักษากันเถอะค่ะ
Bye ค่า
" The Sky Spirit Staff "