ค้นคว้าหาเรื่องราวของพระเจ้าจันทรภาณุ จากด้านของประเทศศรีลังกา ก็จะพบร่องรอยของกษัตริย์นักรบจากนครศรีธรรมราช ปรากฏอยู่ทั่วไป
ในฐานะกษัตริย์นักรบที่ข้ามน้ำข้ามทะเล บุกเข้าโจมตีอาณาจักรสิงหล เมื่อประมาณพ.ศ.1778-1818 หรือประมาณค.ศ.1235-1275
ข้อมูลระบุว่า กองทัพของพระเจ้าจันทรภาณุ บุกเข้าโจมตีเมืองท่าทริงโคมาลี ชายฝั่งทะเลตะวันออกของศรีลังกา ด้วยทหารจาก "2 ฝั่งของช่องแคบมะลักกา" เพื่อชิงการครอบครองพระเขี้ยวแก้วของพระพุทธเจ้า เพื่อสร้างความชอบธรรมให้กับฐานะกษัตริย์ในประเทศตัวเอง
และยังมีข้อมูลระบุว่า พระเจ้าจันทรภาณุตีอาณาจักรสิงหลไม่สำเร็จ จึงไปนำเอากองกำลังทหารจากอินเดียใต้ จนสามารถยึดภาคเหนือของศรีลังกาจากกษัตริย์สิงหลได้
ร่องรอยของพระเจ้าจันทรภาณุในศรีลังกา ถือว่ามีสีสันมาก
ข้อมูลหนึ่งระบุว่า พระเจ้าจันทรภาณุ คือผู้ที่นำชนชาติมาเลย์และชวา เดินทางเข้าไปในลังกาเมื่อปีพ.ศ.1790 (ค.ศ.1247) ในฐานะทหารในกองทัพ
และกลายเป็นจุดเริ่มต้นของกลุ่มที่เรียกว่า "ชวากะ" ในศรีลังกา
ประวัติศาสตร์ลังกา เรียกพระเจ้าจันทรภาณุว่าเป็นกษัตริย์เชื้อสายมาเลย์แห่งนครศรีธรรมราช (Chandra Bhanu, the Malay King of Nakhon Sri Dhammarat) ยกทัพบุกศรีลังกาด้วยวัตถุประสงค์เพื่อครอบครองพระบรมสารีริกธาตุของอาณาจักรสิงหล และในการบุกครั้งที่สองได้นำทหารจากอินเดียใต้ คาดว่าน่าจะเป็นชาวทมิฬ มาช่วยรบ
พระเจ้าจันทรภาณุได้ยึดครองตอนเหนือของลังกา ในบริเวณที่เรียกว่า จาฟนา (Jaffna) อยู่ถึง 50 ปี โดยทิ้งร่องรอยไว้ด้วยชื่อของเมืองและสถานที่ต่างๆ ได้แก่ ชวา ปัตนัม (Java Patnam) ที่จาฟนา, ชวาคัชเชรี ฯลฯ
อีกร่องรอยของจันทรภาณุ ที่ทิ้งไว้ในศรีลังกา มีผู้ตั้งข้อสังเกตว่า ผู้ที่ยึดอาชีพทหารในศรีลังกา ก่อนจะเกิดสงครามกลางเมืองระหว่างสิงหลกับทมิฬ มักจะเป็นชาวทมิฬมุสลิมเชื้อสายมาเลย์และชวา
สาเหตุมาจากข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์ที่ว่า ชาวมาเลย์/ชวา สืบเชื้อสายทหาร เนื่องจากเข้ามาในศรีลังกาในฐานะทหารในกองทัพของพระเจ้าจันทรภาณุ
โดยเฉพาะชาวทมิฬมุสลิมจาก เมือง Chavakacheri ที่มักจะยึดอาชีพตำรวจและทหาร และเมืองนี้ในยุคของพระเจ้าจันทรภาณุ คือฐานทัพของทหารมาเลย์และชวา หรือ "ชวากะ" (Javaka) ที่กลายเป็นชื่อเมืองดังกล่าว
และนี่คือส่วนหนึ่งของเรื่องราวบุคคลในประวัติศาสตร์ ที่กลายมาเป็นต้นแบบของ "จตุคามรามเทพ"
"เทพ คือ มนุษย์ปุถุชนธรรมดา ที่กระทำความดี ละความชั่ว ฉะนั้น ทุกท่าน จึงมีสิทธิ์ที่จะจุติเป็นเทพได้ ไม่เลือก ชาติ ศาสนา เผ่าพันธุ์ ถ้ากระทำความดี(ทาน ศีล ภาวนา) ทั้งทาง กาย วาจา ใจ"
โอกาสหน้า จะกล่าวถึง การทำดีที่ได้ผลดีที่สุด
สวัสดีครับ
[email protected]
|