คนเราทุกคนต่างก็อยากได้งานที่ถูกใจ และได้เงินเดือนตามที่ตนเองต้องการ
งานดี ค่าจ้างสูง ถือว่าเป็นโชคดี
ยิ่งสิ่งแวดล้อมในการทำงานดี เช่น เจ้านายดี เพื่อนร่วมงานน่ารัก ก็ถือเป็นโชคสองชั้น
แต่ในความเป็นจริง มีคนจำนวนมากที่ไม่พอใจกับงานที่ตนทำอยู่
บ้างก็ไม่พอใจคน เช่น หัวหน้า ลูกน้อง เพื่อนร่วมงาน
บ้างก็ไม่พอใจงาน หาว่างานหนักมากเกินไป องค์กรใช้งานมากกว่าเงินเดือนที่ตนได้รับ
แต่ที่ยังต้องทนทำงานอยู่ที่เดิม เพราะยังหาทางไปที่ทำงานใหม่ไม่ได้ เพราะงานมันหายาก
ทำไมเราไม่ลองคิดในมุมกลับบ้างล่ะ ว่าองค์กรเขาอยากได้พนักงานประเภทไหน
เขาคงคิดไม่ต่างจากเราเท่าไรนักหรอก คงไม่มีองค์กรใดอยากได้พนักงานที่ไม่มีคุณภาพ
เขาอยากได้พนักงานที่ทำงานดี ทุ่มกายถวายชีวิต แต่จ่ายไม่แพงมากเกินไปนัก หากคุณไม่เจ๋งจริง ๆ
ทั้งสองฝ่ายต่างคิดที่คล้ายกัน เพียงแต่ยืนอยู่คนละมุมเท่านั้นเอง
อย่างไรก็แล้วแต่ ส่วนใหญ่พนักงานจะต้องเป็นฝ่ายปรับตัวเข้าหาองค์กร
หรือไม่ก็ต้องออกไปหางานที่ใหม่ ซึ่งก็อาจจะเจอปัญหาแบเดิม ๆ อีกอย่างแน่นอน
เพราะคนเรานั้นมีความต้องการที่ไม่รู้จักจบสิ้น ไม่รู้จักพอ
และสัจจธรรมของชีวิตหนึ่งในหลายข้อ คือ ไม่มีอะไรที่จะสมบูรณ์แบบไปทุกอย่าง
ไม่มีใครได้อะไรที่ดีพร้อมไปทุกอย่างในเวลาเดียวกัน
แท้ที่จริงแล้ว คนเราสุขทุกข์อยู่ที่ใจ
หากเรามีความมั่นใจ และคิดว่าเราพอใจ สุขใจกับสิ่งที่เราทำอยู่
มองปัญหาและอุปสรรคที่เราเจอนั้น ให้เป็นเหมือนการบ้าน หรือข้อสอบ
ที่เราจะต้องทำ ต้องตอบ หรือแก้ไขให้ได้ดีที่สุด
โดยใช้สติ เหตุผลในการจัดการกับปัญหาและอุปสรรคนั้น ๆ อย่าให้อารมณ์อยู่เหนือเหตุผล
หลังจากที่เราจัดการกับมันได้แล้ว จงนำมันมาเป็นตัวเสริประสบการณ์ชีวิตของเราให้แกร่งขึ้น
หากเราสามารถฝ่าฟันปัญหา หรืออุปสรรคเหล่านี้ไปได้ โดยใช้หลักที่ว่านี้
เราก็จะสามารถจัดการกับปัญหาเรื่องอื่น ๆ ที่เข้ามาในชีวิตเราได้เช่นกัน
ลองเริ่มคิดดูตั้งแต่วันนี้สิ
|