บ้านเขาเมืองเรา : ดร.ไสว บุญมา กรุงเทพธุรกิจ วันศุกร์ที่ 5 สิงหาคม 2554
เทคโนโลยีใหม่เกิดขึ้นตลอดเวลา มันมักช่วยแก้ปัญหาได้ แต่ในขณะเดียวกัน มันก็มักพกคำสาปมาด้วย หากใช้อย่างไม่ระวัง มันอาจสร้างปัญหา
ซึ่งบางครั้งหนักหนาสาหัสแบบคาดไม่ถึง
บทความนี้ เขียนก่อนที่จะรู้ว่ารัฐสภาอเมริกันจะตกลงเพิ่มเพดานหนี้ก่อนเส้นตายหรือไม่ แต่คงจะตกลงกันได้เนื่องจากการถกเถียงกันส่วนใหญ่เป็นเรื่องช่วงชิงความได้เปรียบทางการเมืองดังที่คอลัมน์นี้พูดถึงเมื่อสัปดาห์ก่อน การช่วงชิงความได้เปรียบทางการเมือง ทำให้ทั้งสองฝ่ายไม่ยอมทำอะไรเกี่ยวกับปัจจัยที่ทำให้ภาระหนี้สินหนักหนาสาหัสปัจจัยหนึ่งซึ่งได้แก่เรื่องผู้สูงวัย
ใช่ ! ผู้สูงวัยเป็นปัจจัยสำคัญของปัญหาและเทคโนโลยีมีบทบาทสูงมาก เนื่องจากผู้สูงวัยในสหรัฐมีหลายสิบล้านคน ซึ่งเป็นผู้ออกเสียงกลุ่มใหญ่ที่อาจดับฝันของนักการเมืองในการเลือกตั้งครั้งหน้าถ้าใครทำให้พวกเขาเสียประโยชน์ เทคโนโลยีมีบทบาทสำคัญในการทำให้ผู้สูงวัยมีสัดส่วนสูงขึ้นเพราะมันช่วยให้การคุมกำเนิดทำได้ง่ายยังผลให้เยาวชนมีจำนวนน้อยลง และการรักษาพยาบาลพร้อมทั้งการดูแลสุขภาพมีประสิทธิภาพมากขึ้นยังผลให้คนในสมัยนี้มีอายุยืนยาวกว่าคนในสมัยก่อน
พร้อมๆ กับที่ประชาชนมีอายุยืนยาวขึ้นนั้น แนวคิดเรื่องสวัสดิการสังคมก็ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวาง โดยกำหนดให้รัฐบาลเป็นตัวกลางในการถ่ายโอนทรัพยากรจากผู้ที่อยู่ในวัยทำงานไปให้ผู้สูงวัยในรูปของสวัสดิการจำพวกบำนาญและการประกันสุขภาพ เมื่อผู้สูงวัยมีสัดส่วนสูงขึ้น ค่าใช้จ่ายได้ด้านนี้มีสัดส่วนสูงขึ้นในอัตราที่ผู้สูงกว่าผู้สูงวัยเสียอีก ทั้งนี้ เพราะผู้สูงวัยใช้การรักษาพยาบาลมากกว่าคนทั่วไปและเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่ถูกนำมาใช้ในการรักษาพยาบาลนับวันจะยิ่งสลับซับซ้อนและแพงขึ้น
ตอนนี้ค่าใช้จ่ายในด้านสวัสดิการของรัฐบาลอเมริกันสูงถึงราวครึ่งหนึ่งของงบประมาณที่ไม่มีค่าดอกเบี้ยรวมอยู่ด้วย หากไม่ลดสิทธิประโยชน์ สัดส่วนนี้จะเพิ่มขึ้นอีกเพราะจำนวนผู้สูงวัยจะเพิ่มขึ้น 100% ในเวลา 15 ปีในขณะที่ประชาชนโดยรวมจะเพิ่มขึ้นเพียงราว 20% เท่านั้น นักการเมืองพยายามหลีกเลี่ยงที่จะพูดถึงแม้กระทั่งการลดสิทธิประโยชน์บางส่วนทั้งที่ผู้สูงวัยจำนวนไม่น้อยมีรายได้ในระดับมั่งคั่ง
คงเป็นที่ทราบกันดีแล้วว่า ไม่เฉพาะรัฐบาลอเมริกันเท่านั้นที่ค่าใช้จ่ายในด้านสวัสดิการกำลังจะทำให้รัฐบาลล้มละลาย รัฐบาลของหลายประเทศก็เช่นกัน กรีซกำลังประสบวิกฤติร้ายแรงส่วนหนึ่งเพราะภาระในด้านสวัสดิการ คงเป็นที่ทราบกันดีเช่นกันว่า ประเทศในย่านสแกนดิเนเวียมีสวัสดิการสังคมสูงมากและเก็บภาษีสูงมากเช่นกัน กระนั้นก็ตาม ตอนนี้พวกเขาเริ่มมีปัญหาเพราะสัดส่วนของผู้สูงวัยเพิ่มขึ้นจนค่ารักษาพยาบาลกลายเป็นภาระหนักอึ้ง
โดยทั่วไป ค่ารักษาพยาบาลนับวันจะเป็นภาระสูงขึ้นในทุกสังคม เพราะเรื่องสุขภาพมีอารมณ์เข้ามาเกี่ยวข้องสูงมาก เนื่องจากหากเลือกได้เกือบทุกคนคงเลือกที่จะอยู่ไปนานๆ และไม่ต้องการให้คนใกล้ชิดจบชีวิตลง ฉะนั้น การยื้อชีวิตไว้ด้วยเทคโนโลยีใหม่ๆ จะยิ่งเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นไปในอัตราที่สูงกว่าของผู้สูงวัยเสียด้วยซ้ำ ในกรณีที่รัฐเป็นผู้จ่ายค่ารักษาพยาบาล การตัดสินใจยื้อชีวิตไว้อาจทำได้ง่ายขึ้นจนส่งผลให้รัฐไม่สามารถแบกรับภาระได้ ผลสุดท้ายการรักษาพยาบาลก็จะกลายเป็นปัญหาโลกแตก
จะด้วยภาวะดังกล่าวหรือไม่ยากที่จะอนุมาน เมื่อสองปีที่ผ่านมา ชาวสแกนดิเนเวียเขียนนวนิยายขายดีออกมาเรื่องหนึ่ง ซึ่งได้รับการแปลเป็นภาษาอังกฤษว่า The Unit แกนของเรื่องอาจตีความหมายได้หลายอย่างรวมทั้งเรื่องการรักษาพยาบาลด้วย The Unit เป็นสถาบันที่ให้การดูแลเป็นอย่างดีแก่ผู้ที่ไม่มีภาระและประโยชน์ในสังคมโดยตรงแล้วด้วยจุดมุ่งหมายที่จะใช้พวกเขาเป็นหนูตะเภา เพื่อทดลองเทคโนโลยีใหม่ๆ หรือไม่ก็เพื่อเก็บเกี่ยวอวัยวะไปใส่ให้คนที่ยังมีประโยชน์ต่อสังคม เรื่องนี้จึงอาจตีความหมายได้ว่า การรักษาพยาบาลควรทำด้วยเหตุผลทางด้านอรรถประโยชน์เพียงอย่างเดียวเท่านั้นอันเป็นแนวคิดที่อยู่ตรงข้ามแบบสุดขั้วกับด้านการรักษาพยาบาลบนฐานของการใช้อารมณ์เพียงอย่างเดียว
การนำนวนิยายเรื่องนั้นมาอ้างในที่นี้มิใช่ต้องการจะชี้นำให้ทำตามนั้น หากต้องการเสนอให้พิจารณาหาทางสายกลาง เนื่องจากอีกไม่นานค่ารักษาพยาบาลจะเป็นภาระที่สังคมไทยแบกรับไม่ไหว หากการตัดสินใจวางอยู่บนฐานของการใช้อารมณ์เพียงอย่างเดียว ในตอนนี้ มีการนำนโยบายในแนวประชานิยมมาใช้ มันจะปลุกเร้าอารมณ์ให้ไร้เหตุผลยิ่งขึ้น โอกาสที่จะตัดสินใจพลาดจึงอาจเกิดได้ง่าย เนื่องจากเทคโนโลยีใหม่ๆ จะจูงใจให้เกิดความหวังเพิ่มขึ้นทั้งในส่วนของผู้ที่เกี่ยวข้องกับคนไข้และในส่วนของนักการเมืองผู้หวังได้คะแนนเสียง ค่าใช้จ่ายที่ตามมาอาจสร้างปัญหาแบบลูกโซ่จนทำให้เกิดภาระหนี้สินล้นพ้นทั้งในระดับบุคคล และในระดับรัฐบาลได้โดยเราไม่รู้ตัว