การทำงานทุกอย่างถือเป็นชีวิตก็ว่าได้
จึงไม่แปลกที่คนว่างงานจะต้องกลุ้มใจเพราะว่าจะรู้สึกเคว้งคว้าง หาที่ยึดเหนี่ยวไม่ได้ ไม่รู้จะหันหน้าไปพึงใคร บางคนถึงคิดสั้นฆ่าตัวตาย!
ดิฉันเกิดที่จังหวัดลพบุรี เป็นลูกชาวนา พอเกิดมาก็ต้องทำนา เพราะเป็นอาชีพของพ่อแม่ ทำสืบทอดกันมานาน แม่จะเอาลูกใส่กระบุงข้างนึง ลูกอีกคนเดินได้ก็จะเดินตามแม่ไป อีกข้างใส่ข้าวปลาอาหารไปให้พ่อซึ่งออกไปนา ตั้งแต่เช้ามืด จวนเพล (หมายถึงเวลา 11.00 น.พระจะตีกลองเรียกว่าตีกลองเพล) แม่ก็จะถึงนา พ่อก็จะได้กินข้าว กับข้าว ไม่มีอะไรมาก มีพวกน้ำพริกตำไปสักครก ไปหาผักจิ้มตามท้องนา จะมีกระถินบ้าง ผักบุ้งบ้าง กระเฉด แล้วแต่จะหาได้ จับปลา ในหนองน้ำข้างทาง เอาไปย่างกินได้รสชาดดี พอกินข้าวปลาเสร็จ แม่จะช่วยพ่อทำงานในนา ส่วนพวกเด็กๆ จะอยู่ตามใต้ต้นไม้ น้องตัวเล็กแม่จะ ใช้ผ้าขาวม้าผูกเป็นเปล กับต้นไม้ ให้พวกพี่ที่โตกว่าคอยแกว่ง และดูไม่ให้ตกจากเปล พอเย็นก็กลับบ้าน กินข้าวเย็น ดับตะเกียง เข้านอน
ชีวิตของเราก็จะดำเนินไปแบบนี้ ทุกปี การทำนาตั้งแต่เริ่มหว่านไถ ไปจนเก็บเกี่ยว แล้วให้พ่อค้าตีราคาขายข้าว วนเวียนเรื่อยไป บางปีข้าวดีมีราคาชาวนาก็หน้าใส บางปีไม่ได้ข้าว หรือราคาตกก็จะหน้าแห้งไปตามๆกัน ปีไหน ฝนตกมากน้ำท่วม นาล่ม เป็นอันต้องขาดทุนต้องกู้เงินเขามาลงทุน บางปีฝนน้อย นาแล้งแห้งไม่มีน้ำเลย ต้นข้าวแห้งตายพวกเราก็จนกันอีก กู้เขาอีกปี หนักเข้าไม่ไหวต้องขายที่นาบางส่วนใช้หนี้ พวกที่เป็นหนุ่มสาว ก็เข้ามาทำงานในกรุงเทพฯ เพราะส่วนมากจะหางานง่ายก็ต้องมากรุงเทพฯ นี่แหละ ปล่อยคนแก่และเด็ก อยู่ทำนากันต่อไป
เช่นเดียวกับพ่อแม่ของดิฉันที่ต้องระเหเร่ร่อนเข้ากรุง มาทำงาน ปล่อยให้พวกเราเด็กๆ อยู่กับญาติๆ ดิฉันมีพี่น้อง 4 คน
อย่าลืมติดตามเรื่องนี้นะคะรับรองค่ะสนุกแบบชีวิตจริงๆค่ะ
|